|
|
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ คือ (1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างความรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (3) เพื่อศึกษาผลการทดลองใช้รูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (4) เพื่อประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่องค่ากลางของข้อมูล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) โดยกำหนดรูปแบบการทดลองแบบหนึ่งกลุ่ม ทดสอบก่อนและหลังการทดลอง (One-Group Pre-test Post-test Design) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ (1) แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ จำนวน 18 แผน (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนฉบับรวมก่อนเรียนและหลังเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ ซึ่งค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.50 - 0.77 และมีค่าอำนาจจำแนก (r) ระหว่าง 0.30 - 0.43 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.89 (3) แบบทดสอบวัดความสามารถในการแก้ปัญหาฉบับรวมก่อนเรียนและหลังเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 25 ข้อ ซึ่งค่าความยากง่าย (p) อยู่ระหว่าง 0.50 - 0.77 และมีค่าอำนาจจำแนก (r) ระหว่าง 0.23 - 0.50 มีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.93 และ (4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่เรียนด้วยรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้น ซึ่งผ่านการทดลองใช้และมีประสิทธิภาพ โดยผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อยแล้ว เป็นแบบประเมินชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/5 โรงเรียนสีคิ้วสวัสดิ์ผดุงวิทยา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 28 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย (x̄ ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) สถิติทดสอบที (t-test) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
1. ข้อมูลพื้นฐานตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และหลักสูตรสถานศึกษาในการพัฒนารูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพโดยยึดความแตกต่างระหว่างบุคคล ส่งเสริมทักษะกระบวนการ ให้ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ด้วยตนเอง และส่งเสริมให้ผู้เรียนมีทักษะการคิด ส่วนผลการศึกษาความต้องการของครูและนักเรียนต้องการรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ที่มีการฝึกทักษะการคิดของนักเรียน มีกิจกรรมร่วมมือกันเรียนรู้ และนักเรียนสร้างและพบความรู้ด้วยตนเอง
2. การพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ 84.23/82.26ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง ค่ากลางของข้อมูลสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สูงขึ้นกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05และความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สูงขึ้นกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ .05
4. การประเมินผลและปรับปรุงรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์ตามแนวคิดทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความสามารถในการแก้ปัญหา เรื่อง ค่ากลางของข้อมูล สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6พบว่านักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีความพึงพอใจต่อรูปแบบการสอนคณิตศาสตร์อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย (x̄ ) =4.81ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD)=0.36รูปแบบการสอนคณิตศาสตร์นี้ควรปรับขั้นตอนการนำเข้าสู่บทเรียน (P -Preparation) โดยปรับเวลาให้กระชับขึ้น เพื่อให้มีเวลาในการทำกิจกรรมในขั้นตอนอื่นเพิ่มขึ้น และปรับจำนวนนักเรียนในกลุ่มให้น้อยลง เพื่อให้นักเรียนทุกคนได้มีส่วนร่วมในการเรียนรู้
|
โพสต์โดย koy : [1 ส.ค. 2565 เวลา 17:26 น.] อ่าน [3479] ไอพี : 223.205.216.56
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 19,440 ครั้ง
| เปิดอ่าน 85,694 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,271 ครั้ง
| เปิดอ่าน 4,550 ครั้ง
| เปิดอ่าน 507,148 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,639 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,890 ครั้ง
| เปิดอ่าน 26,330 ครั้ง
| เปิดอ่าน 52,998 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,923 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,305 ครั้ง
| เปิดอ่าน 2,156 ครั้ง
| เปิดอ่าน 1,924 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,158 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,198 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 25,529 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,296 ครั้ง
| เปิดอ่าน 3,754 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,825 ครั้ง
| เปิดอ่าน 56,713 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|