ชื่อเรื่องวิจัย การพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก
สำหรับครูโรงเรียนบ้านห้วยส้านพลับพลา อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย
ชื่อผู้วิจัย ว่าที่พันตรี ขวัญชัย อดุลย์ฐานานุศักดิ์
ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา
สถานศึกษา โรงเรียนบ้านห้วยส้านพลับพลา
สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 2
ปีการศึกษา 2564
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาสภาพการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูโรงเรียนบ้านห้วยส้านพลับพลา
(2) เพื่อการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูโรงเรียนบ้านห้วยส้านพลับพลา และ (3) เพื่อประเมินผลการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ สำหรับครูโรงเรียนบ้านห้วยส้านพลับพลา โดยดำเนินการวิจัย 3 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูโรงเรียนบ้านห้วยส้านพลับพลา โดยใช้แบบสอบถาม จำนวน 9 คน และสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 9 คน ขั้นตอนที่ 2 การพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูโรงเรียนบ้านห้วยส้านพลับพลา โดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน และขั้นตอนที่ 3 ประเมินผลการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก ที่พัฒนาขึ้น โดยการทดลองใช้ และแบบประเมินกับกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการวิจัย พบว่า 1) สภาพการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เพื่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูโรงเรียนบ้านห้วยส้านพลับพลา โดยภาพรวมและ
รายด้าน มีการปฏิบัติตามหลักการบริหารอยู่ในระดับมาก 2) การพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพเพื่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูโรงเรียนบ้านห้วยส้านพลับพลา
ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วย องค์ประกอบหลัก 7 องค์ประกอบ ได้แก่ (1) การมีค่านิยมและบรรทัดฐานร่วมกัน (2) การกำหนดเป้าหมายร่วมกันเพื่อการเรียนรู้ของนักเรียน
(3) การร่วมมือรวมพลัง (4) การชี้แนะหรือการให้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ (5) การสนทนาเพื่อสะท้อนผล (6) เงื่อนไขการสนับสนุน และ (7) การเรียนรู้และการพัฒนาวิชาชีพ และ 3) ผลการประเมินความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ ในการนำการพัฒนาชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ ในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก สำหรับครูโรงเรียนบ้านห้วยส้าน
พลับพลา ไปใช้ โดยภาพรวมพบว่า มีความเป็นไปได้ และความเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด