ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
รายงานการประเมินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่

ชื่อผลงาน : รายงานการประเมินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน

โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่

ผู้ประเมิน : นายกิตติ วิชัยดิษฐ

ตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์

สถานศึกษา : โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาตรัง กระบี่

ปีการศึกษา : 2563

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา

โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ได้ดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ปีการศึกษา 2563 โดยกำหนดกิจกรรมหลักไว้ 12 กิจกรรม ดังนี้ 1) กิจกรรมสอนเสริมยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 2) กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพนักเรียน 3) กิจกรรมเยี่ยมบ้าน 4) กิจกรรม To Be Number One 5) กิจกรรมเครือข่ายผู้ปกครองนักเรียน 6) กิจกรรมส่งเสริมพฤติกรรมและป้องกันแก้ไขพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ 7) กิจกรรมการจัดครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนสอนซ่อมเสริมให้กับนักเรียน 8) กิจกรรมศิลปะ ดนตรี กีฬาต่อต้านยาเสพติด 9) กิจกรรมใครติดยายกมือขึ้น 10) กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม 11) กิจกรรมวันสำคัญและการเข้าค่ายลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด 12) กิจกรรมทัศนศึกษา เพื่อพัฒนาคุณลักษณะนักเรียนในด้านต่างๆ ทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี สามารถปรับตัวเข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม สามารถเรียนได้ตามศักยภาพและเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้และการทำงาน เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะกับตนเอง โดยดำเนินการติดตามประเมินผลโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนและนำข้อมูลมาใช้ประกอบในการตัดสินใจ ปรับปรุง แก้ไข พัฒนาคุณภาพการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ในการประเมินโครงการครั้งนี้ใช้รูปแบบการประเมินแบบซิปป์ (CIPP Model) ของสตัฟเฟิลบีม (Daniel L.Stufflebeam) มีขอบข่ายการประเมินโครงการที่ครอบคลุมการประเมิน 4 ด้าน ได้แก่ ประเมินสภาพแวดล้อมหรือบริบท (Context Evaluation) ประเมินปัจจัยเบื้องต้น (Input Evaluation) ประเมินกระบวนการ (Process Evaluation) และประเมินผลผลิต (Product Evaluation) เพื่อให้ได้ข้อมูลสารสนเทศมาใช้ในการวางแผนพัฒนาหรือตัดสินใจในการดำเนินโครงการที่มีประสิทธิภาพ เป็นแนวทางให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้รับผิดชอบโครงการเสริมสร้างความเข็มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนใช้ในการวางแผน ปรับปรุง โครงการให้เหมาะสมและมีประสิทธิผลสูงสุด นำไปสาความยั่งยืนต่อไป โดยมีรายละเอียดการดำเนินการดังนี้

วัตถุประสงค์ในการประเมินโครงการ

1. เพื่อประเมินสภาวะแวดล้อมหรือบริบท ก่อนการดำเนินงานตามโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่

2. เพื่อประเมินปัจจัยเบื้องต้น ที่มีผลต่อการดำเนินงานตามโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่

3. เพื่อประเมินกระบวนการ ในการดำเนินงานตามโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่

4. เพื่อประเมินผลผลิต ในการดำเนินงานตามโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่

5. เพื่อประเมินผลกระทบ ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่

วิธีการประเมินโครงการ

การประเมินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ผู้ประเมินใช้รูปแบบการประเมินแบบซิป (CIPP Model) ของสตัพเฟิลบีม (Daniel L. Stuffelbeam) มาประยุกต์ใช้ในการสร้างเครื่องมือเพื่อให้เห็นภาพกระบวนการดำเนินการและเห็นภาพรวมของการดำเนินการพัฒนาตลอดโครงการ โดยทำการประเมินสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation) ประเมินปัจจัยเบื้องต้น (Input Evaluation) ประเมินกระบวนการ (Process Evaluation) ประเมินผลผลิต (Product Evaluation) และประเมินด้านผลกระทบ (Impact Evaluation)

1. ประเมินสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation)

การประเมินสภาวะแวดล้อม ผู้ประเมินได้ทำการประเมินก่อนดำเนินโครงการ โดยใช้เครื่องมือฉบับที่ 1 สอบถามความคิดเห็นของครูที่ปรึกษา จำนวน 90 คน และคณะกรรมการสถานศึกษา-ขั้นพื้นฐาน จำนวน 15 คน

2. ประเมินปัจจัยเบื้องต้น (Input Evaluation)

การประเมินปัจจัยเบื้องต้น ผู้ประเมินได้ทำการประเมินก่อนดำเนินโครงการ โดยใช้เครื่องมือฉบับที่ 2 สอบถามความคิดเห็นของครูที่ปรึกษา จำนวน 90 คน และคณะกรรมการสถานศึกษา- ขั้นพื้นฐาน จำนวน 15 คน

3. ประเมินกระบวนการ (Process Evaluation)

การประเมินกระบวนการ ผู้ประเมินได้ประเมินขณะดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ประเมินกิจกรรมและขั้นตอนต่าง ๆ ของโครงการตามที่กำหนดไว้ โดยใช้เครื่องมือฉบับที่ 3 และเครื่องมือฉบับที่ 5 สอบถามความคิดเห็นของครูที่ปรึกษา จำนวน 90 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน

จำนวน 15 คน

4. ประเมินผลผลิต (Product Evaluation)

การประเมินผลผลิต ผู้ประเมินได้ประเมินเมื่อสิ้นสุดโครงการ ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 ใช้เครื่องมือฉบับที่ 4 และเครื่องมือฉบับที่ 6 สอบถามความคิดเห็นของครูที่ปรึกษา จำนวน 90 คน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 15 คน

5. ประเมินด้านผลกระทบ (Impact Evaluation)

การประเมินผลกระทบ ผู้ประเมินได้ประเมินเมื่อสิ้นสุดโครงการ ในภาคเรียนที่ 2

ปีการศึกษา 2563 ใช้เครื่องมือฉบับที่ 7 สอบถามความคิดเห็นของนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 55 คน ใช้เครื่องมือฉบับที่ 8 สอบถามความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 55 คน

ใช้เครื่องมือฉบับที่ 9 บันทึกการติดตามนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ จำนวน 55 คน และ

ใช้เครื่องมือฉบับที่ 10 บันทึกข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนทั้งโรงเรียน

ขอบเขตของประชากรและกลุ่มเป้าหมาย

ประชากร ประกอบด้วย

1. ครู ผู้ปฏิบัติการสอนและปฏิบัติครูที่ปรึกษาโรงเรียนคลอมท่อมราษฎร์รังสรรค์

ปีการศึกษา 2563 จำนวน 96 คน

2. คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ ปีการศึกษา 2563

จำนวน 15 คน

3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 – 6 โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ ปีการศึกษา 2563 จำนวน 1,776 คน

4. ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ ปีการศึกษา 2563 จำนวน 1,776 คน

กลุ่มเป้าหมายในการประเมินครั้งนี้ คือ

กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย กลุ่มตัวอย่าง และประชากร ดังนี้

1. ครู สุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (ครูที่ปรึกษา) ปีการศึกษา 2563 จำนวน 90 คน

2. คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ศึกษาจากประชากรคณะกรรมการสถานศึกษา

ปีการศึกษา 2563 จำนวน 15 คน

3. นักเรียน สุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง กลุ่มนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ จำนวน 55 คน

4. ผู้ปกครอง สุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง กลุ่มนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ จำนวน 55 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน

เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการประเมินเพื่อรายงานผลครั้งนี้ประกอบด้วยแบบสอบถามและแบบบันทึกการติดตามนักเรียน ซึ่งผู้ประเมินได้สร้างขึ้นเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลตามวัตถุประสงค์ของการรายงานผลการพัฒนา ดังนี้ ฉบับที่ 1 เป็นแบบสอบถามที่ใช้สอบถามความคิดเห็นของครูที่ปรึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อมก่อนการดำเนินโครงการ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.66 ฉบับที่ 2 เป็นแบบสอบถามที่ใช้สอบถามความคิดเห็นของครูที่ปรึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ปัจจัยเบื้องต้นที่จำเป็นต้องใช้ดำเนินโครงการ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.78 ฉบับที่ 3 เป็นแบบสอบถามที่ใช้สอบถามความคิดเห็น กระบวนการในการดำเนินโครงการมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.90 ฉบับที่ 4 เป็นแบบสอบถามที่ใช้สอบถามความคิดเห็นของครูที่ปรึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผลผลิตจากการดำเนินโครงการ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.69 ฉบับที่ 5 เป็นแบบสอบถามที่ใช้สอบถามความคิดเห็นของครูที่ปรึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน การจัดกิจกรรมหลัก 12 กิจกรรมตามโครงการ มีค่าความเชื่อมั่น 0.85 ฉบับที่ 6 เป็นแบบสอบถามเพื่อประเมินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ประกอบด้วย 5 ด้านหลัก ดังนี้ ด้านที่ 1 การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล ด้านที่ 2 การคัดกรองนักเรียน ด้านที่ 3 การส่งเสริมนักเรียน ด้านที่ 4 การป้องกันและแก้ไขปัญหา ด้านที่ 5 การส่งต่อ ของครูที่ปรึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.90 ฉบับที่ 7 เป็นแบบสอบถามที่ใช้สอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่ได้ปฏิบัติกิจกรรมหลัก 12 กิจกรรม ใช้กับกลุ่มนักเรียนที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.72 ฉบับที่ 8 เป็นแบบสอบถามที่ใช้สอบถามความคิดเห็นของผู้ปกครองนักเรียนที่นักเรียนในความปกครองมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ที่มีต่อการจัดกิจกรรมหลัก 12 กิจกรรม มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.78 ฉบับที่ 9 แบบบันทึกการติดตามนักเรียนกลุ่มที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ บันทึกข้อมูลนักเรียนก่อนการดำเนินโครงการและหลังการดำเนินโครงการ ฉบับที่ 10 แบบบันทึกผลการเรียนของนักเรียน ใช้บันทึกข้อมูลผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนการดำเนินโครงการและหลังการดำเนินโครงการ

สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล

ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)

สรุปผลการประเมิน

การประเมินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ปีการศึกษา 2563 สรุปผลการประเมินได้ดังนี้

1. ผลการประเมินบริบทหรือสภาวะแวดล้อม (Context Evaluation)

ได้ข้อมูลจากการใช้เครื่องมือฉบับที่ 1 สอบถามความคิดเห็นครูที่ปรึกษาและกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 105 คน โดยรวมแล้ว ผู้ตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นต่อบริบทหรือสภาวะแวดล้อมก่อนการดำเนินโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ อยู่ในระดับมาก ( =3.63, S.D.= 0.84) หากพิจารณารายข้อค่าเฉลี่ยสูงสุด ( = 3.84, S.D.=0.71) ซึ่งมีความคิดเห็นในระดับมาก ได้แก่ แผนการดำเนินงานและกิจกรรมตามโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ลำดับสอง มีความคิดเห็นในระดับมาก ( = 3.74, S.D.=0.81) ได้แก่ มีการนำข้อมูล สถิติสถานการณ์ปัจจุบันด้านปัญหาเกี่ยวข้องกับสารเสพติดและพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ของนักเรียนโรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ มาใช้ในการวางแผนดำเนินงานโครงการได้อย่างเหมาะสม

2. ผลการประเมินปัจจัยเบื้องต้น (Input Evaluation)

ได้ข้อมูลจากการใช้เครื่องมือฉบับที่ 2 สอบถามความคิดเห็นครูที่ปรึกษาและกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 105 คน ที่มีต่อปัจจัยเบื้องต้นในการดำเนินงานตามโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ โดยรวมแล้วมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ( =3.96, S.D.=0.87) หากพิจารณารายข้อ พบว่าค่าเฉลี่ยสูงสุด ได้แก่ วิธีดำเนินการมีความเหมาะสมสามารถดำเนินการได้ มีค่าเฉลี่ย ( = 4.37, S.D.=0.72) ซึ่งมีความคิดเห็นในระดับมาก

3. ผลการประเมินกระบวนการ (Process Evaluation)

ได้ข้อมูลจากการใช้เครื่องมือฉบับที่ 3 และเครื่องมือฉบับที่ 5 สอบถามความคิดเห็นครูและกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 105 คน

3.1 ผลการใช้เครื่องมือฉบับที่ 3 สอบถามความคิดเห็นของครูที่ปรึกษาและกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 105 คน ที่มีต่อด้านกระบวนการในการดำเนินงานตามโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ โดยรวมแล้วมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ( = 3.73, S.D. = 0.83) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ลำดับ 1 คือ สรุปผลและจัดทำรายงานการประเมินผลการดำเนินงานตามโครงการ มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ลำดับ 2 คือ มีการประเมินผลหลังเสร็จสิ้นการดำเนินงาน มีความคิดเห็นในระดับมาก ลำดับ 3 คือ วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนนักเรียนที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับสารเสพติด มีความคิดเห็นในระดับมาก และส่วนมากมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก

( ³ 3.51)

3.2 ผลการใช้เครื่องมือฉบับที่ 5 สอบถามความคิดเห็นของครูที่ปรึกษาและกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 105 คน ต่อกิจกรรมหลัก 12 กิจกรรม ตามโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ โดยรวมแล้วมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ( = 4.09 , S.D. = 0.81) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ลำดับ 1 คือ กิจกรรมออกเยี่ยมบ้านนักเรียน มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ลำดับ 2 คือ กิจกรรมศิลปะ ดนตรี กีฬาต่อต้านยาเสพติด มีความคิดเห็นในระดับมาก ลำดับ 3 คือ กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม มีความคิดเห็นในระดับมาก ลำดับ 4 คือ กิจกรรมทัศนศึกษา มีความคิดเห็นในระดับมาก และทุกกิจกรรมมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ( ³ 3.51)

4. ผลการประเมินผลผลิต (Product Evaluation)

ได้ข้อมูลจากการใช้เครื่องมือฉบับที่ 4 และเครื่องมือฉบับที่ 6 สอบถามความคิดเห็นครูที่ปรึกษาและกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 105 คน

4.1 ผลการใช้เครื่องมือฉบับที่ 4 แบบสอบถามความคิดเห็นของครูที่ปรึกษาและกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 105 คน ที่มีต่อด้านผลผลิตตามโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ โดยรวมแล้วมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ( = 4.02, S.D. = 0.82) และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ลำดับ 1 คือ ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ส่งผลให้สัมพันธภาพระหว่างครูกับนักเรียนเป็นไปด้วยดี มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ลำดับ 2 คือ ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ส่งผลให้นักเรียนรู้จักตนเองและควบคุมตนเองได้

มีความคิดเห็นในระดับมาก ลำดับ 3 คือ ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ส่งผลให้นักเรียนได้รับการส่งเสริมให้แสดงออกตามสภาพของตนเอง มีความคิดเห็นในระดับมาก และส่วนมากมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ( ³ 3.51)

4.2 ผลการใช้เครื่องมือฉบับที่ 6 ประเมินผลโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ โดยรวมแล้วมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ( = 4.00 , S.D. = 0.93) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ลำดับ 1 คือ ด้านการคัดกรองนักเรียน มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ( = 4.37 , S.D.= 0.70) ส่วนมากมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ( ³ 3.51) หากพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ลำดับ 1 คือ ข้อมูลด้านสุขภาพร่างกาย เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว มีความคิดเห็นในระดับมากที่สุด ลำดับ 2 คือ ออกเยี่ยมบ้านผู้ปกครองนักเรียน มีความคิดเห็นในระดับมากที่สุด ลำดับ 3 คือ มีข้อมูลความสามารถคุ้มครองนักเรียนของผู้ปกครองที่ชัดเจน มีความคิดเห็นในระดับมากที่สุด

5. ผลการประเมินผลกระทบ (Impact Evaluation)

ได้ข้อมูลจากการใช้เครื่องมือฉบับที่ 7 สอบถามความคิดเห็นนักเรียนกลุ่มที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ จำนวน 55 คน เครื่องมือฉบับที่ 8 สอบถามความคิดเห็นผู้ปกครองนักเรียนที่นักเรียนในความปกครองมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ จำนวน 55 คน และเครื่องมือฉบับที่ 9 บันทึกผลการติดตามนักเรียนกลุ่มที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ จำนวน 55 คน สรุปได้ดังนี้

5.1 นักเรียนกลุ่มที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ มีความคิดเห็นต่อผลการดำเนินงานตามโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ โดยรวมแล้วมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมาก ( = 4.44 , S.D. = 0.72) และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ลำดับ 1 คือ กิจกรรมเยี่ยมบ้าน มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ลำดับ 2 คือ กิจกรรมศิลปะ ดนตรี กีฬาต้านยาเสพติด มีความคิดเห็นในระดับมากที่สุด ลำดับ 3 คือ กิจกรรมการจัดสอนซ่อมเสริมให้กับนักเรียน มีความคิดเห็นในระดับมากที่สุด ลำดับ 4 คือ กิจกรรมทัศนศึกษา มีความคิดเห็นในระดับมากที่สุด และส่วนมากมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ( 4.51)

5.2 ผู้ปกครองนักเรียนที่นักเรียนในความปกครองมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์มีความคิดเห็นต่อผลการดำเนินงานตามโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ โดยรวมแล้วมีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.58, S.D. = 0.62) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ลำดับที่หนึ่ง คือ ความสำคัญและประโยชน์ มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.67, S.D. = 0.58) ส่วนรูปแบบการจัดกิจกรรม มีความคิดเห็นเป็นลำดับที่สอง ( = 4.51, S.D. = 0.65) หากพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ลำดับ 1 คือ มีความพึงพอใจต่อการจัดโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ลำดับ 2 คือ มีความพึงพอใจต่อความสำเร็จของโครงการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด ลำดับ 3 คือ เห็นความสำคัญต่อการพัฒนานักเรียนในด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีความคิดเห็นอยู่ในระดับมากที่สุด และส่วนมากมีความคิดเห็นในระดับมากที่สุด ( 4.51)

5.3 ผลการติดตามนักเรียนกลุ่มที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ก่อนการดำเนินโครงการมีจำนวน 55 คน และเมื่อเสร็จสิ้นการดำเนินโครงการ มีจำนวนลดลง 55 คน คิดเป็นร้อยละ 100

5.4 ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน

ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนดำเนินโครงการ (ปีการศึกษา 2562) และหลังการดำเนินโครงการ (ปีการศึกษา 2563) โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โรงเรียนคลองท่อมราษฎร์รังสรรค์ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังดำเนินโครงการ(ปีการศึกษา 2563) สูงกว่าก่อนดำเนินโครงการ (ปีการศึกษา 2562) มีระดับผลการเรียนเพิ่มขึ้น 0.29 คิดเป็นร้อยละ 10.35

ข้อเสนอแนะ

1. ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินโครงการไปใช้

1.1 ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน เป็นงานสำคัญควรให้มีปรากฏในแผนปฏิบัติงานของโรงเรียน เพื่อให้มีความชัดเจนสามารถปฏิบัติได้ถูกต้อง

1.2 ครูทุกคนเป็นครูแนะแนว จึงต้องมีการอบรมเทคนิคการให้คำปรึกษา เพราะปัญหาของนักเรียนมีการพัฒนาขึ้นมาก ผู้ให้คำปรึกษาจึงต้องมีความรู้และเทคนิคการให้คำปรึกษาที่ทันสมัยทันต่อเหตุการณ์

1.3 ครูควรสร้างนักเรียนให้สามารถเป็นที่ปรึกษาเพื่อนได้ จะได้ผลมากกว่าครูเป็นที่ปรึกษา เพราะนักเรียนมีความใกล้ชิดและวัยใกล้เคียงกันย่อมมีความเข้าใจซึ่งกันและกันได้ดี

1.4 การให้ผู้ปกครองได้มีส่วนร่วมในระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยการจัดทำเป็นหลักสูตรเครือข่ายผู้ปกครองในระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน จะทำให้นักเรียน ผู้ปกครอง ครู และโรงเรียนมีความเข้าใจและสานสัมพันธ์กันได้ดีขึ้น

1.5 งานกิจการนักเรียน ควรจัดกิจกรรมที่เน้นการฝึกระเบียบวินัย เช่น ลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด นักศึกษาวิชาทหาร เพื่อฝึกให้นักเรียนมีระเบียบวินัยมากยิ่งขึ้น

1.6 ผู้บริหารควรได้มีการฝึกอบรมพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนให้เข้าใจอย่างถ่องแท้และถูกต้องชัดเจน เพื่อส่งเสริมให้ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. ข้อเสนอแนะในการศึกษาค้นคว้าครั้งต่อไป

2.1 ควรศึกษาแนวทางในการดำเนินงานระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่สอดคล้องกับความต้องการของนักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน

2.2 ควรทำการศึกษาวิจัยและพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด

2.3 ควรมีการประเมินระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนที่จัดการศึกษาให้กับนักเรียนกลุ่มด้อยโอกาสและนักเรียนพิการ

2.4 ควรนำผลการศึกษาวิจัยในระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนไปใช้อย่างจริงจัง เพื่อผลการพัฒนาผู้เรียน

โพสต์โดย แอร์ครูคอม : [28 ส.ค. 2565 เวลา 12:25 น.]
อ่าน [3395] ไอพี : 49.229.220.177
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 4,398 ครั้ง
"ไข่มดแดง" โปรตีนสูง-ไขมันต่ำ กรมอนามัยแนะ เลี่ยงกินสุก ๆ ดิบ ๆ เสี่ยงท้องร่วง
"ไข่มดแดง" โปรตีนสูง-ไขมันต่ำ กรมอนามัยแนะ เลี่ยงกินสุก ๆ ดิบ ๆ เสี่ยงท้องร่วง

เปิดอ่าน 15,233 ครั้ง
รู้ไหมว่า...ทำไมหัวใจเต้นผิดจังหวะ?
รู้ไหมว่า...ทำไมหัวใจเต้นผิดจังหวะ?

เปิดอ่าน 17,703 ครั้ง
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2552

เปิดอ่าน 14,738 ครั้ง
เมื่อฝรั่งขับรถเจอด่านตำรวจ จะเป็นยังไง ?
เมื่อฝรั่งขับรถเจอด่านตำรวจ จะเป็นยังไง ?

เปิดอ่าน 12,503 ครั้ง
ปวดข้อให้กินแอปเปิล แกล้มด้วยเหล้าไวน์แดงวันละแก้วทุกวัน
ปวดข้อให้กินแอปเปิล แกล้มด้วยเหล้าไวน์แดงวันละแก้วทุกวัน

เปิดอ่าน 47,583 ครั้ง
Verbs  Tenses
Verbs Tenses

เปิดอ่าน 12,679 ครั้ง
คลิปพายุถล่มรร.สตรีฯตราด กวาดทุกอย่างราบเป็นหน้ากลอง
คลิปพายุถล่มรร.สตรีฯตราด กวาดทุกอย่างราบเป็นหน้ากลอง

เปิดอ่าน 18,127 ครั้ง
ลดน้ำหนักได้ด้วยกาแฟ
ลดน้ำหนักได้ด้วยกาแฟ

เปิดอ่าน 29,016 ครั้ง
วิธีหลอกให้ "กบ" ผสมพันธุ์นอกฤดู ไอเดียคุณครูเรานี่เอง
วิธีหลอกให้ "กบ" ผสมพันธุ์นอกฤดู ไอเดียคุณครูเรานี่เอง

เปิดอ่าน 134,001 ครั้ง
ความหมาย ความสำคัญและประโยชน์ของแผนที่
ความหมาย ความสำคัญและประโยชน์ของแผนที่

เปิดอ่าน 14,559 ครั้ง
"ผมร่วง" แก้ไขยังไงดี
"ผมร่วง" แก้ไขยังไงดี

เปิดอ่าน 2,726 ครั้ง
นอนไม่หลับ ทำอย่างไรดี
นอนไม่หลับ ทำอย่างไรดี

เปิดอ่าน 25,940 ครั้ง
เผยเคล็ดลับ อ่านหนังสือแล้วทำอย่างไร ให้จำได้ดี
เผยเคล็ดลับ อ่านหนังสือแล้วทำอย่างไร ให้จำได้ดี

เปิดอ่าน 10,785 ครั้ง
ถ้อยคำกินใจ..จากแม่ผู้เป็นแม่ค้า ส่งเสียลูกเรียนมหาวิทยาลัย
ถ้อยคำกินใจ..จากแม่ผู้เป็นแม่ค้า ส่งเสียลูกเรียนมหาวิทยาลัย

เปิดอ่าน 22,337 ครั้ง
16 ของมงคล แต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย!!
16 ของมงคล แต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย!!

เปิดอ่าน 28,857 ครั้ง
การศึกษาไทย เราโง่อย่างมีหลักการ
การศึกษาไทย เราโง่อย่างมีหลักการ
เปิดอ่าน 13,129 ครั้ง
ดาวน์โหลดฟรีหลักสูตรแผนอาชีพ
ดาวน์โหลดฟรีหลักสูตรแผนอาชีพ
เปิดอ่าน 15,821 ครั้ง
แฉช่องโหว่ Windows 7
แฉช่องโหว่ Windows 7
เปิดอ่าน 24,554 ครั้ง
บุญบั้งไฟ
บุญบั้งไฟ
เปิดอ่าน 8,792 ครั้ง
บริหารงานอย่างไร จึงจะครองใจลูกน้อง
บริหารงานอย่างไร จึงจะครองใจลูกน้อง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ