ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
โดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม
ผู้ศึกษา ภูมิศักดิ์ แสนกันยา
โรงเรียน สมเด็จพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษากาฬสินธุ์
ปีที่ศึกษา 2562 - 2564
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาเอกสาร แนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัย เกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมให้เกิดขึ้นกับตัวผู้เรียน 2) สร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม 3) นำรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคมไปใช้ และ 4) สรุปและรายงานผลการนำรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ไปใช้ ประชากร ได้แก่ ประชากร ได้แก่ ครูและบุคลากรที่ปฏิบัติหน้าที่ในโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ระหว่างปีการศึกษา 2563 - 2564 จำนวน 95 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานปีการศึกษา 2564 จำนวน 15 คน ผู้ปกครองนักเรียนปีการศึกษา 2564 จำนวน 2,789 คน และนักเรียนโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ปีการศึกษา 2564 จำนวน 2,789 คน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน จำนวน 15 คน สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นครู ผู้ปกครอง และนักเรียน ใช้การสุ่มอย่างง่าย(Simple Random Sampling) โดยใช้ตารางเลขสุ่มของเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie & Morgan, 1970, pp. 607 - 608) ได้กลุ่มตัวอย่างที่เป็นครู จำนวน 76 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 306 คน และนักเรียน จำนวน 306 คน รวมทั้งสิ้น 703 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ คู่มือการใช้รูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน ด้วย SOMDETPIT Model และแบบสอบถามความพึงพอใจมีต่อรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบสมมุติฐานใช้
t-test
ผลการวิจัย พบว่า
ตอนที่ 1 ผลจากการศึกษาวิเคราะห์เอกสาร แนวคิด ทฤษฎี ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมองค์การ วัฒนธรรมโรงเรียน แนวคิดและทฤษฎีด้านคุณธรรม จริยธรรม แนวคิดเกี่ยวกับการสร้าง และพัฒนารูปแบบ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นโยบายสถานศึกษา 3 ดี (3D) และสภาพปัจจุบันปัญหาของการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในปีการศึกษา 2561 สรุปผลได้ดังนี้ คือ
1.1 ผลการศึกษาวิเคราะห์สภาพปัจจุบันปัญหาของการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในปีการศึกษา 2561 พบว่านักเรียนโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม มีคุณลักษณะอันไม่พึงประสงค์และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ วิเคราะห์สาเหตุของปัญหาได้ ดังนี้
1.1.1 ด้านคุณลักษณะอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม
ปีการศึกษา 2561 พบว่า นักเรียนมีคุณลักษณะอันไม่พึงประสงค์ของโรงเรียน ได้แก่ การขาดเรียนโดยไม่มีเหตุผลจำเป็นซึ่งเป็นข้อมูลที่สูงที่สุด รองลงมา คือ การมาโรงเรียนสาย โดยไม่มีเหตุผลจำเป็น และการหนีเรียนในระหว่างชั่วโมงเรียน พฤติกรรมเหล่านี้เป็นคุณลักษณะ อันไม่พึงประสงค์ของโรงเรียน ซึ่งส่งผลต่อโรงเรียนในด้านอื่น ๆ ตามมาอีกเป็นอันมาก ทำให้โรงเรียนสมเด็จพิทยาคม
ไม่สามารถประสบความสำเร็จในด้านการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ทั้งนี้เนื่องจากปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวนักเรียน สืบเนื่องจากสภาพแวดล้อมในสังคมรอบข้างนักเรียน ได้แก่ 1) ปัญหายาเสพติด โรคเอดส์ และแหล่งอบายมุขมีอยู่เป็นอันมากในชุมชน 2) แหล่งบันเทิง ศูนย์การค้าและร้านอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่จำนวนมาก อาจยั่วยุให้นักเรียนมีพฤติกรรมเสี่ยง 3) ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีรายได้น้อย ทำให้นักเรียนไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข และ 4) ครอบครัวของนักเรียนส่วนหนึ่งเป็นครอบครัวที่ผู้ปกครองไปทำงานต่างถิ่น ไม่มีเวลาดูแลนักเรียน
1.1.2 ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเฉลี่ยของนักเรียนในปีการศึกษา 2561 โดยรวมอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้เนื่องจากโรงเรียนรับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลายโดยไม่มีการสอบคัดเลือก นักเรียนส่วนมากอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจนถึงปานกลาง มีอาชีพรับจ้าง ทำงานไม่เป็นเวลา จึงมีเวลาว่างไม่ตรงกับนักเรียน ผู้ปกครองออกไปทำงานนักเรียนยังไม่ตื่นนอน ผู้ปกครองกลับถึงบ้านก็เป็นเวลาที่นักเรียนเข้านอน จึงไม่มีโอกาสที่จะดูแลและอบรมสั่งสอนนักเรียน บริเวณที่พักอาศัยของนักเรียนส่วนมากไม่ส่งเสริมบรรยากาศของการเรียนรู้ จึงส่งผลต่อการใฝ่เรียนใฝ่รู้ และส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ทั้งในด้านส่วนตัว และส่วนรวมของโรงเรียน
1.2 ผลการศึกษาวิเคราะห์หลักการ แนวคิด ทฤษฎีจากเอกสาร และงานวิจัย ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมองค์การ วัฒนธรรมโรงเรียน แนวคิดและทฤษฎีด้านคุณธรรม จริยธรรม แนวคิดเกี่ยวกับการสร้างและพัฒนารูปแบบ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 สภาพปัจจุบันปัญหาการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม (จากข้อ 1.1) และความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทางด้าน การบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้ประสบผลสำเร็จและมีคุณภาพ ผู้วิจัยได้นำข้อมูลที่ได้มาสังเคราะห์เป็นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นในตัวนักเรียน ได้คุณลักษณะอันพึงประสงค์จำนวน 5 คุณลักษณะดังนี้ คือ 1) คุณลักษณะด้านรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2) คุณลักษณะด้านรักษาสิทธิ์ รู้หน้าที่ 3) คุณลักษณะด้านมีวินัย 4) คุณลักษณะด้านรักความเป็นไทย และ 5) คุณลักษณะด้านห่างไกลกิเลส นำคุณลักษณะทั้ง 5 ด้านไปจัดทำ เป็นแบบสอบถามความคิดเห็นของครูและบุคลากร โรงเรียนสมเด็จพิทยาคม จำนวน 76 คน ความคิดเห็นของครูและบุคลากรที่มีต่อคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของนักเรียนโดยรวม มีความเหมาะสมในระดับมาก ผู้วิจัยนำคุณลักษณะอันพึงประสงค์มาสร้างเป็นวัฒนธรรมโรงเรียน และเพื่อง่ายต่อการรณรงค์ จึงตั้งชื่อว่า SOMDETPIT Model
ตอนที่ 2 การสร้างและพัฒนารูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม เพื่อให้สามารถนำ SOMDETPIT Model ไปสู่การปฏิบัติได้จริงและบังเกิดประโยชน์สูงสุด ผู้วิจัยจึงได้นำ SOMDETPIT Model ไปบูรณาการกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่โรงเรียนมีอยู่เดิม โดยปรับองค์ประกอบของระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนเป็น 8 กลยุทธ์ ดังนี้ คือ 1) กลยุทธ์การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล 2) กลยุทธ์การคัดกรองนักเรียน 3) กลยุทธ์การรณรงค์เพื่อปลูกฝัง SOMDETPIT Model 4) กลยุทธ์การสร้างบรรยากาศส่งเสริมการเรียนรู้ 5) กลยุทธ์การพัฒนาคุณภาพนักเรียนกลุ่มปกติ 6) กลยุทธ์การปรับปรุงคุณภาพนักเรียนกลุ่มเสี่ยง 7) กลยุทธ์การแก้ไขคุณภาพนักเรียน กลุ่มมีปัญหา และ 8) กลยุทธ์การส่งต่อนักเรียน โดยได้สร้างเป็นรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม นำระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่ได้พัฒนาขึ้นจัดทำเป็นคู่มือการใช้รูปแบบ การบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม แล้วนำเสนอรูปแบบฯ ต่อผู้เชี่ยวชาญ โดยมีการประชุมโฟกัสกรุ๊ป (Focus Group Discussion) เพื่อตรวจสอบความตรง และความเหมาะสมของรูปแบบ พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม สรุปสาระ สำคัญ จากการทำโฟกัสกรุ๊ปได้ดังนี้คือ 1) วงล้อ SOMDETPIT Model เป็นแนวทางในการดำเนินงานบริหารจัดการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีกระบวนการที่ชัดเจนเข้าใจง่าย ส่งผลให้ผู้ปฏิบัติสามารถดำเนินการได้ 2) ครูที่ปรึกษาและผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการดำเนินงานตามกลยุทธ์ทั้ง 8 ของวงล้อ SOMDETPIT Model ได้เป็นอย่างดี 3) องค์ประกอบของ SOMDETPIT Model มีความสำคัญต่อการกำกับคุณลักษณะของนักเรียน องค์ประกอบแต่ละด้านมีผลต่อการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมของนักเรียนเป็นอย่างยิ่ง 4) นักเรียนให้ความร่วมมือในการพัฒนาตนให้เป็นคนดี มีระเบียบวินัย และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ 5) กิจกรรมที่จัดส่งเสริมให้นักเรียนมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ 6) มีการจัดกิจกรรมอย่างหลากหลายตามความถนัดและความต้องการของนักเรียนเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มขึ้น 7) นักเรียนมีความรู้และทักษะในการรักษาสิทธิของตนเอง ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น รู้จักเคารพ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ตลอดจนรู้หน้าที่ และปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเองได้อย่างไม่บกพร่อง 8) นักเรียนประพฤติปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของโรงเรียนและมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 9) นักเรียนมีความรักและภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมไทย 10) นักเรียนกระทำความดี ละเว้นความชั่วโดยยึดหลักศีล 5 มาบูรณาการในการครองตน 11) การนำ SOMDETPIT Model ไปบูรณาการกับระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน กระบวนการและสาระสำคัญของ SOMDETPIT Model มีความสัมพันธ์และสอดคล้องกับระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนทั้ง 5 ขั้นตอน (การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล/การคัดกรองนักเรียน/การส่งเสริมและพัฒนานักเรียน การป้องกันและแก้ไขปัญหา และการส่งต่อ) 12) ครูที่ปรึกษาและครูผู้สอนให้ความร่วมมือในการจัดกิจกรรมอย่างหลากหลาย ตลอดจนมีกระบวนการให้คำปรึกษาแก่นักเรียนด้วยกัลยาณมิตร 13) มีการบริหารจัดการที่ดี มีหลักการ และกระบวนการที่สอดคล้องกับระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด และมีเป้าหมายเดียวกันคือส่งผลให้นักเรียนเป็นคนดี คนเก่ง มีคุณธรรม จริยธรรม คิดเป็น ทำเป็น สามารถพึ่งพาตนเองและเป็นแบบอย่างที่ดีได้ 14) ครูที่ปรึกษาให้ความร่วมมือในการกำกับดูแลนักเรียนเป็นอย่างดี 15) กลยุทธ์ในการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ทั้ง 8 กลยุทธ์ นับว่ามีความสำคัญและมีความสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการซึ่งง่ายต่อการรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ และสร้างความเข้าใจให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติ 16) ครูที่ปรึกษา และผู้ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการกำกับดูแลนักเรียนอย่างสม่ำเสมอ แก้ไขปัญหาตามกระบวนการกลยุทธ์ทั้ง 8 กลยุทธ์ 17) รูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม เป็นรูปแบบการบริหารจัดการเชิงบวก และมีความชัดเจน ง่ายต่อการสร้างความเข้าใจเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมมือปฏิบัติ ส่งผลให้นักเรียนได้รับการพัฒนาให้มีคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ เป็นคนดี
คนเก่งและมีความสุข สามารถดำรงตนอยู่ในสังคมได้อย่างเหมาะสม เต็มตามศักยภาพ และ 18) นักเรียนได้รับการพัฒนา ส่งผลให้จำนวนนักเรียนที่มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามหลักสูตรเพิ่มขึ้น และลดจำนวนนักเรียนกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มมีปัญหา
ผู้วิจัยได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม และคู่มือ
การใช้รูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ แล้วนำไปใช้ ระหว่างปีการศึกษา 2562 - 2564
ตอนที่ 3 การนำรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคมไปใช้ ในปีการศึกษา 2562 - 2564 ผู้วิจัยได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ดังต่อไปนี้
3.1 นำรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ไปทดลองใช้ระหว่าง ปีการศึกษา 2562 - 2563 และดำเนินการประเมินผลระดับการปฏิบัติงานตามกลยุทธ์ โดยภาพรวม และจำแนกตามรายกลยุทธ์ในระหว่างการทดลองใช้ (Formative Assessment) เมื่อสิ้นปีการศึกษา 2562 และปีการศึกษา 2563 พบว่า ปีการศึกษา 2562 โดยภาพรวมมีค่าเฉลี่ย 3.08 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.66 และมีค่าระดับปานกลาง เมื่อพิจารณารายกลยุทธ์พบว่า กลยุทธ์การคัดกรองนักเรียน มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ 3.19 ส่วนกลยุทธ์ที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ กลยุทธ์การส่งต่อนักเรียน ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 2.95 ปีการศึกษา 2563 ผลการประเมินโดยภาพรวม มีค่าเฉลี่ย 3.87 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.80 และมีค่าระดับมาก กลยุทธ์ที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ การพัฒนาคุณภาพนักเรียน กลุ่มปกติ และการปรับปรุงคุณภาพนักเรียนกลุ่มเสี่ยง ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 3.94 ส่วนกลยุทธ์ที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การรณรงค์เพื่อปลูกฝัง SOMDETPIT Model โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.81
3.2 นำรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ที่ได้ทดลองใช้ในปีการศึกษา 2562 - 2563 มาปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง แล้วนำไปใช้จริงในปีการศึกษา 2564 การประเมินผลเมื่อสิ้นสุดการใช้ (Summative Assessment) พบว่า โดยภาพรวม ปีการศึกษา 2564 มีค่าเฉลี่ยรวม 4.51 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานรวม 0.72 และค่าระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายกลยุทธ์พบว่า กลยุทธ์ที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ การส่งต่อนักเรียน ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 4.58 ส่วนกลยุทธ์ที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ การรณรงค์เพื่อปลูกฝัง SOMDETPIT Model โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.40
จากการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของผลการประเมินการดำเนินงานการใช้รูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ปีการศึกษา 2562 - 2564 พบว่า ผลการประเมินการดำเนินงาน การใช้รูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับในแต่ละปีการศึกษา และเมื่อเฉลี่ยรวมทุกกลยุทธ์ของแต่ละปีการศึกษา สามารถสรุปภาพรวมได้ คือ ปีการศึกษา 2562 ค่าเฉลี่ยรวม 3.08 ปีการศึกษา 2563 ค่าเฉลี่ยรวม 3.87 ปีการศึกษา 2564 ค่าเฉลี่ยรวม 4.51
ตอนที่ 4 การสรุปและรายงานผลการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ที่ส่งผลเชิงประจักษ์ต่อนักเรียน ครู ผู้บริหาร และชุมชน ได้สรุปผล ดังนี้
4.1 การนำผลที่เกิดกับนักเรียนทางด้านคุณลักษณะและการเรียนรู้ระหว่าง
ปีการศึกษา 2562 - 2564 มาเปรียบเทียบกัน เพื่อศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นระหว่างการนำรูปแบบ การบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ไปใช้ มีผลดังนี้
4.1.1 ผลการศึกษาวิเคราะห์คุณลักษณะอันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ระหว่างปีการศึกษา 2562 - 2564 พบว่า ค่าความถี่ของคุณลักษณะ อันไม่พึงประสงค์ของนักเรียนทุกระดับชั้น โดยภาพรวมลดลงเป็นลำดับทุกปี ได้แก่ การทะเลาะวิวาท การลักขโมย การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การเสพสารเสพติด การหนีเรียนในระหว่างชั่วโมงเรียน การมาโรงเรียนสายโดยไม่มีเหตุผลจำเป็น การขาดเรียนโดยไม่มีเหตุผลจำเป็น การแต่งกาย ผิดระเบียบของโรงเรียน ความก้าวร้าว และการอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้
4.1.2 ผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ระหว่างปีการศึกษา 2562 - 2554 พบว่า ในปีการศึกษา 2562 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษามีค่าเฉลี่ยสูงสุด โดยมีค่าเฉลี่ย 3.04 รองลงมา คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ มีค่าเฉลี่ย 2.97 ส่วนกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 2.09 สำหรับปีการศึกษา 2563 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะมีค่าเฉลี่ยสูงสุด โดยมีค่าเฉลี่ย 3.29 รองลงมา คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษามีค่าเฉลี่ย 3.25 ส่วนกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 2.16 ในปีการศึกษา 2564 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษามีค่าเฉลี่ยสูงสุด โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.58 รองลงมา คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะมีค่าเฉลี่ย 3.21 กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 2.33 จะเห็นได้ว่าค่าเฉลี่ยรวมของทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้รายวิชา ระหว่างปีการศึกษา 2562 - 2564 มีค่าเฉลี่ยรวมสูงขึ้นเป็นลำดับ จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาด้านการเรียนของนักเรียน หลังจากที่นักเรียนได้รับการพัฒนาตามรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม
4.2 ผลการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม จากความคิดเห็นของครูและบุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.40 เรียงตามลำดับ ความพึงพอใจจากมากไปน้อย พบว่ากลยุทธ์การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล มีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ย 4.59 รองลงมา คือ กลยุทธ์การคัดกรองนักเรียนมีค่าเฉลี่ย 4.45 และกลยุทธ์การสร้างบรรยากาศส่งเสริมการเรียนรู้ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 4.44 ส่วนกลยุทธ์ที่มีค่าเฉลี่ยต่ำที่สุด คือ กลยุทธ์ การรณรงค์เพื่อปลูกฝัง SOMDETPIT Model โดยมีค่าเฉลี่ย 4.21
4.3 การนำเสนอผลงานเชิงประจักษ์ที่เกิดขึ้นกับนักเรียน ครู ผู้บริหาร โรงเรียน และชุมชน ซึ่งส่งผลมาจากการนำรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคมไปใช้ พบว่า การนำระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียน สมเด็จพิทยาคมไปใช้ ระหว่างปีการศึกษา 2563 - 2564 ส่งผลเชิงประจักษ์ให้ผู้บริหาร ครูอาจารย์ นักเรียน โรงเรียนและชุมชนได้รับรางวัลจากการประกวดแข่งขันทั้งในด้านความรู้ ทักษะปฏิบัติ และด้านคุณธรรมจริยธรรมตั้งแต่ระดับจังหวัด ระดับเขตพื้นที่การศึกษา และระดับภาค ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนานักเรียนที่ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกด้านอย่างเต็มตามศักยภาพส่งผลมายังผู้บริหาร ครูอาจารย์ โรงเรียนและชุมชน ดังปรากฏจากการประเมินคุณภาพภายนอกสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน รอบที่ 4 ในปีการศึกษา 2564 ซึ่งพบว่า การนำระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน มาใช้ ได้ส่งผลต่อคุณภาพนักเรียน และผู้ที่เกี่ยวข้องของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม ดังนี้
1. ส่งผลต่อนักเรียน
1.1 นักเรียนได้รับการดูแลช่วยเหลือ และพัฒนาการด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิตและสภาพแวดล้อมทางสังคมอย่างทั่วถึง
1.2 นักเรียนได้รับการส่งเสริม พัฒนา ป้องกันแก้ไขปัญหาอย่างรอบด้าน
1.3 นักเรียนรู้จักตนเอง สามารถปรับตัวมีทักษะทางสังคมและอยู่ในสังคมได้
อย่างเป็นสุข
1.4 นักเรียนมีทักษะชีวิตและมีสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อน ครูและผู้ปกครอง
1.5 นักเรียนมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และกล้าแสดงออก
1.6 นักเรียนมีความสามารถทางวิชาการมากขึ้นส่งผลให้มีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนสูงขึ้น
2. ส่งผลต่อครู
2.1 ครูเกิดความตระหนัก และเห็นความสำคัญของการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
2.2 ครูมีเจตคติที่ดีต่อนักเรียน
2.3 ครูมีผลงานสอดคล้องกับมาตรฐานการประเมินคุณภาพการศึกษา
2.4 ครูมีความรักและศรัทธาในวิชาชีพครู
2.5 ครูได้รับการพัฒนาในการใช้กระบวนการวิจัยในชั้นเรียนได้เป็นอย่างดี
3. ส่งผลต่อผู้ปกครอง และชุมชน
3.1 ผู้ปกครองมีความตระหนักในการเลี้ยงดูบุตรหลานของตนเอง
3.2 ผู้ปกครองเข้าใจถึงวิธีการอบรมสั่งสอนบุตรหลาน
3.3 ผู้ปกครองเป็นตัวอย่างที่ดีแก่บุตรหลาน และบุคคลในชุมชน
3.4 ผู้ปกครองมีสัมพันธภาพที่ดีกับบุตรหลาน เป็นครอบครัวที่เข้มแข็ง
3.5 ผู้ปกครองนักเรียน มีส่วนร่วมโดยให้ความร่วมมือในการดูแลและแก้ไขปัญหาด้านการเรียน รวมทั้งพฤติกรรมของนักเรียนเป็นอย่างมาก
4. ส่งผลต่อผู้บริหาร
4.1 รู้ศักยภาพของครูในการขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิรูปการเรียนรู้
4.2 ได้ข้อมูลพื้นฐานของนักเรียน สำหรับใช้ในการกำหนดแนวการพัฒนานักเรียน หลักสูตร และคุณภาพการจัดการศึกษา
4.3 มีรูปแบบกระบวนการพัฒนา และการพัฒนาเชิงระบบภายใต้การมีส่วนร่วม
5. ส่งผลต่อโรงเรียน
5.1 โรงเรียนดำเนินงานตามมาตรฐานการศึกษา
5.2 โรงเรียนได้รับการยอมรับ การสนับสนุน และความร่วมมือจากชุมชน องค์กรที่เกี่ยวข้อง
5.3 โรงเรียนมีแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลายที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
6. ส่งผลต่อเขตพื้นที่การศึกษา
6.1 พัฒนานวัตกรรมในการพัฒนานักเรียน
6.2 พัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำงาน การนิเทศติดตามผล ประเมินผลการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน
6.3 มีระบบข้อมูลสารสนเทศ ทั้งข้อมูลระดับบุคคล และโรงเรียนเพื่อการพัฒนา
7. ส่งผลต่อประเทศชาติ
7.1 นักเรียนมีคุณภาพดี มีปัญญา และมีความสุข
7.2 มีการเชื่อมโยงข้อมูลของเยาวชนทุกระดับ
7.3 ลดปัญหาที่ส่งผลต่อเด็กและเยาวชน ลดค่าใช้จ่ายของหน่วยงานต่าง ๆ
7.4 ประชาชนมีคุณภาพเป็นกำลังอันสำคัญในการพัฒนาประเทศ
4.4 ผลการรับรองรูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน โดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม โดยผู้ทรงคุณวุฒิ
ผลปรากฏว่าผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมดมีความเห็นในการรับรองว่ารูปแบบการบริหารจัดการระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนโดยใช้ SOMDETPIT Model เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ของโรงเรียนสมเด็จพิทยาคม สามารถนำไปใช้ในการปรับปรุง และพัฒนาคุณลักษณะของนักเรียนได้จริง และส่งผลดีต่อการบริหารจัดการของโรงเรียนโดยรวม