การประเมินโครงการพัฒนาห้องเรียนคุณภาพ โดยใช้รูปแบบซิปป์ (CIPP Model) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 ปีการศึกษา 2564 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินด้านบริบท ด้านปัจจัยนำเข้า ด้านกระบวนการ และด้านผลผลิตของโครงการ รวมทั้งทราบปัญหาเพื่อให้ได้ข้อเสนอแนะ ปรับปรุง พัฒนาการดำเนินงานของโครงการพัฒนาห้องเรียนคุณภาพ โดยใช้รูปแบบซิปป์ (CIPP Model) ประเมินด้านบริบท (Context Evaluation) ด้านปัจจัยนำเข้า (Input Evaluation) ด้านกระบวนการ (Process Evaluation) และ ด้านผลผลิต (Product Evaluation) โรงเรียนที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 181 โรงเรียน ประกอบด้วย ผู้บริหาร จำนวน 181 คน ครูผู้รับผิดชอบโครงการ จำนวน 181 คน นักเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1- ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 22,912 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ จำนวน 739 คน ประกอบด้วย ผู้บริหาร จำนวน 181 คน ครูผู้รับผิดชอบโครงการ จำนวน 181 คน โดยวิธีการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง นักเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1- ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 377 คน โดยกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างจากประชากรตามตารางเครจซีและมอร์แกน (Krejecie & Morgan) เครื่องมือที่ใช้ประกอบไปด้วยแบบสอบถาม จำนวน 4 ฉบับ และแบบสัมภาษณ์ จำนวน 2 ฉบับ รวม จำนวน 6 ฉบับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติที่ใช้หาค่าความตรงของเครื่องมือใช้สูตร IOC ใช้แอลฟา หาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามและแบบสังเกตโดยใช้สูตรของครอนบาร์ค
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นผู้บริหาร ครูผู้รับผิดชอบโครงการและนักเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 จำนวน 181 โรงเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินครั้งนี้ ได้แก่ แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ สอบถามเกี่ยวกับความคิดเห็นต่อโครงการพัฒนาห้องเรียนคุณภาพ ในด้านสภาพแวดล้อมของโครงการ ความเหมาะสมของปัจจัยนำเข้าของโครงการ กระบวนการดำเนินโครงการ และผลผลิตของโครงการ ที่ผู้รายงานได้สร้างขึ้น จำนวน 1 ฉบับ มีค่าความเชื่อมั่น ด้านสภาพแวดล้อมของโครงการ 0.86 ด้านความเหมาะสมของปัจจัยนำเข้าของโครงการ 0.82 ด้านกระบวนการดำเนินโครงการ 0.78 และผลผลิตของโครงการ 0.76 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป วิเคราะห์ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการประเมินด้านบริบท พบว่า มีตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์การประเมินทั้ง 2 ตัวชี้วัด ดังนี้
1.1 ระดับความต้องการจำเป็นของโครงการ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมากที่สุด ( x̄ = 4.74, S.D. = 0.52)
1.2 ระดับความเป็นไปได้ของโครงการ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมากที่สุด ( x̄ = 4.72, S.D. = 0.53)
2. ผลการประเมินด้านปัจจัยนำเข้า พบว่า มีตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์การประเมินทั้ง 3 ตัวชี้วัด ดังนี้
2.1 ระดับความเหมาะสมของบุคลากร พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมากที่สุด ( x̄ = 4.75, S.D. = 0.50)
2.2 ระดับความเหมาะสมของงบประมาณ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมาก ( x̄ = 4.48, S.D. = 0.68)
2.3 ระดับความเหมาะสมของกิจกรรม พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมาก ( x̄ = 4.49, S.D. = 0.62)
3. ผลการประเมินด้านกระบวนการ พบว่า มีตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์การประเมินทั้ง 2 ตัวชี้วัด ดังนี้
3.1 ร้อยละของกิจกรรมที่ดำเนินการ พบว่า กิจกรรมที่ดำเนินการ คิดเป็นร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมากที่สุด
3.2 ร้อยละของการติดตามโครงการ พบว่า การติดตามโครงการ คิดเป็นร้อยละ 100 ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมากที่สุด
4. ผลการประเมินด้านผลผลิต พบว่ามีตัวชี้วัดผ่านเกณฑ์การประเมินทั้ง 4 ตัวชี้วัด ดังนี้
4.1 ด้านกายภาพ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมาก
4.2 ด้านคุณภาพการจัดการเรียนรู้ พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมาก
4.3 ด้านคุณภาพนักเรียน พบว่า ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมากที่สุด
4.4 ระดับความพึงพอใจของผู้บริหาร ครูผู้รับผิดชอบโครงการและนักเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนม เขต 2 หลังจากเข้าร่วมโครงการแล้ว พบว่าความพึงพอใจ ผ่านเกณฑ์การประเมิน ในระดับมาก