การประเมินในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินบริบท ปัจจัยนำเข้า กระบวนการ ผลผลิตผลกระทบ ประสิทธิผล ความยั่งยืน การถ่ายทอดส่งต่อ โครงการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ ปีการศึกษา 2564 ประชากร ประกอบด้วยนักเรียนชั้นอนุบาล 1-3 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 โรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ ปีการศึกษา 2564 จำนวน 72 คน ครู ปี จำนวน 5 คน ผู้ปกครองนักเรียน (ผู้ปกครอง บางคนมีบุตรหรือนักเรียนที่อยู่ในอุปการะมากกว่า 1 คน)คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ จำนวน 9 คน กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย นักเรียนกำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยใช้นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ทุกคนได้กลุ่มตัวอย่าง 30 คน (เนื่องจากนักเรียนชั้นดังกล่าวมีความสามารถในการอ่าน และสื่อข้อความจากแบบสอบถามได้ดีกว่านักเรียนชั้นอื่นๆ )ครู ศึกษาจากประชากรครู จำนวน 5 คน ผู้ปกครองนักเรียน กำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยใช้ผู้ปกครองของนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกเป็นกลุ่มตัวอย่าง ได้กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน กำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยยกเว้นผู้บริหารสถานศึกษา และผู้แทนครู ได้กลุ่มตัวอย่าง 7 คน โดยใช้วิธีการประเมินเชิงปริมาณ
สำหรับการประเมินเชิงปริมาณใช้ เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถาม แบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) ของลิเคอร์ท (Likert) และ แบบตรวจสอบรายการ (Check List) การวิเคราะห์ข้อมูลใช้วิธีการหาค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ยเลขคณิต( X ) และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)
ผลการประเมินพบว่า การดำเนินโครงการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งอิฐโดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ซึ่งผลการพิจารณาเป็นรายด้าน ดังนี้
1. ผลการประเมินด้านบริบทของโครงการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ โดยภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.67, S.D.= 0.41) ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัดที่ประเมิน
2. ผลการประเมินด้านปัจจัยนำเข้าของโครงการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ โดยภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.74, S.D.= 0.39) ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัดที่ประเมิน
3. ผลการประเมินกระบวนการดำเนินของโครงการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ โดยภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.71, S.D.= 0.45) ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัดที่ประเมิน
4. ผลการประเมินผลผลิตของโครงการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ โดยภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.73, S.D.= 0.45) และนักเรียนมีทักษะพื้นฐานอาชีพร้อยละ 87.77 ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัดที่ประเมิน
5. ผลการประเมินด้านผลกระทบของโครงการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ โดยภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
( = 4.70, S.D.= 0.43) ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัดที่ประเมิน
6. ผลการประเมินประสิทธิผลของโครงการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ โดยภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด
( = 4.68, S.D.= 0.40) ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัดที่ประเมิน
7. ผลการประเมินความยั่งยืนของโครงการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ โดยภาพรวม พบว่า มีนักเรียนมีการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงร้อยละ 86.66 ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัดที่ประเมิน
8. ผลการประเมินการถ่ายทอดส่งต่อของโครงการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ โดยภาพรวม พบว่า มีความเหมาะสมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.73, S.D.= 0.35) ผ่านเกณฑ์ภาพรวมและทุกประเด็นตัวชี้วัดที่ประเมิน
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้
1. โรงเรียนควรนำผลการประเมินโครงการส่งเสริมอาชีพตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของนักเรียนโรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ มาวิเคราะห์หาจุดเด่น จุดที่ควรพัฒนาเพื่อกำหนดรูปแบบและแนวทางในการพัฒนารายงานการประเมิน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2. โรงเรียนอื่น ๆ ที่มีขนาดและบริบทหรือสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกับโรงเรียนบ้านทุ่งอิฐ ควรนำรูปแบบ วิธีการและกิจกรรมต่าง ๆ ในโครงการไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้ของครู เพราะจะทำให้คุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนเกิดการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น
3. ควรนำผลการประเมินโครงการเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา เช่น สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงานอื่น ๆ ได้รับทราบเพื่อให้การสนับสนุน และเผยแพร่ อย่างกว้างขวาง
ข้อเสนอแนะสำหรับการประเมินโครงการหรือวิจัยครั้งต่อไป
1. ควรมีการประเมินโครงการระดับองค์รวมการจัดการศึกษาของโรงเรียน โดยรูปแบบการประเมินแบบซิปเปี้ยสท์ (CIPPIEST Model)
2. ควรมีการประเมินโครงการต่าง ๆ ในระดับงานหรือกลุ่มงานย่อยของโรงเรียนทุกโครงการ โดยการประยุกต์ใช้รูปแบบการประเมินอื่นที่เหมาะสม และสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของข้อมูล และสารสนเทศที่ต้องการคำตอบ