ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม
ผู้วิจัย ศิวภา บัวสุวรรณ
ปีที่รายงาน 2565
บทคัดย่อ
การวิจัยและพัฒนา (Research and Development: R&D) มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสาน เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning)ของครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม มีกระบวนการพัฒนาเป็น 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 ศึกษาสภาพปัจจุบันและแนวทางการพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสาน เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning)ของครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม โดยการสังเคราะห์เอกสารและการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 3 คน โดยใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง ขั้นตอนที่ 2 การสร้างรูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสานและคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศภายใน โดยผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 9 คน นำไปทดลองใช้กับครูผู้สอนโรงเรียนวังหินวิทยาคม จำนวน 15 คน โดยใช้แบบประเมินรูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสาน แบบประเมินรูปแบบคู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสาน ซึ่งมีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ขั้นตอนที่ 3 นำรูปแบบฯ ไปทดลองใช้ ขั้นตอนที่ 4 การประเมินรูปแบบฯ กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม รวมทั้งสิ้น 15 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจอะจง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ รูปแบบการนิเทศภายในและคู่มือการนิเทศภาย และแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ และแบบประเมินความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพื้นฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า
จากการศึกษา วิเคราะห์ และสังเคราะห์เพื่อนำมาใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการพัฒนารูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม ให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้อง เหมาะสมกับการนิเทศการศึกษา ผู้วิจัยได้สรุปองค์ประกอบของรูปแบบโดยพิจารณาความเห็นของนักการศึกษา ที่มีความสอดคล้องกันตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป สามารถสรุปองค์ประกอบรูปแบบการนิเทศได้ 5 องค์ประกอบ ดังนี้ 1) หลักการของรูปแบบ เป็นความเชื่อที่เป็นพื้นฐานหรือหลักการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ เป็นการกำหนดไว้ในการพัฒนาคุณลักษณะที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน 3) เนื้อหาสาระการพัฒนาเป็นสาระความรู้ที่กำหนดไว้ให้สัมพันธ์สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของรูปแบบ 4) กระบวนการพัฒนา เป็นขั้นตอนหรือลำดับของการจัดกิจกรรมการนิเทศกำหนดบทบาทของผู้นิเทศและผู้รับการนิเทศในแต่ละขั้นตอนเพื่อให้การนิเทศบรรจุตามจุดมุ่งหมาย 5) การประเมินผลและนำไปใช้ เป็นแนวทางในการวัดและประเมินผลการนิเทศที่จัดขึ้นตามรูปแบบที่ชี้วัดให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่บรรลุจุดมุ่งหมายที่กำหนด
ผลจากการศึกษาข้อมูลสภาพที่จำเป็นในการพัฒนาทำให้ได้ รูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นกระบวนการและกิจกรรมของการนิเทศที่มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน โดยใช้การจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ที่เกิดจากกระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ กระบวนการ เทคนิควิธีการ การนิเทศภายใน ดังนี้ กระบวนการนิเทศภายในแบบผสมผสาน โดยผสมผสานการนิเทศแบบเผชิญหน้า (Face to Face) และการนิเทศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (On-line) และจากการสังเคราะห์วิธีการนิเทศการศึกษาและนิเทศภายใน โดยผู้วิจัยได้แนวทางการพัฒนารูปแบบในการดำเนินการนิเทศภายใน 5 ขั้นตอน 1.สร้างความรู้ก่อนการนิเทศ เป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 5 หน่วย ดังนี้ หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(ActiveLearning) หน่วยที่ 2 การวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการพัฒนา หน่วยที่ 3 หลักการออกแบบเทคนิคการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) หน่วยที่ 4 การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) หน่วยที่ 5 ผลงานที่เป็นเลิศ(Best Practice) 2.การวางแผนการนิเทศ 3.ดำเนินการนิเทศ เป็นการดำเนิน 5 กิจกรรม (COVIDNEW) ขั้นที่ 1 C = Cooperation ร่วมมือวางแผนเชิงรุก ขั้นที่ 2 O:On-line & On-site (Active Learning)ขั้นที่ 3 V:Visit เยี่ยมเยือนติดตามให้กำลังใจ ขั้นที่ 4 I : Innovation New ขั้นที่ 5 D : DevelopMent มุ่งพัฒนาคุณภาพต่อ 4.ติดตาม ประเมิน เสริมแรง และ5.สะท้อนแลกเปลี่ยนพัฒนาต่อยอด
2. ผลการสร้างรูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม
2.1 จากการศึกษารูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม ได้รูปแบบการนิเทศแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม รูปแบบการนิเทศได้ 5 องค์ประกอบ ดังนี้ 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบ 3) เนื้อหาสาระการพัฒนา 4) กระบวนการพัฒนา 5) การประเมินผลและนำไปใช้ และกระบวนการนิเทศภายในได้ 5 ขั้นตอน ประกอบด้วย 1.สร้างความรู้ก่อนการนิเทศ เป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 5 หน่วย ดังนี้ หน่วยที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(ActiveLearning) หน่วยที่ 2 การวิเคราะห์ปัญหาและความต้องการพัฒนา หน่วยที่ 3 หลักการออกแบบเทคนิคการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) หน่วยที่ 4 การเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) หน่วยที่ 5 ผลงานที่เป็นเลิศ(Best Practice) 2.การวางแผนการนิเทศ 3.ดำเนินการนิเทศ เป็นการดำเนิน 5 กิจกรรม (COVIDNEW) ขั้นที่ 1 C = Cooperation ร่วมมือวางแผนเชิงรุก ขั้นที่ 2 O:On-line & On-site (Active Learning) ขั้นที่ 3 V:Visit เยี่ยมเยือนติดตามให้กำลังใจ ขั้นที่ 4 I : Innovation New ขั้นที่ 5 D : DevelopMent มุ่งพัฒนาคุณภาพต่อ 4.ติดตาม ประเมิน เสริมแรง และ5.สะท้อนแลกเปลี่ยนพัฒนาต่อยอด เป็นคู่มือการนิเทศภายในเพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(ActiveLearning) ของครูผู้สอน ที่มีความสอดคล้องเหมาะสมกับบริบทในการจัดการเรียนรู้ และพัฒนาการจัดการเรียนรู้ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(ActiveLearning) คือ 1) ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(ActiveLearning) 2) ความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(ActiveLearning) และ 3) เจตคติที่มีต่อการเรียนรู้เชิงรุก(ActiveLearning)
2.2 ผลการประเมินความเหมาะสมของรูปแบบการนิเทศภายในรูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม พบว่า ผู้ทรงคุณวุฒิ จํานวน 9 คน มีความเห็นว่า รูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสาน ในภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมาก (X = 3.90, S.D.= 0.44) เมื่อพิจารณาเป็นรายการ พบว่า รายการที่มีความเหมาะสมมากที่สุด ได้แก่ การนําแนวคิดมาพัฒนารูปแบบ มีความเหมาะสม (X = 4.56, S.D.= 0.53) มีความเหมาะสมระดับมากที่สุด
2.3 คู่มือการใช้รูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม พบว่า ผู้ทรงคุณวุฒิ จํานวน 9 คน ในภาพรวม มีความเหมาะสมในระดับมาก (X = 4.11, S.D.= 0.37) เมื่อพิจารณาเป็นรายการ พบว่า รายการที่ มีความเหมาะสมมากที่สุดได้แก่ แนวทางการศึกษาเอกสารแสดงถึงสิ่งที่เกิดกับผู้สนใจและศึกษาคู่มืออย่างชัดเจน (X = 4.33, S.D.= 0.50) มีความเหมาะสมในระดับมากที่สุด
3. ผลการใช้รูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม
3.1 ความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning)พบว่า ก่อนการอบรม เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) มีค่าเฉลี่ย 10.73 หลังการอบรมเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) มีค่าเฉลี่ย 18.17 และทําการทดสอบโดยใช้ค่าสถิติทดสอบที (t-test dependent) พบว่า ความรู้ ความเข้าใจของครูหลังการอบรมเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) สูงกว่าก่อนการอบรมอย่างมีนัยสําคัญทางสถิตที่ระดับ .05
3.2 ความสามารถในการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning)ภาพรวมมีความเหมาะสมในระดับมาก ที่สุด (X = 4.62,S.D.,= 0.57)และเมื่อพิจารณารายการประเมินด้านการจัดทําแผนการจัดการเรียนรู้ พบว่า การกําหนดกิจกรรมเน้นการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) และสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด (X = 4.68, S.D.= 0,47) และด้านทักษะการจัดการเรียนการสอนที่เสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) พบว่า จัดการเรียนรู้ที่หลากหลาย และเน้นผู้เรียนเป็นสําคัญ มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด (X = 4.73-S.D,=0.45)
3.3 เจตคติต่อการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของครูผู้สอน พบว่า รายการเจตคติที่มีระดับเจตคติมากที่สุด ได้แก่ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning)ช่วยพัฒนาการคิดระดับสูง ด้วยการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่ามีเจตคติระดับมากที่สุด (X=4.50, S.D.=0.55)
4. ผลการประเมินความเป็นไปได้และความเป็นประโยชน์ของรูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของครูผู้สอน โดยรวมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม ในด้านความเป็นไปได้และความเป็นประโยชน์ อยู่ในระดับมากที่สุด ทั้ง 2 ด้าน เมื่อตรวจสอบรายประเด็น พบว่า ระบบงานสร้างความรู้และระบบสนับสนุนการตัดสินใจมีความเป็นไปได้อยู่ในระดับมากที่สุด ส่วนความเป็นประโยชน์ของรูปแบบการนิเทศภายในแบบผสมผสานเพื่อเสริมสร้างสมรรถนะการจัดการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) ของครูผู้สอน โรงเรียนวังหินวิทยาคม พบว่า มีความเป็นประโยชน์มากที่สุด