รายงานการประเมินโครงการครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ประเมินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนวัดหนองนาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 2) ศึกษาความพึงพอใจของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนวัดหนองนาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 และ 3) ศึกษาแนวทางการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนวัดหนองนาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครู ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียน โรงเรียนวัดหนองนาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 ปีการศึกษา 2564 รวมจำนวน 266 คน เลือกเป็นกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 188 คน จำแนกเป็นคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 9 คน ครู จำนวน 7 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 118 คน และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 จำนวน 54 คน ได้มาโดยวิธีเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling)
เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น ผ่านการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน วิเคราะห์ข้อมูลโดยหาค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Devation) และการวิเคราะห์เชิงเนื้อหา (Content Analysis)
ผลการประเมิน
1. การประเมินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนวัดหนองนางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 ในภาพรวมทั้ง 4 ด้าน พบว่า ภาพรวมมีความคิดเห็น อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.56, S.D.= 0.15) เมื่อพิจารณาในรายด้าน โดยเรียงจากค่าเฉลี่ยสูงสุดลงมา พบว่า ลำดับแรก คือ ด้านสภาพแวดล้อม ( = 4.70, S.D.= 0.20) รองลงมา คือ ด้านผลผลิต ( = 4.55, S.D.= 0.21) ด้านปัจจัยนำข้า ( = 4.51, S.D.= 0.24) และด้านกระบวนการ ( = 4.46, S.D.= 0.28) ตามลำดับ
2. การประเมินความพึงพอใจของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการดำเนินโครงการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนวัดหนองนาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 พบว่า ภาพรวมมีความพึงพอใจ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.54, S.D.= 0.19)
3. การศึกษาแนวทางการพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนวัดหนองนางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 ตามความคิดเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครู และผู้ปกครองนักเรียน สรุปดังนี้
3.1 ด้านรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล
ครูประจำชั้นควรสังเกตความสามารถพิเศษของนักเรียนขณะเรียนหรือปฏิบัติกิจกรรม ต่าง ๆ บันทึกในแบบบันทึกข้อมูลนักเรียนหรือระเบียนสะสม ควรมีการดำเนินการออกเยี่ยมบ้านนักเรียนอย่างต่อเนื่อง และบันทึกผลการเยี่ยมบ้านโดยการสัมภาษณ์ผู้ปกครองนักเรียน ควรดำเนินการวัดและประเมินผลผู้เรียน โดยใช้แบบวัดและประเมินผลผู้เรียนอย่างหลากหลาย เหมาะสมกับสภาพปัญหา ของนักเรียน ควรมีการนำแบบทดสอบการวัดความถนัดและความสามารถของนักเรียนมาใช้ทดสอบนักเรียน รวมถึงแบบวัดพหุปัญญาด้านต่าง ๆ ของนักเรียน
3.2 ด้านการคัดกรองนักเรียน
ควรมีการรวบรวมข้อมูลตามระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้ครบทุกประเด็น ควรมีการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสังเกต การสัมภาษณ์ การเยี่ยมบ้าน การสอบถามบุคคลรอบข้าง ควรมีการคัดแยกการคัดกรองนักเรียนเป็นรายชั้นเรียน และจำแนกนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มมีปัญหา ด้านการเรียน ควรแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มเรียนเก่ง กลุ่มเรียนปานกลาง และกลุ่มเรียนอ่อน และควรมีการสรุปผลการคัดกรองและบันทึกข้อมูลอย่างเป็นระบบ
3.3 ด้านการส่งเสริมนักเรียน
ควรมีการส่งเสริมความสามารถของนักเรียนทุกกลุ่ม กลุ่มนักเรียนเก่งมอบหมาย ให้เป็นผู้ช่วยครู จัดให้มีเวทีเพื่อให้นักเรียนได้กล้าแสดงออก เช่น โครงการเปิดบ้านวิชาการ โครงการ วันสำคัญต่าง ๆ หรือจัดกิจกรรมพิเศษ เช่น การจัดกิจกรรมแต่งกายเลียนแบบตัวละครในวรรณคดีไทย การจัดประกวดชุดรีไซเคิล เพื่อฝึกให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ เกิดแรงบันดาลใจ และสามารถค้นพบความชอบ ความถนัดของตน ซึ่งนักเรียนกลุ่มเรียนเก่งนี้จัดเป็นนักเรียนที่ควรได้รับการส่งเสริม สำหรับนักเรียนกลุ่มที่ควรได้รับการพัฒนา คือ นักเรียนกลุ่มเรียนอ่อน ครูควรจัดการเรียนการสอนเป็นรายบุคคล เพื่อพัฒนาทั้งความรู้ทางวิชาการ และการสร้างแรงบันดาลใจ อย่างไรก็ตามควรเน้นให้เด็กได้เรียนรู้ ด้วยความเต็มใจ
3.4 ด้านการป้องกัน ช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหา
ครูประจำชั้นควรพบปะกับนักเรียนในกิจกรรโฮมรูม มีการเยี่ยมบ้านนักเรียนเพื่อพบและสอบถามข้อมูลของนักเรียนจากผู้ปกครองนักเรียน ขอความร่วมมือจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้นำชุมชน และผู้ปกครองนักเรียนในการแก้ปัญหา ป้องกัน และดูแลนักเรียนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง และกลุ่มมีปัญหา ตลอดจนร่วมมือกับองค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น ในการจัดกิจกรรมต่อต้านและป้องกันยาเสพติด กิจกรรมที่ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เป็นต้น นอกจากนี้ต้องประสานกับสถานีตำรวจภูธรในชุมชน เพื่อขอความร่วมมือให้ตำรวจเข้ามาให้ความรู้ เรื่อง ยาเสพติด และภัยในสังคม โรงเรียนควรจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพอนามัยของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนมีสุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่สมบูรณ์ ซึ่งการจัดกิจกรรม ที่กล่าวมาข้างต้นสามารถช่วยป้องกัน และแก้ไขปัญหาของนักเรียนได้
3.5 ด้านการส่งต่อนักเรียน
ครูประจำชั้นต้องนำส่งนักเรียนที่มีปัญหาให้กับครูผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการดูแลช่วยเหลือนักเรียน และมีการส่งต่อนักเรียนไปยังองค์กรภายนอก เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญได้ช่วยแก้ปัญหา ตามสภาพปัญหาของนักเรียน เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจากนักเรียนกลุ่มเสี่ยงคืนสู่นักเรียนกลุ่มปกติ