|
Advertisement
|
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ (1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัญหาและความต้องการในการสร้างและพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อพัฒนาสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียนโรงเรียนสุนทรวัฒนา (2) สร้างและพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อพัฒนาสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียนโรงเรียนสุนทรวัฒนา (3) ทดลองใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อพัฒนาสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนสุนทรวัฒนา (4) ประเมินและปรับปรุงรูปแบบการนิเทศภายในเพื่อพัฒนาสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียนโรงเรียนสุนทรวัวฒนา กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการทดลองใช้รูปแบบการนิเทศเพื่อพัฒนาสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียนโรงเรียนสุนทรวัฒนา ได้ใช้ครูทั้งหมดในการทดลองใช้รูปแบบฯ ได้แก่ ครู จำนวน 73 คน แยกเป็น ครูผู้นิเทศจำนวน 8 คน ครูผู้รับการนิเทศจำนวน 65 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสอบถาม แบบทดสอบ แบบประเมิน แบบสังเกตและประเด็นสนทนากลุ่ม สถิติที่ใช้ใน การวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสภาพการดำเนินงานของการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูโรงเรียนสุนทรวัฒนา ที่ผ่านมาพบปัญหาคล้ายคลึงกับที่ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง คือ ครูขาดความรู้ความเข้าใจ ขาดทักษะในการทำวิจัยในชั้นเรียน ไม่สามารถวิเคราะห์ปัญหาและนำปัญหาที่เกิดขึ้นในชั้นเรียนมาแก้ไขได้อย่างเป็นระบบ และไม่สามารถนำสิ่งที่ปฏิบัติอยู่มาเขียนเป็นรายงาน การวิจัยได้ และสอบถามระดับปัญหาการทำวิจัยในชั้นเรียนโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก และระดับความต้องการการทำวิจัยในชั้นเรียนโดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก
2. รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียนโรงเรียนสุนทรวัฒนา ที่สร้างขึ้น ชื่อว่า “CIPPER Model” โดยมีองค์ประกอบที่ประกอบด้วย หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการนิเทศภายใน และเงื่อนไขการนำรูปแบบการนิเทศภายในไปใช้ โดยมีกระบวนการในการนิเทศ 6 ขั้นตอน คือ ขั้นการคัดกรองระดับความรู้และทักษะความสามารถด้านการจัดการเรียนรู้และการทำวิจัยในชั้นเรียน ขั้นการให้ความรู้ก่อนการนิเทศ ขั้นการวางแผน การนิเทศ ขั้นการดำเนินงาน ขั้นการประเมินผลการนิเทศ และขั้นการสะท้อนผลการนิเทศผลการประเมินความเหมาะสมรูปแบบการนิเทศภายในโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการนิเทศภายในเพื่อพัฒนาสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียนโรงเรียนสุนทรวัฒนา พบว่า (1) ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศภายในของครูผู้นิเทศและครูผู้รับการนิเทศหลังการนิเทศสูงกว่าก่อนการนิเทศ (2) ความสามารถในการนิเทศภายในของครูผู้นิเทศโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (3) ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้นิเทศและครูผู้รับการนิเทศ หลังการนิเทศสูงกว่าก่อนการนิเทศ (4) ทักษะการทำวิจัยในชั้นเรียนของครูผู้รับการนิเทศโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (5) จิตวิจัยของครูผู้รับการนิเทศโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก งานวิจัยในชั้นเรียนที่ผ่านการประเมินคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญโดยภาพรวมอยู่ในระดับดี และ (7) ความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการนิเทศเพื่อพัฒนาสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียนโรงเรียนสุนทรวัฒนาโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
4. ผลการประเมินการพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในเพื่อพัฒนาสมรรถนะของครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียนโรงเรียนสุนทรวัฒนาตามความคิดเห็นของครูผู้นิเทศและครูผู้รับการนิเทศ พบว่า โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด และจากการสนทนากลุ่มร่วมกันของครูผู้นิเทศ และครูผู้รับการนิเทศ หลังจากเสร็จสิ้นการทดลองใช้รูปแบบผู้ร่วมสนทนากลุ่มให้ความคิดเห็นว่า องค์ประกอบของรูปแบบการนิเทศภายในทุกองค์ประกอบมีความเหมาะสม และสอดคล้องซึ่งกันและกัน เป็นกระบวนการที่มีประโยชน์มาก เป็นกระบวนการที่มีความต่อเนื่องและสัมพันธ์กันของแต่ละขั้นตอน ทำให้เกิดการพัฒนาทั้งด้านการพัฒนางาน และองค์ความรู้ส่วนองค์ประกอบเชิงเงื่อนไข การนำไปใช้ เป็นองค์ประกอบที่มีความจำเป็นในการพัฒนาครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน ซึ่งครูจะต้องทำด้วยความเต็มใจ เต็มกำลังเต็มความสามารถ ร่วมมือกัน มีความรับผิดชอบ และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก นอกจากนี้ผู้บริหารต้องตระหนักถึงความสำคัญของการนิเทศ ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณ สื่อ วัสดุ อุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกและการสร้างขวัญกำลังใจให้กับครู
|
โพสต์โดย Auttaya Taweewattanapong : [1 ก.ย. 2565 เวลา 05:19 น.] อ่าน [3486] ไอพี : 49.48.88.15
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
Advertisement
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 24,956 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 11,371 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 22,458 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 2,225 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 8,956 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 25,049 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 32,368 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,668 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 7,645 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,017 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 103,579 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 65,345 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 28,427 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,288 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 27,976 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 180,768 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 9,778 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,233 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 34,007 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 17,494 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|