บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยน
แปลงลม ฟ้า อากาศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนบ้านตะโละหะลอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ประถมศึกษา ยะลา เขต 1
ชื่อผู้ศึกษา นางสาวอานีซะห์ ยายอ
ปีการศึกษา 2563
รายงานผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/5 โรงเรียนบ้านตะโละหะลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษายะลา เขต 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 25 คน โดยมีเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา 4 ชนิด ได้แก่ 1) แบบฝึกชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ
2) แผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้กับชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ และ 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ จำนวน 30 ข้อ 4) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่า E1/E2 ค่าดัชนีประสิทธิผล E.I. (Effectiveness Index) และสถิติทดสอบที (T-test Dependent Samples)
ผลการศึกษา พบว่า
1) ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านตะโละหะลอ พบว่า ประสิทธิภาพของกระบวนการซึ่งประเมินจากกระบวนการเรียน โดยพิจารณาจากคะแนนของแบบทดสอบระหว่างการจัดการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ โดยการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ ทั้ง 6 เล่ม ได้ประสิทธิภาพตัวแรก (E1) เท่ากับ 84.19 และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ซึ่งเป็นการประเมินผลจากคะแนนหลังเรียน ได้ประสิทธิภาพตัวหลัง (E2) เท่ากับ 86.67 ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า แบบฝึกชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านตะโละหะลอ สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่กำหนดไว้ โดยได้เกณฑ์ประสิทธิภาพเท่ากับ 84.19/86.67 แสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ ส่งผลต่อการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการเรียนรู้จริง เกิดทักษะกระบวนการและสามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้จริง
2) คะแนนเฉลี่ยของนักเรียนที่ได้จากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านตะโละหะลอ ก่อนการจัดการเรียนรู้เท่ากับ 14.52 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 48.40 จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน ส่วนหลังการจัดการเรียนรู้เท่ากับ 25.96 คะแนน จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 86.53 เมื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้วิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ ก่อนการจัดการเรียนรู้และหลังการจัดการเรียนรู้ พบว่า มีความก้าวหน้าสูงขึ้น คิดเป็นค่าเฉลี่ยเท่ากับ +11.44 คะแนน หมายความว่าหลังการจัดการเรียนรู้นักเรียนมีความความเข้าใจ เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศเพิ่มขึ้น
3) การศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงลม ฟ้า อากาศ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านตะโละหะลอ พบว่า มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.53 ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.21 สรุปได้ว่านักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมากที่สุด