|
|
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้วิธีสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับวิธีสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถการเขียนสรุปความจากการอ่านนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เป็นการศึกษาวิจัยตามแนวคิด ของ โจนส์ และคณะ (Jones et al, 1989) คล้าก (Clarke, 1991) และจอยส์ และคณะ (Joyce et al, 1992) ซึ่งได้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ผังกราฟฟิกขึ้น และ Ogle (1986) พัฒนารูปแบบการสอนประกอบด้วย 3 ขั้นตอน คือ Know-Want-Learn (KWL) โดยผู้วิจัยได้นำมาประยุกต์ร่วมกับการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย คือ (1) เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ของกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ของโรงเรียนเทศบาล 1 ศรีกิตติวรรณนุสรณ์ (2) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้วิธีสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับวิธีสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความจากการอ่านนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 (3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้วิธีสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับวิธีสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความจากการอ่านนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยเปรียบเทียบระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และ (4) เพื่อประเมินรูปแบบการเรียนรู้ โดยศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้วิธีสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับวิธีสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความจากการอ่านนิทาน เนื้อหาที่ใช้ในการวิจัย คือ การเขียนสรุปความภาษาไทยโดยใช้นิทานเป็นสื่อในการทดลอง ซึ่งนิทานแต่ละเรื่องมีเนื้อหาในเชิงสร้างสรรค์ จรรโลงใจ มีแง่คิดด้านคุณธรรมจริยธรรม เหมาะสมกับวัย จำนวน 12 เรื่อง ได้แก่ เรื่องวันลอยกระทง สำนึกของสายบัว ผู้กตัญญู พญาช้างเผือก พญาเนื้อทอง เพื่อนตาย คางคกเจ้าปัญญา น้ำใจต้านภัย ใครสำคัญ บ้านแสนสุข แตงไทยสำนึกผิด และนกกระจาบแตกความสามัคคี ซึ่งในการสอนทั้ง 2 วิธี ประกอบด้วย 12 แผนการจัดการเรียนรู้ ใช้เวลา 12 ชั่วโมง รวมทั้งสองวิธี เป็น 24 ชั่วโมง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการทดลอง คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนเทศบาล 1 ศรีกิตติวรรณนุสรณ์ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 32 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ทดลองโดยใช้วิธีสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับวิธีสอนแบบ KWL-Plus ตัวแปรอิสระ (Independent Variables) ได้แก่ รูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้วิธีสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับวิธีสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความจากการอ่านนิทาน ตัวแปรตาม (Dependent Variables) ได้แก่ ความสามารถในการเขียนสรุปความจากการอ่านนิทาน และความพึงพอใจของนักเรียนกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อรูปแบบการเรียนรู้ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มี 2 ประเภท ประเภทแรก คือ เครื่องมือจัดกระทำ ได้แก่ รูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้วิธีสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับวิธีสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความจากการอ่านนิทาน และแผนการจัดการเรียนรู้ ประเภทที่สอง คือ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบวัดความสามารถในการเขียนสรุปความจากการอ่านนิทาน และแบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อรูปแบบการเรียนรู้ สถิติวิเคราะห์ข้อมูลใช้ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบสมมุติฐานใช้ t-test (Pair) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1. รูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น เป็นวิธีสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับวิธีสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความจากการอ่านนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งเป็นการศึกษาวิจัยตามแนวคิด ของ โจนส์ และคณะ (Jones et al, 1989) คล้าก (Clarke, 1991) และจอยส์ และคณะ (Joyce et al, 1992) ซึ่งได้พัฒนารูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้ผังกราฟฟิกขึ้น และOgle (1986) ที่ได้พัฒนารูปแบบการสอน KWL-Plus ขึ้นประกอบด้วยจำนวน 3 ขั้นตอน คือ Know-Want-Learn (KWL) และนำมาประยุกต์ร่วมกับการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ซึ่งวิธีสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์ เป็นการสอนที่ทำให้นักเรียนเกิดทักษะการคิด โดยใช้ผังแสดงความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ เรียงลำดับข้อมูลโดยสัมพันธ์กันในลักษณะต่างๆ แผนภาพลำดับเหตุการณ์นี้เป็นรูปแบบหนึ่งของการสอนโดยใช้กรอบมโนทัศน์ หรือผังกราฟฟิก ส่วนวิธีสอนแบบ KWL-Plus เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ ที่เน้นให้ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการอ่าน โดยผู้เรียนจะได้รับการฝึกให้ตระหนักในกระบวนการทำความเข้าใจตนเอง มีการวางแผน ตั้งจุดมุ่งหมาย ตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง มีการจัดระบบข้อมูล เพื่อการดึงมาใช้ภายหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้มีการเพิ่มเติมหลังจากผู้เรียนได้เรียนรู้และเขียนข้อมูล แล้วยังนำข้อมูลมาเขียนสรุปในขั้นตอนสุดท้าย หรือจัดระบบข้อมูลใหม่เพื่อให้ผังความคิดมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เป็นการเขียนสรุปและนำเสนอข้อมูลด้วยตนเอง และเมื่อตรวจสอบโดยใช้แบบประเมินค่าดัชนีความสอดคล้อง ทั้งแบบวิเคราะห์เอกสาร และแบบสัมภาษณ์ จากผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 ท่าน พบว่า มีความสอดคล้อง โดยมีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 1.00 ทุกรายการ และเมื่อประเมินรูปแบบการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้น โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า รูปแบบการเรียนรู้ มีความเหมาะสมในระดับมาก (ค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.41, 4.46)
2. ผลการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้วิธีสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับวิธีสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความจากการอ่านนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พบว่า ร่างรูปแบบการเรียนรู้ ตามความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ พบว่า ได้รูปแบบการเรียนรู้ ควรมีองค์ประกอบ 5 ด้าน ได้แก่ หลักการแนวคิดทฤษฎี หลักการจัดการเรียนรู้ กระบวนการเรียนรู้ สิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ และการประเมินผล ซึ่งผลการประเมินรูปแบบการเรียนรู้ ตามความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ มีความเหมาะสมมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย 4.60
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้วิธีสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับวิธีสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความจากการอ่านนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 พบว่า มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 85.21/84.22 และ 85.08/85.16 ตามลำดับ และมีค่าดัชนีประสิทธิผล 0.68 และ 0.68 ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และพบว่า ความสามารถในการเขียนสรุปความ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังจากที่ได้รับการเรียน ด้วยรูปแบบการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โดยใช้วิธีสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับวิธีสอนแบบ KWL-Plus หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ผลการประเมินรูปแบบการเรียนรู้ พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ โดยใช้วิธีสอนแบบแผนภาพลำดับเหตุการณ์กับวิธีสอนแบบ KWL-Plus เพื่อพัฒนาความสามารถในการเขียนสรุปความจากการอ่านนิทาน สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย 4.38
|
โพสต์โดย จรรยา : [26 ส.ค. 2565 เวลา 20:30 น.] อ่าน [3413] ไอพี : 171.100.251.204
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 1,122 ครั้ง
| เปิดอ่าน 22,366 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,580 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,014 ครั้ง
| เปิดอ่าน 52,277 ครั้ง
| เปิดอ่าน 27,750 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,259 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,264 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,418 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,678 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,950 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,718 ครั้ง
| เปิดอ่าน 53,599 ครั้ง
| เปิดอ่าน 28,414 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,845 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 14,147 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,774 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,889 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,883 ครั้ง
| เปิดอ่าน 25,146 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|