ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การประเมินโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ ปีการศึกษา 2564

บทคัดย่อ

การประเมินโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ ปีการศึกษา 2564 ครั้งนี้ ผู้รายงานใช้รูปแบบการประเมินด้วยแบบจำลองซิปป์ (CIPP Model) ของ แดเนียลแอล สตัฟเฟิลบีม (Daniel L.Stufflebeam) โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อประเมินผลการดำเนินงานโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ปีการศึกษา 2564 ด้วยแบบจำลองซิปป์ (CIPP Model) 2) เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีต่อการดำเนินงานโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ปีการศึกษา 2564 ประชากรในการศึกษา ได้แก่ ผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 2,194 คน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน รวม 327 คน ใช้วิธีสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งชั้น (Stratified random sampling) แล้วสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple random sampling) ขนาดกลุ่มตัวอย่างได้มาจากการเปิดตารางของเครจซี่ และมอร์แกน ประกอบไปด้วย 1) ผู้บริหาร จำนวน 3 คน 2) ครูจำนวน 57 คน 3) นักเรียน จำนวน 127 คน 4) ผู้ปกครอง จำนวน 127 คน และ 5) กรรมการสถานศึกษาไม่รวมตัวแทนครูและผู้อำนวยการสถานศึกษา จำนวน 13 คน เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินโครงการเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 3 ฉบับ โดยฉบับที่ 1 แบบสอบถามสำหรับผู้บริหารและครู เกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ ด้วยแบบจำลองซิปป์ (CIPP Model) ด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อม (Context) ด้านปัจจัยเบื้องต้น (Input) ด้านกระบวนการ (Process) และด้านผลผลิต (Product) ฉบับที่ 2 แบบสอบถามสำหรับนักเรียน ผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เกี่ยวกับ การดำเนินงานโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ปีการศึกษา 2564 ด้วยแบบจำลองซิปป์ (CIPP Model) ด้านกระบวนการ (Process) และด้านผลผลิต (Product) ฉบับที่ 3 แบบสอบถามความพึงพอใจสำหรับผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ปีการศึกษา 2564 ด้วยแบบจำลองซิปป์ (CIPP Model) ด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อม (Context) ด้านปัจจัยเบื้องต้น (Input) ด้านกระบวนการ (Process) และด้านผลผลิต (Product) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (x̄) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)

ผลการประเมินโครงการ พบว่า

1. ในภาพรวม

การประเมินโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ด้วยแบบจำลองซิปป์ (CIPP Model) ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครู ผลการประเมินในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาแยกตามรายด้าน พบว่า ด้านที่มีผลการประเมินมากที่สุด คือ ด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อม (Context) มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านกระบวนการ (Process) มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านผลผลิต (Product) มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก และด้านปัจจัยเบื้องต้น (Input) มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก โดยเรียงตามลำดับจากมากไปน้อย ตามความคิดเห็นของนักเรียน ผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พบว่า ผลการประเมินในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ปรากฎว่า ด้านที่มีผลการประเมินมากที่สุด คือ ด้านกระบวนการ (Process) มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านผลผลิต (Product) มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงตามลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย

2. ด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อม (Context)

ผลการประเมินโครงการด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อม (Context) โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ปรากฏว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ นำนโยบายเกี่ยวกับระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาใช้เพื่อการดำเนินโครงการได้เหมาะสม มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ผู้ปกครอง ผู้นำชุมชน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ความร่วมมือในการดำเนินงานโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนทั้งที่โรงเรียน บ้าน และชุมชน มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก โดยเรียงตามลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย

3. ด้านปัจจัย (Input)

ผลการประเมินโครงการด้านปัจจัยพื้นฐาน (Input) โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ปรากฏว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ผู้บริหารโรงเรียนให้ความสำคัญและเป็นผู้นำในการพัฒนาระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนอย่างต่อเนื่อง มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ ผู้ปกครองมีเวลาในการดูแลช่วยเหลือนักเรียน มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก โดยเรียงตามลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย

4. ด้านกระบวนการ (Process)

ผลการประเมินโครงการด้านกระบวนการ (Process) ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครู โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ปรากฏว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ครูที่ปรึกษาออกเยี่ยมบ้านนักเรียน มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ มีการสนับสนุน ยกย่อง นักเรียนที่ประกอบคุณงามความดี ผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ตามความคิดของนักเรียน ผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ด้านกระบวนการโดยรวม อยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ปรากฏว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ ครูที่ปรึกษามีการเยี่ยมบ้านนักเรียน มีผลการประเมินในระดับมากที่สุด และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ โรงเรียนจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาและส่งเสริมนักเรียนที่หลากหลาย มีผลการประเมินในระดับมาก โดยเรียงตามลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย

5. ด้านผลผลิต (Product)

ผลการประเมินโครงการด้านผลผลิต (Product) ตามความคิดของผู้บริหารและครู โดยรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ปรากฏว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ นักเรียนมีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี สามารถเข้ากับสังคมและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเหมาะสม มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ นักเรียนสามารถช่วยเหลือตนเองได้ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน มีผลการประเมินอยู่ในระดับมาก ตามความคิดของนักเรียน ผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ปรากฏว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด คือ นักเรียนรู้จุดเด่น จุดด้อยของตนเอง พร้อมที่จะปรับปรุงและพัฒนาตนเอง มีผลการประเมินในระดับมากที่สุด และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือ นักเรียนมีจิตใจเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือผู้อื่น และสังคมอย่างสม่ำเสมอ มีผลการประเมินในระดับมาก โดยเรียงตามลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย

6. ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน เกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนของโรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ด้วยแบบจำลองซิปป์ (CIPP Model) ผลการประเมินในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ปรากฏว่า ด้านที่มีผลการประเมินมากที่สุด คือ ด้านบริบทหรือสภาพแวดล้อม (Context) มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านกระบวนการ (Process) มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด ด้านผลผลิต (Product) มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด และด้านปัจจัยเบื้องต้น (Input) มีผลการประเมินอยู่ในระดับมากที่สุด โดยเรียงตามลำดับจากค่าเฉลี่ยมากไปหาน้อย

คำสำคัญ : การประเมินโครงการ, ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

โพสต์โดย ณุ : [14 ส.ค. 2565 เวลา 01:29 น.]
อ่าน [3415] ไอพี : 125.25.124.192
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 255,589 ครั้ง
การกำหนดภาระการสอนขั้นต่ำของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน
การกำหนดภาระการสอนขั้นต่ำของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน

เปิดอ่าน 12,150 ครั้ง
ทำอย่างไรให้ลูกมีความจำดี : ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ
ทำอย่างไรให้ลูกมีความจำดี : ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

เปิดอ่าน 39,207 ครั้ง
วิเคราะห์พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542  หมวดที่ 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา(2)
วิเคราะห์พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 หมวดที่ 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา(2)

เปิดอ่าน 47,265 ครั้ง
เช็ดตัวลดไข้ ใช้ "น้ำอุ่น" หรือ"น้ำเย็น"?
เช็ดตัวลดไข้ ใช้ "น้ำอุ่น" หรือ"น้ำเย็น"?

เปิดอ่าน 56,975 ครั้ง
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 13 การเตะโทษ
ฟุตซอล(Futsal): กติกาข้อ 13 การเตะโทษ

เปิดอ่าน 19,162 ครั้ง
ไขปริศนา ทำไม "มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก" ชอบใส่เสื้อ"เหมือนกัน"ทุกวัน
ไขปริศนา ทำไม "มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก" ชอบใส่เสื้อ"เหมือนกัน"ทุกวัน

เปิดอ่าน 21,627 ครั้ง
"เพลงอีแซว" การแสดงพื้นเมืองภาคกลาง
"เพลงอีแซว" การแสดงพื้นเมืองภาคกลาง

เปิดอ่าน 12,347 ครั้ง
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!! ข้อคิดวันตรุษจีน
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!! ข้อคิดวันตรุษจีน

เปิดอ่าน 20,844 ครั้ง
กิน "มะรุม" ยับยั้งมะเร็งแพร่ลำไส้ใหญ่ได้ แต่กินดิบระวังตับพัง แนะนำให้ปรุงสุกก่อนรับประทาน
กิน "มะรุม" ยับยั้งมะเร็งแพร่ลำไส้ใหญ่ได้ แต่กินดิบระวังตับพัง แนะนำให้ปรุงสุกก่อนรับประทาน

เปิดอ่าน 10,234 ครั้ง
“ท่องเที่ยวอย่างไรให้สบายเท้า”
“ท่องเที่ยวอย่างไรให้สบายเท้า”

เปิดอ่าน 12,838 ครั้ง
คิดเอาเองว่าเครียด ร้ายหนักกว่าเครียดจริง
คิดเอาเองว่าเครียด ร้ายหนักกว่าเครียดจริง

เปิดอ่าน 22,427 ครั้ง
มรดกโลกของไทย
มรดกโลกของไทย

เปิดอ่าน 13,610 ครั้ง
การกระตุ้นพัฒนาการลูกในครรภ์
การกระตุ้นพัฒนาการลูกในครรภ์

เปิดอ่าน 10,556 ครั้ง
เที่ยวมหกรรมนวดนานาชาติ ในงานแฟร์สุขภาพ
เที่ยวมหกรรมนวดนานาชาติ ในงานแฟร์สุขภาพ

เปิดอ่าน 19,950 ครั้ง
ฟินแลนด์ vs ไทย อะไรคือกุญแจแห่งความสำเร็จทางการศึกษา
ฟินแลนด์ vs ไทย อะไรคือกุญแจแห่งความสำเร็จทางการศึกษา

เปิดอ่าน 22,015 ครั้ง
10 เคล็ดลับการถ่ายภาพสวย สำหรับมือสมัครเล่น
10 เคล็ดลับการถ่ายภาพสวย สำหรับมือสมัครเล่น
เปิดอ่าน 8,978 ครั้ง
ตำนานสงกรานต์
ตำนานสงกรานต์
เปิดอ่าน 2,727 ครั้ง
นอนไม่หลับ ทำอย่างไรดี
นอนไม่หลับ ทำอย่างไรดี
เปิดอ่าน 15,248 ครั้ง
ผู้อยู่ลำดับสี่ในตารางสัมภาษณ์งาน มีโอกาสได้งานทำมากที่สุด ผลการวิจัยบอก
ผู้อยู่ลำดับสี่ในตารางสัมภาษณ์งาน มีโอกาสได้งานทำมากที่สุด ผลการวิจัยบอก
เปิดอ่าน 13,563 ครั้ง
เรียนยังไงให้ "เก่ง" และต้องเก่งกว่าครูบาอาจารย์ คำแนะนำจากนักเรียนทุนชื่อ "ดร.ป๋วย"
เรียนยังไงให้ "เก่ง" และต้องเก่งกว่าครูบาอาจารย์ คำแนะนำจากนักเรียนทุนชื่อ "ดร.ป๋วย"

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ