บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
1) ศึกษาองค์ประกอบของรูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามแนวทางศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน กรณีศึกษา: โรงเรียนบ้านชากยายจีน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3
2) สร้างรูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามแนวทางศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน กรณีศึกษา: โรงเรียนบ้านชากยายจีน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3
3) ประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามแนวทางศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน กรณีศึกษา: โรงเรียนบ้านชากยายจีน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3
4) ศึกษาผลการนำรูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามแนวทางศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน กรณีศึกษา: โรงเรียนบ้านชากยายจีน สู่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 3
การปฏิบัติ โดยใช้วิธีผสมผสาน มีการดำเนินการวิจัย 4 ขั้นตอน คือ
ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาองค์ประกอบของรูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามแนวทางศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ขั้นตอนที่ 2 การสร้างและตรวจสอบองค์ประกอบของรูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามแนวทางศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยใช้เทคนิคเดลฟาย และการสนทนากลุ่ม
ขั้นตอนที่ 3 การประเมินความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามแนวทางศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยใช้แบบสอบถามแสดงความคิดเห็น จากนักการศึกษา นักวิชาการ ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารการศึกษา และผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 30 คน
ขั้นตอนที่ 4 การศึกษาผลการนำรูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามแนวทางศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน สู่การปฏิบัติ จาก ครู/บุคลากร นักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองเครือข่าย และผู้นำชุมชน จำนวน 64 คน โดยใช้เทคนิคกระบวนการ AIC (Appreciation - Influence - Control) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การวิเคราะห์องค์ประกอบ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัยพบว่า
1) การบริหารสถานศึกษาตามแนวทางศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน คือ การบริหารงานด้วยทางสายกลาง ประกอบด้วย หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และหลักการทรงงานของพระราชา เพื่อให้เกิดการพัฒนาโรงเรียนตามแนวทางศาสตร์พระราชาอย่างยั่งยืน
2) รูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามแนวทางศาสตร์พระราชา มีองค์ประกอบทั้งหมด 5 องค์ประกอบ คือ
2.1) ด้านหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2. 2) ด้านความเข้าใจ
2. 3) ด้านความเข้าถึง
2. 4) ด้านการพัฒนา
2. 5) ด้านหลักการทรงงานของพระราชา
3) ระดับความเหมาะสมและความเป็นไปได้ของรูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามแนวทางศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด
4) การนำรูปแบบการบริหารสถานศึกษาตามแนวทางศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน สู่การปฏิบัติ โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด