ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยเทคนิค KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้

ด้วยเทคนิค KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

ผู้วิจัย นางสาวจิตตานันทิ์ แสงทอง

สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตะมะพันทาโนนกอง (ธนาคารกรุงเทพ 2)

อำเภอเมืองฯ จังหวัดศรีสะเกษ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย

ปีที่วิจัย ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563

บทคัดย่อ

การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และแนวทางการฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus รายวิชาภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 2) เพื่อพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพ 80/80 3) เพื่อศึกษาผลการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ดังนี้ 3.1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน 3.2) เพื่อศึกษาทักษะการอ่านจับใจความสำคัญของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5

ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาล 7 บ้านหนองตะมะพันทาโนนกอง (ธนาคารกรุงเทพ 2) อำเภอเมืองฯ จังหวัดสะเกษ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 13 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Selected) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด ( = 4.66, = 0.48)

2) แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีคุณภาพโดยรวมอยู่ในระดับ มากที่สุด ( = 4.63, = 0.49)

และเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความสำคัญ ก่อนเรียนและหลังเรียน เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.26 - 0.80 และค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20 - 0.88 และมีความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 2) แบบวัดทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ จากการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.34 – 0.91 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.94 3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถม ศึกษาปีที่ 5 มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประเมินค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ

มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.35 – 0.72 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.90 สถิติที่ใช้

ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานโดยใช้

สถิติ Nonparametric แบบ Wilcoxon Matched-Pairs Signed-Ranks Test

ผลการวิจัยปรากฏ ดังนี้

1. ผลศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และแนวทางการฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ

และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus รายวิชาภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา

ปีที่ 5 พบว่า ยังไม่มีการส่งเสริมทักษะการอ่านจับใจความสำคัญเท่าที่ควร ครูยังไม่เข้าใจ ยังไม่มีแนวทาง ขั้นตอนในการการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus ที่เป็นรูปธรรม

2. แบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค

KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน คือ 1) ขั้น K (What I know) นักเรียนมีความรู้อะไรบ้างในเรื่องที่อ่าน 2) ขั้น W (What I want to know) นักเรียนต้องการรับรู้อะไรบ้างจากเรื่องที่อ่าน 3) ขั้น L (What I Learned) นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากเรื่องที่อ่าน

4) ขั้นการสร้างแผนผังความคิด (Mapping) และ 5) ขั้นการสรุปเรื่อง (Summarizing) มีผลการประเมินคุณภาพของแผนการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับ มากที่สุด ( = 4.66, = 0.48) มีผลการประเมินคุณภาพของแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ อยู่ในระดับ มากที่สุด ( = 4.63, = 0.49) และประสิทธิภาพ 83.22/82.69 สูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้

3. ผลการศึกษาผลการเรียนรู้ด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญ โดยใช้กิจกรรม

การเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ประกฎดังนี้

3.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus หลังจากเรียนสูงกว่า

ก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3.2 ผลการประเมินทักษะการอ่านจับใจความสำคัญโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ในภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.54, S.D.= 0.64) โดยมีรายละเอียด ดังนี้ ด้านที่ 1 ด้านความเข้าใจเนื้อหา อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.55, S.D.= 0.53) ด้านที่ 2 ด้านการจำแนกส่วนประกอบ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.52, S.D.= 0.57) ด้านที่ 3 ด้านการจัดลำดับเนื้อหา อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.55, S.D.= 0.53)

4. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยแบบฝึกทักษะการอ่าน

จับใจความสำคัญโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL Plus โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด

( = 4.62, = 0.50) โดยมีรายละเอียดดังนี้ ด้านบรรยากาศในการจัดการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.57, = 0.53) ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.69,

= 0.49) และด้านประโยชน์ที่ได้รับ อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.66, = 0.48)

โพสต์โดย cheva : [17 ส.ค. 2565 เวลา 16:49 น.]
อ่าน [1858] ไอพี : 101.51.138.119
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 13,409 ครั้ง
ระบบโทรทัศน์ในประเทศไทย
ระบบโทรทัศน์ในประเทศไทย

เปิดอ่าน 1,618 ครั้ง
บริการเช่ารถหรู ที่จะช่วยเติมเต็มความฝันของคุณให้เป็นจริงในทันตา!
บริการเช่ารถหรู ที่จะช่วยเติมเต็มความฝันของคุณให้เป็นจริงในทันตา!

เปิดอ่าน 19,908 ครั้ง
โรคของเส้นผม ขน และเล็บ
โรคของเส้นผม ขน และเล็บ

เปิดอ่าน 22,366 ครั้ง
บรรยากาศ (ATMOSPHERE)
บรรยากาศ (ATMOSPHERE)

เปิดอ่าน 15,702 ครั้ง
อนามัยโลกเตือนไม่ควรดื่มเครื่องดื่ม "ร้อนเกินไป"
อนามัยโลกเตือนไม่ควรดื่มเครื่องดื่ม "ร้อนเกินไป"

เปิดอ่าน 10,357 ครั้ง
ถ้อยคำกินใจ..จากแม่ผู้เป็นแม่ค้า ส่งเสียลูกเรียนมหาวิทยาลัย
ถ้อยคำกินใจ..จากแม่ผู้เป็นแม่ค้า ส่งเสียลูกเรียนมหาวิทยาลัย

เปิดอ่าน 33,657 ครั้ง
"สาสน์" "สาส์น" และ "สาร"
"สาสน์" "สาส์น" และ "สาร"

เปิดอ่าน 30,545 ครั้ง
ยิมนาสติก
ยิมนาสติก

เปิดอ่าน 38,145 ครั้ง
โอลิมปิก : ประวัติกีฬาโอลิมปิก
โอลิมปิก : ประวัติกีฬาโอลิมปิก

เปิดอ่าน 16,764 ครั้ง
ผลวิจัย "ซุปไก่สกัด" มีผลดีต่อสมองและร่างกาย
ผลวิจัย "ซุปไก่สกัด" มีผลดีต่อสมองและร่างกาย

เปิดอ่าน 12,109 ครั้ง
ตับของเธอ สบายดีไหม?
ตับของเธอ สบายดีไหม?

เปิดอ่าน 26,306 ครั้ง
8 ยุทธวิธี ออกจากเงินเดือนที่ไม่พอใช้
8 ยุทธวิธี ออกจากเงินเดือนที่ไม่พอใช้

เปิดอ่าน 32,062 ครั้ง
ปวดหัว แก้ด้วยวารีบำบัด
ปวดหัว แก้ด้วยวารีบำบัด

เปิดอ่าน 27,649 ครั้ง
ทำไมบริษัทห้างร้านบางแห่งจึงมีรูปครุฑอยู่ที่หน้าอาคาร
ทำไมบริษัทห้างร้านบางแห่งจึงมีรูปครุฑอยู่ที่หน้าอาคาร

เปิดอ่าน 18,094 ครั้ง
เพลง "วันพรุ่งนี้" ที่เด็กร้องแล้วผู้ใหญ่ฟังแล้วอึ้ง!
เพลง "วันพรุ่งนี้" ที่เด็กร้องแล้วผู้ใหญ่ฟังแล้วอึ้ง!

เปิดอ่าน 23,667 ครั้ง
เรื่องของ"เลข 9" ในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009
เรื่องของ"เลข 9" ในวันที่ 9 เดือน 9 ปี 2009
เปิดอ่าน 8,977 ครั้ง
ฝึกหายใจให้หายง่วง
ฝึกหายใจให้หายง่วง
เปิดอ่าน 15,367 ครั้ง
วิธีซ่อนรอยคล้ำใต้ดวงตา
วิธีซ่อนรอยคล้ำใต้ดวงตา
เปิดอ่าน 29,441 ครั้ง
หลัก 10 ประการ ช่วยให้นอนหลับ
หลัก 10 ประการ ช่วยให้นอนหลับ
เปิดอ่าน 7,935 ครั้ง
อย. ยัน ไม่มีน้ำว่านหางจระเข้รักษาอีโบลาได้
อย. ยัน ไม่มีน้ำว่านหางจระเข้รักษาอีโบลาได้

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ