ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อส่งเสริม ทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมา

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อส่งเสริม

ทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา

สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

ผู้วิจัย นางชฎาพร เจ๊กรวย

สถานศึกษา โรงเรียนวัดสโมสร สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี

ปีที่วิจัย 2564

บทคัดย่อ

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อส่งเสริมทักษะการ

อ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีความมุ่งหมายของการวิจัย 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS

Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 2) เพื่อสร้างและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 3 ที่มีประสิทธิภาพ 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดสโมสร สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ที่เรียนรายวิชา ท13101 ภาษาไทย จำนวน 2 ห้องเรียน มีนักเรียนทั้งหมด 35 คน มีกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียน วัดสโมสร สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 17 คน โดยได้มาจากการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบสอบถามความพึงพอใจ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) t–test (Dependent Samples) และ การทดสอบ Wilcoxon Singned-rank test

ผลการวิจัยพบว่า

1. การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อส่งเสริม

ทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีแนวคิดในการพัฒนารูปแบบมีกรอบแนวคิดทฤษฎี ดังนี้ 1) แนวคิดและทฤษฎีการสอนของของเดวีส์ และ2) หลักการจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student–Centered Instruction) มีรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตามแนวคิด ADDIE Model ประยุกต์ตามการออกแบบการเรียนการสอนของเดวีส์ และรูปแบบการจัดการเรียนการสอนการประยุกต์ร่วมกับกระบวนการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) และมีรูปแบบการเรียนรู้ที่เน้นประสบการณ์ (Experiential Learning) และการจัดการเรียนรู้โดยผู้เรียนนำตนเอง (Self–Directed Learning) และ 2) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 3 มีรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (PDPS Model) ประกอบด้วย ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นเร้าความสนใจ (Preparation : P) ขั้นที่ 2 ขั้นสาธิต (Demonstration : D) ขั้นที่ 3 ปฏิบัติทักษะ(Practicing: P) ขั้นที่ 4 สรุปและประเมินผล (Summarization and assesment: S) เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกด ไม่ตรงตามมาตรา และมีวิจัยการประยุกต์ร่วมกับกระบวนการวิจัย และพัฒนา (Research and Development) โดยที่ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4.70-5.00 แสดงว่ามีความเหมาะสมในการนำไปใช้การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

2) ผลการพัฒนาและรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อ

ส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตามความคิดเห็นและการประเมินรูปแบบของผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุดทุกข้อ โดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 4.70-5.00 แสดงว่ามีความเหมาะสมในการนำไปใช้ส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3

3) ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อ

ส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิตที่ระดับ .01 และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลโดยรวมหลังการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา มีทักษะเพิ่มมากขึ้นกว่าก่อนได้รับการพัฒนาทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

4) ผลการประเมินการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อ

ส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ประกอบด้วย

4.1) ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้รูปแบบ

การจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน มีค่าเท่ากับ85.51/83.97 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้ และ มีค่าดัชนีประสิทธิผลของกระบวนการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเท่ากับ .01 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้

4.2 ผลการเปรียบเทียบทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา

สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านและการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 3 ก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิตที่ระดับ .01

4.3) ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการ

จัดการเรียนรู้ภาษาไทยโดยใช้ PDPS Model เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่าน และการเขียนคำที่สะกดไม่ตรงตามมาตรา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยรวมและรายข้อทุกข้อในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือข้อ 13 กิจกรรมการเรียนรู้นี้ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ( = 4.47) ข้อ14 กิจกรรมการเรียนรู้สามารถศึกษาได้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน( = 4.45) และข้อ16 การจัดการเรียนรู้นี้นักเรียนเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ( = 4.44) ตามลำดับ ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ข้อ 5 การเรียนรู้นี้สามารถทำให้นักเรียนได้นำความรู้ สู่การปฏิบัติจริง ( = 3.92)

โพสต์โดย ชฎาพร : [30 ส.ค. 2565 เวลา 10:34 น.]
อ่าน [3474] ไอพี : 223.206.219.145
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 29,689 ครั้ง
สิ่งมีชีวิตนอกโลก มีจริงหรือไม่
สิ่งมีชีวิตนอกโลก มีจริงหรือไม่

เปิดอ่าน 14,991 ครั้ง
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อันตรายที่อย่ามองข้าม
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ อันตรายที่อย่ามองข้าม

เปิดอ่าน 15,349 ครั้ง
ผู้ว่าฯ เชียงราย ผุดไอเดีย สร้างถนนดอกซากุระ สั่งซื้อจากญี่ปุ่น
ผู้ว่าฯ เชียงราย ผุดไอเดีย สร้างถนนดอกซากุระ สั่งซื้อจากญี่ปุ่น

เปิดอ่าน 166,264 ครั้ง
กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการเลื่อนขั้นเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2550
กฎ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการเลื่อนขั้นเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2550

เปิดอ่าน 2,431 ครั้ง
คู่มือแนวทางการปฏิบัติงานกิจกรรมสภานักเรียน
คู่มือแนวทางการปฏิบัติงานกิจกรรมสภานักเรียน

เปิดอ่าน 31,125 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): การเตะจากจุดโทษ
ฟุตซอล(Futsal): การเตะจากจุดโทษ

เปิดอ่าน 27,278 ครั้ง
"ช้างน้าว" ยิ่ง "เหลือง"พรึ่บ!! เท่าไหร่ ยิ่งรวย..
"ช้างน้าว" ยิ่ง "เหลือง"พรึ่บ!! เท่าไหร่ ยิ่งรวย..

เปิดอ่าน 26,311 ครั้ง
ไม้ดอกไม้ประดับ (สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 30)
ไม้ดอกไม้ประดับ (สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 30)

เปิดอ่าน 64,562 ครั้ง
กำจัดแก๊สในร่างกายด้วยท่าง่าย ๆ
กำจัดแก๊สในร่างกายด้วยท่าง่าย ๆ

เปิดอ่าน 20,710 ครั้ง
รู้ไว้ใช่เสียหาย "กัญชง" ต่างจาก "กัญชา" อย่างไร?
รู้ไว้ใช่เสียหาย "กัญชง" ต่างจาก "กัญชา" อย่างไร?

เปิดอ่าน 16,800 ครั้ง
เอกสารแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ.2558
เอกสารแนวทางการดำเนินงานตามนโยบายการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปีงบประมาณ พ.ศ.2558

เปิดอ่าน 18,541 ครั้ง
ดวงอาทิตย์ (The Sun)
ดวงอาทิตย์ (The Sun)

เปิดอ่าน 51,166 ครั้ง
ยาจำพวกซัลฟา
ยาจำพวกซัลฟา

เปิดอ่าน 49,377 ครั้ง
ว่าด้วยเรื่อง ป.โทวิชาชีพครู
ว่าด้วยเรื่อง ป.โทวิชาชีพครู

เปิดอ่าน 14,863 ครั้ง
รู้ทันดอกเบี้ยบัตรเครดิต คิดให้ดีก่อนรูด
รู้ทันดอกเบี้ยบัตรเครดิต คิดให้ดีก่อนรูด

เปิดอ่าน 15,405 ครั้ง
บันไดเลื่อนตัวแรกของไทย
บันไดเลื่อนตัวแรกของไทย
เปิดอ่าน 16,535 ครั้ง
เทควันโด : อวัยวะของร่างกายที่ใช้เป็นอาวุธ
เทควันโด : อวัยวะของร่างกายที่ใช้เป็นอาวุธ
เปิดอ่าน 19,195 ครั้ง
รูปแบบการสอนวิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัยที่มีประสิทธิภาพ
รูปแบบการสอนวิธีการทางสถิติสำหรับการวิจัยที่มีประสิทธิภาพ
เปิดอ่าน 11,082 ครั้ง
กลั้นปัสสาวะ เรื่องธรรมดาที่น่ากลัว
กลั้นปัสสาวะ เรื่องธรรมดาที่น่ากลัว
เปิดอ่าน 9,438 ครั้ง
ทำไมคนเราถึงฝัน
ทำไมคนเราถึงฝัน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ