ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

ผู้วิจัย นางอิสรีย์ สิรินนท์ธีร์

ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทศบาลบ้านหนองตาโผ่นมิตรภาพที่ ๕

สังกัดกองการศึกษาเทศบาลวารินชำราบ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี

ปีที่ศึกษา 2562

____________________________________________________________________

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้ เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ดังนี้ (1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัจจุบัน ความต้องการและแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6 (2) เพื่อสร้างและหาคุณภาพ ของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพ 80/80 (3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสมารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6 โรงเรียนเทศบาลบ้านหนองตาโผ่นมิตรภาพที่ ๕ (5) เพื่อนำเสนอ ผลการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรม การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสมารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6 โรงเรียนเทศบาล บ้านหนองตาโผ่นมิตรภาพที่ ๕ ดำเนินการโดยใช้กระบวนการวิจัยและพัฒนาซึ่งแบ่งเป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้ขั้นตอนที่1 ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัจจุบัน ความต้องการและแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถ ในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 69 คน และครูผู้สอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ขั้นตอนที่2 การสร้างและหาคุณภาพรูปแบบ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถ ในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ขั้นตอนที่ 3 ศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ไปใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่6/1 โรงเรียนเทศบาลบ้านหนองตาโผ่นมิตรภาพที่ ๕ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ภาคเรียน ที่1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 35 คนโดยการสุ่มแบบกลุ่ม(Cluster Random Sampling) ขั้นตอนที่ 4 เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ขั้นตอนที่ 5 การนำเสนอผลการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลบ้านหนองตาโผ่นมิตรภาพที่ ๕ กลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ สังกัดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 35 คน วิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรมการคำนวณสำเร็จรูป สถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าทีแบบไม่อิสระ (t-test dependent) ค่าประสิทธิภาพ และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) นำเสนอแบบพรรณนาความ

ผลการพัฒนาสรุปได้ดังนี้

1. ข้อมูลพื้นฐาน สภาพปัจจุบัน ความต้องการและแนวทาง ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ข้อมูลพื้นฐานสำหรับการออกแบบร่างรูปแบบการเรียนรู้และ การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้มาจากการศึกษาและวิเคราะห์นโยบายพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ แนวคิด ทฤษฎี หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และจากการสอบถามนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เกี่ยวกับ สภาพปัจจุบันของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง (µ = 3.49 ) ส่วนความต้องการในการพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนขั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (µ=4.51)และผลการศึกษาความคิดเห็นเกี่ยวกับความต้องการและแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนขั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการสัมภาษณ์ผู้ทรงคุณวุฒิ ครูวิทยาศาสตร์ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ สรุปได้ว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เป็นการจัดการเรียนรู้ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 และสอดคล้องกับแนวการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตโดยการจัดการเรียนรู้จะเน้นให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ในกลุ่ม ได้เคลื่อนไหวร่างกาย ได้ลงมือปฏิบัติและสรุปความรู้ด้วยตนเอง โดยให้นักเรียนได้เรียนอย่างมีความสนใจ กระตือรือร้นและมีความสุขในการเรียนแนวทางหรือรูปแบบในการจัดการเรียนรู้ เริ่มจากขั้นนำโดยการกำหนดปัญหา กำหนดสถานการณ์โดยให้นักเรียนค้นหาข้อมูล ศึกษาความรู้และแก้ปัญหาเป็นกลุ่ม โดยทุกคนในกลุ่มได้แสดงความคิดเห็นหรือได้แสดงออก จากนั้นร่วมกันสรุปองค์ความรู้ โดยการนำเสนอผลงานการอภิปรายในชั้นเรียน และสุดท้ายเป็นการนำความรู้จากการเรียนรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และจากการสังเคราะห์รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้ขั้นตอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 6 ขั้น ได้แก่ ขั้นที่ 1 ขั้นของการเตรียมการ (Preparation Step) ขั้นที่ 2 ขั้นการสร้างความสนใจ (Engagement) ขั้นที่3 ขั้นต้องการเรียน (Want) ขั้นที่ 4 ขั้นตีความและแปลความหมาย (Interpretation Step) ขั้นที่5. ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) ขั้นที่ 6 ขั้นการประเมินผล ( Evaluation)

2. ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่สร้างขึ้นโดยรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.53,S.D.=0.62) และรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่นำไปใช้จริง มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.77 /83.61 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ 80/80

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ที่เรียนด้วยรูปแบบการเรียนรู้ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 พบว่าโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ( =4.93,SD. = 0.64)

5. ผลการประเมินเพื่อรับรองรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาโดยรวมเห็นด้วยกับรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค PEWIEE Model เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดวิเคราะห์และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 อยู่ในระดับมากที่สุด ค่าเฉลี่ยเท่ากับ ( = 4.63,SD.=0.49)

โพสต์โดย isaree : [23 ส.ค. 2565 เวลา 07:28 น.]
อ่าน [3604] ไอพี : 183.89.81.100
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 80,821 ครั้ง
"โมเต็ล"แตกต่างจาก "โฮเต็ล" (Hotel) อย่างไร
"โมเต็ล"แตกต่างจาก "โฮเต็ล" (Hotel) อย่างไร

เปิดอ่าน 18,452 ครั้ง
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการปฏิรูปการเรียนการสอน
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการปฏิรูปการเรียนการสอน

เปิดอ่าน 25,362 ครั้ง
รู้จักภาษาอังกฤษดีพอหรือยัง
รู้จักภาษาอังกฤษดีพอหรือยัง

เปิดอ่าน 16,740 ครั้ง
บทความพิเศษ "เมื่อระบบการศึกษาของไทยล้มเหลว"
บทความพิเศษ "เมื่อระบบการศึกษาของไทยล้มเหลว"

เปิดอ่าน 12,750 ครั้ง
คลิป ซึ้งๆ สอนให้รู้ว่า อย่าดูคนแค่ภายนอก
คลิป ซึ้งๆ สอนให้รู้ว่า อย่าดูคนแค่ภายนอก

เปิดอ่าน 16,058 ครั้ง
ไขมันที่มองไม่เห็น อันตรายที่ไม่รู้ตัว คนผอมต้องระวัง!!!
ไขมันที่มองไม่เห็น อันตรายที่ไม่รู้ตัว คนผอมต้องระวัง!!!

เปิดอ่าน 9,327 ครั้ง
การประเมินเพื่อเรียนรู้ การตั้งคำถามและการให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้
การประเมินเพื่อเรียนรู้ การตั้งคำถามและการให้ข้อมูลย้อนกลับเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้

เปิดอ่าน 15,383 ครั้ง
รายงานพัฒนาคุณภาพการศึกษา
รายงานพัฒนาคุณภาพการศึกษา

เปิดอ่าน 29,731 ครั้ง
ICT2020 Conceptual Framework
ICT2020 Conceptual Framework

เปิดอ่าน 50,689 ครั้ง
‘คุณค่าของครู’ ในโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลง
‘คุณค่าของครู’ ในโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลง

เปิดอ่าน 23,832 ครั้ง
จำปาดะ
จำปาดะ

เปิดอ่าน 13,308 ครั้ง
แรงบิดและแรงม้า
แรงบิดและแรงม้า

เปิดอ่าน 21,255 ครั้ง
10 วิธีเจ๋งๆ ในการฝึกภาษาอังกฤษ ให้เก่งได้ด้วยตัวเอง !!
10 วิธีเจ๋งๆ ในการฝึกภาษาอังกฤษ ให้เก่งได้ด้วยตัวเอง !!

เปิดอ่าน 30,387 ครั้ง
ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย
ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย

เปิดอ่าน 79,476 ครั้ง
รู้ยังหมากัดคน บางกรณีฟ้องเจ้าของหมาไม่ได้นะ
รู้ยังหมากัดคน บางกรณีฟ้องเจ้าของหมาไม่ได้นะ

เปิดอ่าน 12,279 ครั้ง
เกิดอะไรขึ้น เมื่อสาวลงทุนเต้น cover ขอหนุ่มแต่งงานกลางถนน
เกิดอะไรขึ้น เมื่อสาวลงทุนเต้น cover ขอหนุ่มแต่งงานกลางถนน
เปิดอ่าน 38,910 ครั้ง
เส้นทางชีวิตนักร้องลูกทุ่ง"ยอดรัก สลักใจ"
เส้นทางชีวิตนักร้องลูกทุ่ง"ยอดรัก สลักใจ"
เปิดอ่าน 23,842 ครั้ง
ประเพณีสงกรานต์ล้านนา
ประเพณีสงกรานต์ล้านนา
เปิดอ่าน 13,085 ครั้ง
พบรอยเท้าไดโนเสาร์ อายุกว่า 200 ล้านปี
พบรอยเท้าไดโนเสาร์ อายุกว่า 200 ล้านปี
เปิดอ่าน 14,380 ครั้ง
อย่าละเลยอาการไหล่ติด
อย่าละเลยอาการไหล่ติด

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
โครงการบ้านเชียงใหม่
บ้านเชียงใหม่
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.

Thailand Web Stat

Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ