บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
ชื่อเรื่อง : การประเมินโครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ สืบสานรักษา ต่อยอด ศาสตร์พระราชา
เพื่อสร้างคนดีสู่สังคมของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15
(เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท)
ชื่อผู้ประเมิน : อนันต์ ทานัน
ปีที่รายงาน : 2564
การประเมินโครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ สืบสานรักษา ต่อยอด ศาสตร์พระราชาเพื่อสร้างคนดีสู่สังคมของโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) ปีการศึกษา 2564 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินบริบท ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ และส่วนขยายผลผลิตของโครงการด้านผลกระทบ ประสิทธิผล ความยั่งยืน และการถ่ายทอดส่งต่อ โดยใช้รูปแบบการประเมินโครงการแบบ CIPPIEST Model ประชากรที่ใช้ในการประเมิน มีจำนวนทั้งสิ้น 55 คน ประกอบด้วย ผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 1 คน รองผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 3 คน (ไม่รวมผู้ประเมิน) คณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน จำนวน 13 คน (ไม่รวมกรรมการโดยตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา และกรรมการที่เป็นผู้แทนครูผู้สอน) ครูผู้สอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) ในปีการศึกษา 2565 จำนวน 28 คน ผู้นำชุมชนในเขตบริการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) จำนวน 10 คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 350 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล จำนวน 8 ฉบับ ฉบับที่ 1 การประเมินด้านบริบทโครงการ ฉบับที่ 2 การประเมินด้านปัจจัยนำเข้า ฉบับที่ 3 การประเมินด้านกระบวนการ ฉบับที่ 4 การประเมินส่วนขยายผลผลิตด้านผลกระทบ ฉบับที่ 5 การประเมินส่วนขยายผลผลิตด้านประสิทธิผล ฉบับที่ 6 การประเมินส่วนขยายผลผลิต ด้านพฤติกรรมของนักเรียนตามแนวทางศาสตร์พระราชาพระบรมราโชบาย ฉบับที่ 7 การประเมินส่วนขยายผลผลิต ด้านความยั่งยืน ฉบับที่ 8 การประเมินส่วนขยายผลผลิต ด้านการถ่ายทอดส่งต่อ แบบสอบถามทั้งหมด เป็นแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการประเมินสรุปได้ ดังนี้
จากการศึกษาการดำเนินงานตามโครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ สืบสานรักษา ต่อยอด ศาสตร์พระราชาเพื่อสร้างคนดีสู่สังคมโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) ปีการศึกษา 2564 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3 สรุปผลการประเมินได้ ดังนี้
1. ข้อมูลสถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 350 คน คิดเป็น ร้อยละ 86.42 รองลงมา ได้แก่ ครูผู้สอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 6.91 และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีจำนวน 13 คน คิดเป็นร้อยละ 3.21 ผู้นำชุมชนในเขตบริการโรงเรียน จำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 2.47 รองผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 0.74 และ ผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 1 คน คิดเป็นร้อยละ 0.25 ตามลำดับ
2. ผลการประเมินด้านบริบทโครงการ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้นำชุมชน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ทำความเข้าใจในนโยบายและวัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รองลงมา คือ มีนโยบายน้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาขับเคลื่อนในสถานศึกษา และหรือระบุไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปี และโรงเรียนมีความพร้อมในการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตามลำดับ
3. ผลการประเมินด้านปัจจัยนำเข้าโครงการ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้นำชุมชน โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ จัดทำแผนการดำเนินงานให้ผู้เกี่ยวข้องทราบและนำไปปฏิบัติได้ สถานที่สาหรับใช้ปฏิบัติกิจกรรมตามโครงการมีความเหมาะสมและเพียงพอ และโรงเรียนมีการใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ของภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างรอบด้านในการกำหนดแหล่งเรียนรู้ตามลำดับ
4. ผลการประเมินด้านกระบวนการโครงการ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้นำชุมชน โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ กิจกรรมของโครงการสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ และเป้าหมายของโครงการ รองลงมาคือ การกําหนดขั้นตอนการจัดทําโครงการเศรษฐกิจพอเพียง มีความเหมาะสม การกําหนดหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการประเมินผลโครงการมีความเหมาะสม และการกําหนดระยะเวลาและสถานที่ในการดําเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในโครงการเศรษฐกิจพอเพียง มีความเหมาะสม ตามลำดับ
5. ผลการประเมินด้านผลผลิต โดยมีผลการประเมินส่วนขยายผลผลิตแต่ละด้าน ดังนี้
5.1 ผลการประเมินส่วนขยายผลผลิตด้านผลกระทบโครงการ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้นำชุมชน โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ นักเรียนมีความสนใจในกิจกรรมของโครงการ รองลงมานักเรียนมีความรู้และทักษะพื้นฐานในเรื่องหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และครูสามารถปรับตัว พัฒนาตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียนและชุมชนในการดำเนินชีวิตตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
5.2 ผลการประเมินส่วนขยายผลผลิตด้านประสิทธิผลตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้นำชุมชน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุดเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ ได้แก่ นักเรียนปฏิบัติตนตามหลักธรรม มีคุณธรรมจริยธรรม นักเรียนแสดงออกถึงการใช้ชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และนักเรียนมีความสนใจในงานเกษตรตามลำดับ
5.3 ผลการประเมินส่วนขยายผลผลิตด้านประสิทธิผล คุณธรรมของนักเรียนตามแนวทาง ศาสตร์พระราชา พระบรมราโชบาย 12 ข้อ รัชกาลที่ 9 และพระบรมราโชบายด้านการศึกษา 4 ข้อ รัชกาลที่ 10 ของโครงการพัฒนา แหล่งเรียนรู้ สืบสาน รักษา ต่อยอด ศาสตร์พระราชาเพื่อสร้างคนดีสู่สังคมของ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 15 (เวียงเก่าแสนภูวิทยาประสาท) โดยครูผู้รับผิดชอบกิจกรรมประเมินจากการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุดเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การรู้จักมัธยัสถ์ อดออม ฝากเงินไว้ในบัญชี มีความกตัญญูกตเวที มีพื้นฐานชีวิตที่มั่นคง - มีคุณธรรมตามลำดับ
5.4 ผลการประเมินส่วนขยายผลผลิตด้านความยั่งยืนโครงการ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้นำชุมชน โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ มีการกำหนดแผนยุทธศาสตร์ ของโรงเรียนในการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษาอย่างชัดเจน รองลงมา มีกรอบการพัฒนาโครงการต่อไปในอนาคตอย่างเป็นรูปธรรม และมีการกำหนดหลักสูตรสถานศึกษาจัดการศึกษาตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นนโยบายสำคัญของสถานศึกษา ตามลำดับ
5.5 ผลการประเมินส่วนขยายผลผลิตด้านการถ่ายทอดส่งต่อโครงการ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้นำชุมชน โดยรวมอยู่ในระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ค่าเฉลี่ยสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ มีโครงการสามารถเป็นแบบอย่างขยายผลให้กับโรงเรียนอื่นได้ รองลงมือ คือ โรงเรียนประชาสัมพันธ์โครงการให้ผู้เกี่ยวข้องรับทราบด้วยวิธีการที่หลากหลาย และสร้างเครือข่ายการเรียนรู้กับโรงเรียนและหน่วยงานภายนอก ตามลำดับ