|
|
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์การวิจัยคือ 1. เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการของครูเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐานบูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี 2. เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการของนักเรียนเกี่ยวกับการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐานบูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี 3. เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐานบูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยีที่ปรากฏในเอกสารที่เกี่ยวข้อง 4. เพื่อออกแบบและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐานบูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เรื่อง ธรณีพิบัติภัย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 5. เพื่อหาประสิทธิภาพ (E1/E2) ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐานบูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เรื่อง ธรณีพิบัติภัย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 6. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐานบูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เรื่อง ธรณีพิบัติภัย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 7. เพื่อเปรียบเทียบทักษะการแก้ปัญหาด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐานบูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เรื่อง ธรณีพิบัติภัย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 8. เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐานบูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เรื่อง ธรณีพิบัติภัย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยผู้วิจัยใช้ระเบียบวิธีวิจัยแบบวิจัยและพัฒนา (Research and Development : R&D) จำนวน 3 วงรอบ (Loops) ดังนี้วงรอบที่ 1 : R1D1 เป็นช่วงภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 วงรอบที่ 2 : R2D2 เป็นช่วงภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 และวงรอบที่ 3 : R3D3 เป็นช่วงภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 ประชากรและกลุ่มตัวอย่างแบ่งตามวงรอบ R&D เป็นดังนี้วงรอบที่ 1 (R1D1) ประชากร เป็นครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สหวิทยาเขตปราสาทเชิงพนม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุรินทร์ จำนวน 115 คน และเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1-6/6 โรงเรียนประสาทวิทยาคาร อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 208 คน กลุ่มตัวอย่าง เป็นครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนประสาทวิทยาคาร จำนวน 31 คน และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนประสาทวิทยาคาร อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 38 คนซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) โดยสุ่มห้องเรียนมา 1 ห้องจากทั้งหมด 6 ห้อง วงรอบที่ 2 (R2D2) ประชากร เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6/1-6/6 โรงเรียนประสาทวิทยาคาร อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 178 คน กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/3 โรงเรียนประสาทวิทยาคาร อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 35 คนซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) โดยสุ่มห้องเรียนมา 1 ห้องจากทั้งหมด 6 ห้อง วงรอบที่ 3 (R3D3) ประชากร เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1-6/6 โรงเรียนประสาทวิทยาคาร อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 205 คน กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/3 โรงเรียนประสาทวิทยาคาร อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 39 คนซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) โดยสุ่มห้องเรียนมา 1 ห้องจากทั้งหมด 6 ห้อง การวิจัยในแต่ละวงรอบของ R&D กล่าวคือ R1, R2 และ R3 ผู้วิจัยใช้การวิจัยแบบผสมผสานวิธี (Mixed Metthod) ซึ่งประกอบไปด้วยวิธีวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และวิธีวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพปัจจุบันในการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐานบูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยีของครูและนักเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง และปัญหาในการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐานบูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยีของครูและนักเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับ ปานกลาง ส่วนความต้องในการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐานบูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยีของครูและนักเรียน โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐาน บูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เกิดจากการบูรณาการของแนวคิด 3 แนวคิดหลักคือ การจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐาน การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคม และความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะการแก้ปัญหา และความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้ ซึ่งรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐานบูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เรื่องธรณีพิบัติภัย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประกอบด้วย 7 ขั้นตอนได้แก่ 1. ขั้นกระตุ้นด้วยปรากฏการณ์ (Stimulate with the phenomenon) 2. ขั้นระบุประเด็นปัญหาในปรากฏการณ์ (Identify problems in the phenomenon) 3. ขั้นค้นหาคำตอบ (Explore answer of the targeted problem) 4. ขั้นสร้างองค์ความรู้ (Construct new knowledge) 5. ขั้นสะท้อนคิด (Reflect learning) 6. ขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Exchange and share learning) 7. ขั้นประยุกต์ใช้ (Apply knowledge) สำหรับการวัดและประเมินผลเน้นการประเมินตามสภาพจริง (Authentic assessment) โดยใช้เครื่องมือและวิธีการที่หลากหลาย เช่น แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แบบวัดทักษะการแก้ปัญหา แบบประเมินชิ้นงานของนักเรียน ซึ่งมีการประเมินทั้งรายบุคคล รายกลุ่ม และรายชั้นเรียน
3. รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐาน บูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี วิชา โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เรื่อง ธรณีพิบัติ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีค่าประสิทธิภาพ E1/E2 เท่ากับ 82.64/84.57
4. รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐาน บูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี สามารถพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โดยก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 18.51 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเฉลี่ยเท่ากับ 1.46 และหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 25.37 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเฉลี่ย เท่ากับ 1.31 แสดงให้เห็นว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = 27.82 , P = .007) ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
5. รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐาน บูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี สามารถพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาของนักเรียน โดยก่อนเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 11.63 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเฉลี่ยเท่ากับ 1.46 และหลังเรียนมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 16.38 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเฉลี่ย เท่ากับ 1.40 แสดงให้เห็นว่านักเรียนมีทักษะการแก้ปัญหาหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t = 27.78 , P = .000) ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
6. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสังคมเป็นฐานบูรณาการความรู้ในเนื้อหาผนวกวิธีสอนและเทคโนโลยี วิชา โลก ดราศาสตร์ และอวกาศ เรื่อง ธรณีพิบัติภัย อยู่ในระดับมาก (X-bar = 3.70 , S.D. = 0.91)
|
โพสต์โดย เล็ก : [5 ส.ค. 2565 เวลา 18:28 น.] อ่าน [3578] ไอพี : 101.51.41.49
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 13,739 ครั้ง
| เปิดอ่าน 26,667 ครั้ง
| เปิดอ่าน 38,334 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,980 ครั้ง
| เปิดอ่าน 67,172 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,675 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,316 ครั้ง
| เปิดอ่าน 48,164 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,319 ครั้ง
| เปิดอ่าน 88,951 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,162 ครั้ง
| เปิดอ่าน 104,326 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,281 ครั้ง
| เปิดอ่าน 40,318 ครั้ง
| เปิดอ่าน 3,147 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 12,095 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,435 ครั้ง
| เปิดอ่าน 20,010 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,576 ครั้ง
| เปิดอ่าน 21,850 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|