ชื่อเรื่อง : การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม โดยใช้วรรณกรรมท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
ชื่อผู้วิจัย : นางสาววรรณศรี โอกระโทก
ปีการศึกษา : 2564
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม โดยใช้วรรณกรรมท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม โดยใช้วรรณกรรมท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 (3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม โดยใช้วรรณกรรมท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมทักษะ การเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และ (4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มโดยใช้วรรณกรรมท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มโดยใช้วรรณกรรมท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนอรพิมพ์วิทยา อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 30 คน ได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แผนการจัดการจัดการเรียนรู้ จำนวน 7 แผน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบวัดทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ แบบประเมินความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test Dependent Samples)
ผลการศึกษาประกอบด้วยดังนี้
1. ข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่น นิสซึ่มโดยใช้วรรณกรรมท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า การจัดการศึกษามีสภาพที่คาดหวังคือเพื่อมุ่งปฏิรูปการเรียนรู้โดยยึดหลักผู้เรียนเป็นสำคัญ หลักการเรียนรู้ด้วยตนเองและหลักการเรียนรู้ตลอดชีวิตเน้นพลังความคิดสร้างสรรค์ การสร้างนิสัยรักการอ่าน การจัดการเรียนรู้ต้องปรับการเรียนเปลี่ยนการสอนไป จากเดิม คือ เปลี่ยนจากการสอนความรู้เป็นการสอนวิธีการเรียนรู้ ซึ่งเทคนิควิธีการเรียนรู้ตามแนวคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะนำมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ซึ่งมีหลักการที่ว่าความรู้ไม่ใช่เกิดจากการสอนของครูเพียงฝ่ายเดียว การเรียนรู้ที่ดีเกิดจากการลงมือกระทำด้วยตนเอง ส่วนการจัดการเรียนรู้ในโรงเรียนอรพิมพ์วิทยา ผู้เรียนยังขาดการพัฒนาทักษะกระบวนการคิดจึงส่งผลต่อการเรียนด้านทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์และสภาพปัญหาการเรียนด้านทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอรพิมพ์วิทยา อยู่ในระดับมาก ( = 3.73, S.D. = 1.27)
2. รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม โดยใช้วรรณกรรมท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรียกว่า PIDARE Model ประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน สาระหลัก สิ่งที่ส่งเสริมการเรียนรู้ ระบบสังคม หลักการตอบสนอง และสิ่งสนับสนุน ซึ่งมีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 80.10/81.22
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม โดยใช้วรรณกรรมท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า (1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มโดยใช้วรรณกรรมท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 (2) ทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม โดยใช้วรรณกรรมท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มโดยใช้โดยใช้วรรณกรรมท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนอรพิมพ์วิทยา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก ( = 4.26, S.D. = 0.84)