ชื่อเรื่อง : การพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน
เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์
สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย : นายกรานต์ แผ่นพรหม
ปีที่ทำวิจัย : 2564
บทคัดย่อ
การดำเนินการวิจัยครั้งมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
2) เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์
ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 4) เพื่อประเมินผลรูปแบบ
การสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 โรงเรียนสิริราชอนุสรณ์ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 30 คน โดยใช้วิธีการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster random sampling) จำแนกตามห้องเรียน ซึ่งแต่ละห้องเรียน มีผลการเรียนคละกันทุกห้อง
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถามความต้องการในการจัดการเรียนรู้นาฎศิลป์ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating scale) 5 ระดับของลิเคิร์ท จำนวน 19 ข้อ 2) แบบสัมภาษณ์ เรื่อง แนวทางในการพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง (Structured Interview) มีลักษณะของข้อคำถามเป็นแบบปลายเปิด (Open-end Questions) 3) แบบสอบถามความเหมาะสมของร่างรูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 14 ข้อ 4) แบบสอบถามความเหมาะสมของคู่มือการใช้รูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานเพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 12 ข้อ
5) แบบสอบถามความเหมาะสมของเอกสารประกอบการเรียน ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 13 ข้อ 6) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก แบบปรนัย จำนวน 30 ข้อ 7) แบบทดสอบวัดทักษะปฏิบัติของนักเรียน สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 8) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู จำนวน 12 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที ในการวิเคราะห์ข้อมูล
เชิงคุณภาพ ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่า 1.1 องค์ประกอบ 4 องค์ประกอบ
คือ หลักการหรือแนวคิดของรูปแบบการสอน จุดประสงค์ของรูปแบบการสอน ขั้นตอนการสอน
และผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน 1.2 ความต้องการในการจัดการเรียนรู้นาฎศิลป์ เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ โดยรวมและรายข้อ โดยรวมอยู่ในระดับมาก 1.3 ในการเรียนการสอนนาฏศิลป์เท่าที่ผ่านมาเน้นการเรียนจากครูเป็นสำคัญ ในการจัดการเรียนการสอนนาฎศิลป์ไทยจะเน้นการฝึกทักษะการปฏิบัติให้เกิดความชำนาญ ฝึกทักษะผู้เรียนโดยอาศัยจดจำท่าทางและเลียนแบบได้ การพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ โดยใช้ชุมชนเป็นฐาน นอกจากเสริมทักษะด้านนาฏศิลป์แล้ว
ยังเพื่อเสริมสร้างทักษะอาชีพในท้องถิ่นให้เกิดขึ้นกับนักเรียน
2. ผลการพัฒนารูปแบบการสอนนาฎศิลป์ ตามแนวคิดจิตปัญญาศึกษา เพื่อพัฒนาคุณธรรม ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่า 2.1 รูปแบบมี 5 องค์ประกอบดังนี้ ด้านหลักการ ด้านจุดประสงค์ ด้านขั้นตอนการสอน และด้านผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน โดยด้านขั้นตอนการสอนมี 5 ขั้นดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นสาธิตทักษะ ขั้นที่ 2 ขั้นปฏิบัติทักษะย่อย ขั้นที่ 3 ขั้นปฎิบัติอย่างสมบูรณ์ ขั้นที่ 4 ขั้นปฎิบัติอย่างชำนาญ และขั้นที่ 5 ขั้นริเริ่มและประยุกต์ 2.2 ความเหมาะสมของร่างรูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่ามีความเหมาะสมโดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 2.3 ความเหมาะสมของคู่มือการใช้รูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด 2.4 ความเหมาะสมของเอกสารประกอบการเรียน ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยรวม
อยู่ในระดับมากที่สุด 2.5 รูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากการทดลองใช้ครั้งที่ 3 มีประสิทธิภาพ 80.80/80.22 เป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
3. การทดลองรูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน
เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่า 3.1 ประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ 85.73/84.22
สูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ 3.2 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนด้วยรูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 3.3 ทักษะการปฏิบัติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนด้วยรูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. การประเมินรูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พบว่า ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการสอนโดยใช้ชุมชนเป็นฐานร่วมกับเอกสารประกอบการเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการปฏิบัตินาฏศิลป์ไทยสร้างสรรค์ ชุด ฟ้อนหัตถศิลป์สานเข่งปลาทู สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โดยรวมอยู่ในระดับมาก