ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษโดยบูรณาการการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับกิจกรรมการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษโดยบูรณาการการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD ร่วมกับกิจกรรมการเรียนรู้แบบเน้นภาระงานเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

ผู้ศึกษา นายณรงค์ชัย สัมพันธ์ ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ

ปีที่พิมพ์ 2564

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนามีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 รหัสวิชา อ32101 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 รหัสวิชา อ32101 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 รหัสวิชา อ32101 ด้วยการเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน และ 4) เพื่อประเมินรูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 รหัสวิชา อ32101 โดยนำไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้อง ม.5/1 จำนวน 40 คน โรงเรียนบัวใหญ่ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ที่เรียนในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่ายและใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม ระยะเวลาในการทดลอง 18 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษที่มีชื่อว่า 3TQIL Model แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ และแบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่าน สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและ ค่า t-test แบบ dependent

ผลการวิจัย พบว่า

1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนการสอนรายวิชา ภาษาอังกฤษ ในปีการศึกษา 2563 ประการแรกพบว่า เมื่อนักเรียนเจอคำศัพท์ยากไม่ค่อยใช้บริบทในการแปลแต่เลือกใช้โปรแกรมแปลภาษาผ่านเครื่องมือสื่อสารแทน และเมื่อเจอคำศัพท์หลายๆ คำที่ไม่ทราบความหมายทำให้ไม่สนใจการอ่านและไม่เห็นความสำคัญของการอ่านภาษาอังกฤษ ผลที่ตามมาคือ ไม่สามารถสรุปหรือจับใจความสำคัญจากเรื่องที่อ่านได้ ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ประการที่สอง ครูยังใช้วิธีการสอนแบบบรรยายทำให้นักเรียนไม่ได้ฝึกทักษะที่เกิดจากการลงมือปฏิบัติจริงๆ ความรู้ที่ได้รับจึงไม่คงทน สอดคล้องกับผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนรายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 รหัสวิชา อ32101 อยู่ในระดับปานกลาง อีกทั้งผลการสอบถามความต้องการของนักเรียน พบว่า นักเรียนต้องการมีส่วนร่วมในกิจกรรมมากขึ้น โดยใช้ทักษะการทำงานกับกลุ่มเพื่อนและเกิดจากการปฏิบัติงานจริง ประกอบกับให้เน้นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้และเรียนรู้ภาษาในสถานการณ์จริงจากการปฏิบัติงานเพื่อให้ได้ชิ้นงานออกมาอย่างสมบูรณ์มากที่สุด อีกทั้งนักเรียนยังสามารถวางแผนการทำงานเป็นขั้นตอน แก้ไขปัญหาที่เกิดจากการทำงานได้อย่างเป็นระบบ และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ จนบรรลุผลสำเร็จตามจุดหมายที่ตั้งไว้ และปรากฏเป็นชิ้นงานหรือผลงานให้เห็นนอกจากนี้ผลการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ พบว่า การจัดการเรียนการสอนรายวิชา ภาษาอังกฤษ ควรพัฒนาทั้ง

ด้านความรู้ ด้านทักษะทางภาษาเพื่อให้นักเรียนสามารถสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองและมีความสามารถในการการสื่อสารและการทำงานเป็นทีมได้

2. ผลการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 รหัสวิชา อ32101 มีชื่อรูปแบบการเรียนการสอนว่า “3TQIL Model” ประกอบด้วย ทฤษฎีหลักการแนวคิด วัตถุประสงค์ กระบวนการเรียนการสอน ซึ่งมีกระบวนการเรียนการสอน 6 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียมเนื้อหาและชิ้นงาน (T = Text and Task Preparation) ขั้นที่ 2 ขั้นจัดกลุ่มนักเรียน (T = Teams) ขั้นที่ 3 ขั้นการเรียนรู้ (Tasks Cycle) ขั้นที่ 4 ขั้นทดสอบย่อย (Quizzes) ขั้นที่ 5 ขั้นปรับปรุงคะแนน (Individual Improvement Scores) และขั้นที่ 6 ขั้นสรุปความรู้ (Language Focus) ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ของรูปแบบการสอนด้านความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ เท่ากับ 81.92/80.25 เมื่อเทียบกับเกณฑ์ 80/80 ปรากฏว่ามีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้

3. ผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 รหัสวิชา อ32101 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

4. ผลการประเมินรูปแบบการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 รายวิชา ภาษาอังกฤษ 3 รหัสวิชา อ32101 พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้รูปแบบการสอนภาษาอังกฤษโดยรวมอยู่ในระดับมาก

โพสต์โดย ณรงค์ชัย : [19 ส.ค. 2565 เวลา 14:51 น.]
อ่าน [2434] ไอพี : 61.19.123.6
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 2,275 ครั้ง
"กระชายขาว" สมุนไพรไทยยอดนิยม สรรพคุณเด่น "เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย"
"กระชายขาว" สมุนไพรไทยยอดนิยม สรรพคุณเด่น "เสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย"

เปิดอ่าน 13,570 ครั้ง
วันมาฆบูชา
วันมาฆบูชา

เปิดอ่าน 18,523 ครั้ง
การสื่อสารของแมลง : การเต้นรำของผึ้ง
การสื่อสารของแมลง : การเต้นรำของผึ้ง

เปิดอ่าน 2,820 ครั้ง
วงปีของต้นไม้ บอกอะไรกับเรา
วงปีของต้นไม้ บอกอะไรกับเรา

เปิดอ่าน 52,537 ครั้ง
แนวโน้มของเทคโนโลยีการศึกษาของไทย
แนวโน้มของเทคโนโลยีการศึกษาของไทย

เปิดอ่าน 55,953 ครั้ง
จิตวิทยาการเรียนรู้ภาษา
จิตวิทยาการเรียนรู้ภาษา

เปิดอ่าน 13,457 ครั้ง
ภาษาอังกฤษเด็กไทยไม่ก้าวหน้าปัญหาอยู่ที่ใคร?
ภาษาอังกฤษเด็กไทยไม่ก้าวหน้าปัญหาอยู่ที่ใคร?

เปิดอ่าน 17,520 ครั้ง
6 คำคมน่าคิด ของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
6 คำคมน่าคิด ของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

เปิดอ่าน 119,161 ครั้ง
คอมพิวเตอร์กับการศึกษา
คอมพิวเตอร์กับการศึกษา

เปิดอ่าน 41,234 ครั้ง
ประโยชน์ 5 ข้อของการรีไฟแนนซ์บ้าน
ประโยชน์ 5 ข้อของการรีไฟแนนซ์บ้าน

เปิดอ่าน 27,054 ครั้ง
ป้องกันก่อนถูก
ป้องกันก่อนถูก 'ฟ้าผ่า' เรื่องง่าย ๆ ไม่ควรมองข้าม

เปิดอ่าน 3,046 ครั้ง
แนะนำแนวทางสำหรับครูรุ่นใหม่ ในการเตรียมเด็กสอบ TGAT
แนะนำแนวทางสำหรับครูรุ่นใหม่ ในการเตรียมเด็กสอบ TGAT

เปิดอ่าน 21,553 ครั้ง
อ่านหนังสือแล้วง่วง ทำไงดี มาทางนี้ซิ เรามีคำตอบ
อ่านหนังสือแล้วง่วง ทำไงดี มาทางนี้ซิ เรามีคำตอบ

เปิดอ่าน 10,159 ครั้ง
นักวิจัยเผย ผู้หญิงมากกว่าชาย เกือบเก้าแสนคน
นักวิจัยเผย ผู้หญิงมากกว่าชาย เกือบเก้าแสนคน

เปิดอ่าน 21,670 ครั้ง
กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการอุทธรณ์ และการพิจารณาอุทธรณ์ พ.ศ. 2550
กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการอุทธรณ์ และการพิจารณาอุทธรณ์ พ.ศ. 2550

เปิดอ่าน 16,172 ครั้ง
รวม 10 อันดับขับรถสุดเห่ย ขอให้มีสตินะครับ
รวม 10 อันดับขับรถสุดเห่ย ขอให้มีสตินะครับ
เปิดอ่าน 11,050 ครั้ง
เอาไฟฉายส่องตา แก้เมาเครื่องบินได้
เอาไฟฉายส่องตา แก้เมาเครื่องบินได้
เปิดอ่าน 12,258 ครั้ง
วิจัยเผย เฟซบุ๊กทำให้คนมีความอิจฉามากขึ้น
วิจัยเผย เฟซบุ๊กทำให้คนมีความอิจฉามากขึ้น
เปิดอ่าน 12,391 ครั้ง
คู่มือการปฏิบัติตามข้อบังคับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2552
คู่มือการปฏิบัติตามข้อบังคับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2552
เปิดอ่าน 23,761 ครั้ง
ทายนิสัยจากฤดูที่ชอบ
ทายนิสัยจากฤดูที่ชอบ

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ