บทคัดย่อ
การประเมินโครงการโรงเรียนสร้างเสริมสุขภาวะตามแนวทางการพัฒนาทั้งระบบ โรงเรียนศรีนคร ปีการศึกษา 2564 เป็นการวิจัยเชิงประเมิน ผู้ประเมินเลือกใช้รูปแบบการประเมินโดยใช้รูปแบบการประเมิน CIPPIEST Model มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินโครงการโรงเรียนสร้างเสริมสุขภาวะตามแนวทางการพัฒนาทั้งระบบ โรงเรียนศรีนคร ทั้ง 8 ด้านดังนี้ ประเมินด้านบริบท (Context) ด้านปัจจัยนำเข้า (Input) ด้านกระบวนการ(Process) ด้านผลผลิต (Product) ด้านผลกระทบ (Impact) ด้านประสิทธิผล (Effectiveness) ด้านความยั่งยืน (Sustainable) และด้านการถ่ายโยงความรู้ (Transportation) กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 605 คน ได้แก่ ผู้ประสานงานโครงการ จำนวน 1 คน ผู้บริหารโรงเรียน จำนวน 3 คน ครูผู้สอน จำนวน 30 คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 254 คนผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 254 คน เครือข่ายผู้ปกครอง 48 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 10 คน และชุมชนจำนวน 5 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลการประเมินครั้งนี้ มีเครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน เป็นแบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า(Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 3 ฉบับ และแบบสัมภาษณ์จำนวน 1 ฉบับ ที่ผู้ประเมินสร้างขึ้น ดังนี้
ฉบับที่ 1. แบบสอบถามสำหรับผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอน มีเนื้อหาเกี่ยวกับคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการโรงเรียนสร้างเสริมสุขภาวะตามแนวทางการพัฒนาทั้งระบบ โรงเรียนศรีนคร 8 ด้าน
ฉบับที่ 2. แบบสอบถามสำหรับนักเรียน มีเนื้อหาเกี่ยวกับคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการโรงเรียนสร้างเสริมสุขภาวะตามแนวทางการพัฒนาทั้งระบบ โรงเรียนศรีนคร 3 ด้าน
ฉบับที่ 3. แบบสอบถามสำหรับผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน และ ชุมชนมีเนื้อหาเกี่ยวกับคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการโรงเรียนสร้างเสริมสุขภาวะตามแนวทางการพัฒนาทั้งระบบ โรงเรียนศรีนคร 5 ด้าน
แบบสัมภาษณ์ สำหรับผู้ประสานงานโครงการ เป็นแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง(Structured Interview) ที่ผู้ประเมินสร้างขึ้น โดยมีประเด็นสัมภาษณ์ความคิดเห็นที่มีต่อโครงการโรงเรียนสร้างเสริมสุขภาวะตามแนวทางการพัฒนาทั้งระบบ โรงเรียนศรีนคร
การวิเคราะห์ข้อมูลใช้สถิติการแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วไป ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับระดับความคิดเห็น และการวิเคราะห์เนื้อหา สำหรับการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะ และแบบสัมภาษณ์
ผลการประเมิน พบว่า
1) ผลการประเมินด้านบริบท โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ( x̄=4.08, S.D.=0.17) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ โครงการสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ( x̄=4.21, S.D.=0.29) รองลงมาคือ โครงการสอดคล้องกับความต้องการของผู้เกี่ยวข้อง ( x̄=4.15, S.D.=0.07) และโครงการมีความสอดคล้องกับสภาพปัญหาของโรงเรียน ( x̄ =4.10, S.D.=0.18) ตามลำดับ
2) ผลการประเมินด้านปัจจัยนำเข้า โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ( x̄ =4.34, S.D.=0.24) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ วิทยากรแพธทูเฮลท์ เอาใจใส่ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมตามโครงการ ( x̄=4.51, S.D.=0.23) รองลงมาคือ เนื้อหาและช่วงเวลาในการจัดกิจกรรมของโครงการเหมาะสม ( x̄ =4.47, S.D. = 0.11) และผู้บริหารเห็นความสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินโครงการ ( x̄=4.31, S.D.=0.45) ตามลำดับ
3) ผลการประเมินด้านกระบวนการ โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ( x̄=4.42, S.D.=0.45) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ นักเรียนได้เรียนรู้การป้องกันโรคโควิด 19 อย่างหลากหลายรูปแบบ ทั้งในและนอกห้องเรียนทุกคนทุกชั้น ( x̄ =4.82, S.D.=0.42) รองลงมาคือครอบครัวมีความตระหนัก มีส่วนในการดูแล เฝ้าระวัง มีการประสานงานการป้องกันโรคโควิด19 ( x̄ =4.75, S.D.=0.13) และมีกระบวนการพัฒนาครูเรื่องสุขภาวะ ( x̄=4.54, S.D.=0.43) ตามลำดับ
4) ผลการประเมินด้านผลผลิต องค์ประกอบผู้เรียนเป็นสุข ในภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ( x̄ =4.64, S.D.=0.45) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ นักเรียนมีสุขภาพแข็งแรง ( x̄ =4.75, S.D.=0.11)รองลงมาคือ มีทักษะในการป้องกันตนเองจากโควิด 19 และสามารถปรับตัวและเปลี่ยนสู่ชีวิตวิถีใหม่(New Normal) ( x̄=4.52, S.D.=0.55) และนักเรียนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ( x̄=4.46, S.D.=0.42) ตามลำดับ
องค์ประกอบโรงเรียนเป็นสุข ในภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ( x̄ =4.41, S.D.=0.45) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือโรงเรียนโรงเรียนมีการบริหารจัดการที่เอื้อต่อการจัดการเรียนการสอนและการสร้างเสริมสุขภาวะในการป้องกันโควิด 19 ( x̄=4.75, S.D.=0.11) รองลงมาคือ โรงเรียนมีกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูผู้สอน มีการติดตามประเมินผล ภายในโรงเรียนและเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ( x̄ =4.33, S.D.=0.32) และโรงเรียนมีการกิจกรรม แหล่งเรียนรู้บูรณาการกระบวนการเรียนรู้ เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะ การป้องกันโรคโควิด 19 โดยสอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน ( x̄=4.21, S.D.=0.14) ตามลำดับ
องค์ประกอบสภาพแวดล้อมเป็นสุข ในภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄=4.52, S.D.=0.45) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือโรงเรียนมีบรรยากาศ ห้องเรียนและสภาพแวดล้อมมีความร่มรื่น ปลอดภัย เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาวะ การป้องกันโควิด19 ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน ( x̄=4.62, S.D.=0.32) รองลงมาคือโรงเรียนมีระบบป้องกันภัยและมีการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ ( x̄=4.45, S.D.=0.03) และโรงเรียนมีการบริหารจัดการสภาวะโภชนาการ เช่น โรงอาหาร ผู้ประกอบการร้านค้าสวัสดิการ ในการป้องกันโรคโควิด 19 อย่างเป็นระบบและมีมาตรฐาน ( x̄=4.15, S.D.=0.32) ตามลำดับ
องค์ประกอบครอบครัวเป็นสุข ในภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄=4.57, S.D.=0.23) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ครอบครัวมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้ และดูแลช่วยเหลือนักเรียนให้มีสุขภาวการณ์ป้องกันโรคโควิด 19 มีการสื่อสารและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านช่องทางต่างๆ ( x̄ =4.64, S.D.=0.08) รองลงมาคือ ครอบครัวมีสัมพันธภาพที่ดีภายในครอบครัว สามารถปรับและเปลี่ยนสู่ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ( x̄=4.60, S.D.=0.12) และครอบครัวมีระบบเฝ้าระวัง ป้องกันปัญหาโรคโควิด 19 และปัญหาอื่นๆร่วมกับทางโรงเรียน ( x̄=4.59, S.D.=0.04) ตามลำดับ
องค์ประกอบชุมชนเป็นสุข ในภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ( x̄=4.45, S.D.=0.25) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ชุมชนมีส่วนร่วมในการจัดกระบวนการการเรียนรู้เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะของนักเรียนและการป้องกันตนเองจากโรคโควิด19 ( x̄=4.54, S.D.=0.12) รองลงมาคือ ชุมชนมีแหล่งเรียนรู้ในการส่งเสริมการจัดการเรียนรู้เพื่อสร้างเสริมสุขภาวะของนักเรียน ( x̄=4.47, S.D.=0.21) และชุมชนให้ความร่วมมือในการส่งเสริมสนับสนุน การจัดการศึกษาด้านต่างๆ ( x̄=4.42, S.D.=0.42) ตามลำดับ
5) ผลการประเมินด้านผลกระทบ โดยภาพรวมมีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄=4.41, S.D.=0.25) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ โรงเรียนมีเครือข่ายร่วมพัฒนาระหว่างโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการโรงเรียนสร้างเสริมสุขภาวะ ( x̄=4.72, S.D.=0.11) รองลงมาคือผู้เกี่ยวข้องมีความพึงพอใจต่อการดำเนินการโครงการโรงเรียนสร้างเสริมสุขภาวะ ( x̄= 4.65, S.D. = 0.42) และโรงเรียนได้รับการยอมรับและเชื่อมั่นในการจัดการศึกษา ( x̄= 4.02, S.D. = 0.75) ตามลำดับ
6) ผลการประเมินด้านประสิทธิผล โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ( x̄ =4.24, S.D.=0.25) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือโครงการส่งเสริมให้ชุมชน เครือข่ายภาครัฐ และเอกชนเข้ามามีส่วนร่วม ส่งเสริม สนับสนุน พร้อมร่วมแก้ปัญหา ในการจัดการเรียนรู้ของนักเรียนให้ปลอดภัยจากโรคโควิด19 ( x̄=4.51, S.D. =0.15) รองลงมาคือโรงเรียนมีแนวทางการบริหารจัดการโรงเรียนสร้างเสริมสุขภาวะตามแนวทางการพัฒนาทั้งระบบที่ชัดเจน ( x̄=4.30, S.D.=0.32) และโครงการสร้างเสริมให้นักเรียน รู้วิธีและมีทักษะที่จำเป็นและสามารถปรับเปลี่ยนสู่ชีวิตวิถีใหม่(New Normal) ( x̄=4.21, S.D.=0.30) ตามลำดับ
7) ผลการประเมินด้านความยั่งยืน โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก ( x̄ =4.14, S.D.=0.31) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ เครือข่ายผู้ปกครองมีส่วนร่วมกับโรงเรียนในการส่งเสริม สนับสนุนและแก้ไขปัญหาของนักเรียน ( x̄=78, S.D.=0.71) รองลงมาคือครูสามารถปรับกระบวนการจัดการเรียนรู้บูรณาการสุขภาวะกับรายวิชาในสาระการเรียนรู้ของตนเองได้ ( x̄=4.21, S.D.=0.14) และชุมชนและหน่วยงานภายนอก มีความพร้อมและสนับสนุน การเสริมสร้างสุขภาวะของนักเรียน ( x̄=4.17, S.D.=0.12) ตามลำดับ
8) ผลการประเมินด้านการถ่ายโยงความรู้ โดยภาพรวมมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( x̄=4.61, S.D.=0.12) เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดคือ ครูผู้สอนสามารถขยายผลการจัดกระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับโรคโควิด 19 และสุขภาวะอื่นๆได้( x̄ =4.81, S.D.=0.32)รองลงมาคือ การส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมกับบุคลากรในชุมชน ในการสร้างเสริมสุขภาวะไปยังชุมชนใกล้เคียง( x̄=4.57, S.D.=0.08) และนักเรียนสามารถถ่ายทอดกิจกรรมต่างๆเกี่ยวกับการป้องกันโรคโควิด 19 ให้ผู้อื่นรับรู้และเข้าใจได้ ( x̄ =4.52, S.D.=0.14) ตามลำดับ