การวิจัยและพัฒนาครั้งนี้มีความมุ่งหมายของการวิจัย ได้แก่ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน (KAEW Model) เพื่อส่งเสริมทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 2) เพื่อศึกษาประสิทธิผลการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน (KAEW Model) เพื่อส่งเสริมทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 3) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของครูผู้สอนที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน (KAEW Model) เพื่อส่งเสริมทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูลของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 การวิจัยแบ่งเป็น 4 ระยะตามความมุ่งหมายของการวิจัย ได้แก่ ระยะที่ 1 กลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 20 คน และกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ ผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการสถานศึกษา ผู้นิเทศภายในสถานศึกษา ครูที่ปฏิบัติหน้าที่สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ รวมจำนวน 6 คน ที่เข้าร่วมการสนทนากลุ่มผ่านชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บข้อมูลได้แก่ แบบสอบถามสภาพปัจจุบันและความต้องการในการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของครู และแบบบันทึกการสนทนากลุ่ม ระยะที่ 2 กลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ อาจารย์ระดับอุดมศึกษา ศึกษานิเทศก์ และผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 7 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูลได้แก่ แบบประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ระยะที่ 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนโคกก่อพิทยาคม จำนวนนักเรียน 22 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูล ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ (KAEW Model) ที่พัฒนาขึ้น จำนวน 7 แผน รวม 17 ชั่วโมง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.25-0.75 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.83 แบบประเมินทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล มีค่าความสอดคล้อง (IOC) เท่ากับ 1.00 และแบบสอบถามความพึงพอใจ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.45-0.76 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.83 ระยะที่ 4 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จำนวน 20 คน จากโรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมหาสารคาม เครื่องมือที่ใช้เก็บข้อมูล ได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็นที่ต่อมีรูปแบบการเรียนรู้ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบ t-test (dependent system)
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน (KAEW Model) เพื่อส่งเสริมทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มี 6 องค์ประกอบ คือ 1) หลักการ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบการเรียนรู้ 3) ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 4) ระบบสังคม 5) หลักการตอบสนอง และ 6) ระบบสนับสนุน มีขั้นตอนในการดำเนินการจัดกิจกรรม 4 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 K : Key Question (การนำเข้าสู่บทเรียนด้วยคำถามสำคัญ) ขั้นที่ 2 A : Activity (กิจกรรมการเรียนรู้) ขั้นที่ 3 E : Explain (การอธิบายความรู้) ขั้นที่ 4 W : Writing presentation (การเขียนสรุปความรู้และนำเสนอ) ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเหมาะสมของรูปแบบมีคุณภาพเหมาะสมอยู่ในระดับมาก
2. การประเมินประสิทธิผลการเรียนรู้ตามรูปแบบการเรียนรู้ตามห้องเรียนกลับด้าน (KAEW Model) เพื่อส่งเสริมทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล ของนักเรียนชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 6 ผลที่ปรากฏดังนี้
2.1 ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน (KAEW Model) เพื่อส่งเสริมทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูลของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.74/84.89 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด 80/80
2.2 นักเรียนกลุ่มเป้าหมายที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน (KAEW Model) มีคะแนนเฉลี่ยของผลการทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 โดยมีค่าเฉลี่ยของคะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
2.3 นักเรียนกลุ่มเป้าหมายมีคะแนนการประเมินทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล คิดเป็นร้อยละ 86.87 อยู่ในระดับดีมาก ซึ่งถือว่าผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ตามที่ได้กำหนดไว้
2.4 นักเรียนกลุ่มเป้าหมายที่เรียนรู้ด้วยแผนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน (KAEW Model) มีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้โดยรวมและเป็นรายด้านอยู่ในระดับมาก
3. ครูผู้สอนมีความคิดเห็นต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดห้องเรียนกลับด้าน (KAEW Model) เพื่อส่งเสริมทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูลของนักเรียนชั้นมัธยม ศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด