รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้กำหนดเรื่องการศึกษาให้เป็น หน้าที่ของรัฐ ในหมวด ๕ มาตรา ๕๔ สรุปสาระสำคัญ รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับ การศึกษาเป็นเวลาสิบสองปีตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับ อย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บ ค่าใช้จ่ายและให้เด็กเล็กได้รับการดูแล และพัฒนาก่อนเข้ารับการศึกษา เพื่อพัฒนาร่างกาย จิตใจ อารมณ์สังคม และสติปัญญา ให้สมกับวัย และสนับสนุนให้องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น และ ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ และให้ประชาชนได้รับการศึกษาตามความต้องการใน ระบบต่างๆ ส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต และต้องดำเนินการกำกับ ส่งเสริม และสนับสนุน ประเด็นการปฏิรูปประเทศ มาตรา ๒๕๘ ด้านการศึกษา ปรับปรุงการจัดการศึกษาทุกระดับเพื่อให้ ผู้เรียนสามารถเรียนได้ตามความถนัด และปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสอดคล้อง กันทั้งในระดับชาติและระดับเขตพื้นที่ จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.๒๕62 ได้กำหนดแนวทางการจัดการศึกษา ปรากฏในหมวด ๔ มาตรา ๒๒, ๒๓ สรุปสาระสำคัญ คือ การจัดการศึกษาต้องยึดหลักผู้เรียนว่ามีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้และต้อง ส่งเสริมผู้เรียนให้มีการพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ ส่วนการจัดการศึกษา ทั้งการศึกษา ในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ที่เน้นความสำคัญทั้งความรู้คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และบูรณาการตามความเหมาะสม ของแต่ละระดับการศึกษา พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.๒๕๔๒ ได้กำหนดแนวการจัดการศึกษาของชาติไว้ใน หมวด ๔ ตั้งแต่มาตรา ๒๒ ถึง มาตรา ๓๐ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนา ตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา ตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
๑.๑ ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ดังนั้นจึงต้องจัดสภาวะแวดล้อม บรรยากาศรวมทั้งแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ให้หลากหลาย เพื่อเอื้อต่อความสามารถของแต่ละบุคคลเพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติที่สอดคล้องกับความถนัด และความสนใจ เหมาะสม แก่วัย และศักยภาพของผู้เรียน เพื่อให้การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกสถานที่ และเป็นการเรียนรู้กัน และกัน อันก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเอง ชุมชน สังคม และประเทศชาติโดยการประสานความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับผู้ปกครอง บุคคล ชุมชน และทุกส่วนของสังคม
๑.๒ ผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด การเรียนการสอนมุ่งเน้นประโยชน์ของผู้เรียนเป็นสำคัญ จึงต้องจัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกปฏิบัติให้ทำเป็น คิดเป็น มีนิสัยรักการเรียนรู้ และเกิดการใฝ่รู้ใฝ่เรียน อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
๒. มุ่งปลูกฝังและสร้างลักษณะที่พึงประสงค์ให้กับผู้เรียน โดยเน้นความรู้คุณธรรม ค่านิยมที่ ดีงาม และบูรณาการความรู้ในเรื่องต่างๆ อย่างสมดุล รวมทั้งการฝึกทักษะและกระบวนการคิด การจัดการเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ใช้ความรู้โดยให้ผู้เรียนมีความรู้และประสบการณ์ใน เรื่องต่างๆ ดังนี้
๒.๑ ความรู้เรื่องที่เกี่ยวกับตนเอง และความสัมพันธ์ของตนเองกับสังคมกับสังคม ได้แก่ ครอบครัว ชุมชน ชาติและสังคมโลก รวมถึงความรู้เกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ความเป็นของสังคมไทย และระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ๒.๒ ความรู้และทักษะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรวมทั้งความรู้ความเข้าใจ และ ประสบการณ์เรื่องการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลยั่งยืน
๒.๓ ความรู้เกี่ยวกับศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม การกีฬา ภูมิปัญญาไทย และการรู้จัก ประยุกต์ใช้ภูมิปัญญา
๒.๔ ความรู้และทักษะด้านคณิตศาสตร์และด้านภาษา เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง
๒.๕ ความรู้และทักษะในการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตอย่างมีความสุข
๓. กระบวนการเรียนรู้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติได้กำหนด แนวทางในการจัด กระบวนการเรียนรู้ของสถานศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
๓.๑ จัดเนื้อหา สาระ และกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจ และความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
๓.๒ ให้มีการฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์และการ ประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา
๓.๓ จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้คิดเป็น ทำเป็น รักการอ่าน และเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง
๓.๔ จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่างๆ อย่างได้สัดส่วน สมดุลกัน รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรม ค่านิยมที่ดีงาม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา
๓.๕ ส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อการเรียนและ อำนวยความสะดวก เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้รวมทังสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วน หนึ่งของกระบวนการเรียนรู้
๓.๖ ผู้เรียนและผู้สอนเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อการเรียนการสอน และแหล่งวิทยาการ ประเภทต่างๆ
จะเห็นได้ว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือ กับบิดา มารดา ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชมทุกฝ่าย เพื่อร่วมกันพัฒนา ผู้เรียนตามศักยภาพ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ระบาดมาแล้วเมื่อปลายปีพ.ศ. 2563 แต่ในเดือนมกราคม กลับมาระบาดอีกครั้ง ซึ่งพบว่า การแพร่ ระบาดครั้งใหม่นี้มีความรุนแรง มีปริมาณการขยายตัวในวงกว้างและรวดเร็วมากกว่าครั้งที่ผ่านมา ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ให้เป็นไปตามมาตรการของ ศบค. จึงได้เน้นย้ำใน 3 เรื่อง คือ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาทุกแห่ง ต้องสื่อสารสร้างความเข้าใจ พร้อมดำเนินการตามมาตรการเพื่อให้นักเรียนหรือบุคลากรปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด-19 โดย ปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค. ทั้งในเรื่องการเว้นระยะห่าง การล้างมือ การใส่หน้ากากอนามัย การดูแลสุขอนามัย และการเปิด-ปิดสถานศึกษาในกรณีที่จำเป็น รวมถึงปฏิบัติตามประกาศของ กระทรวงศึกษาธิการ และปฏิบัติตามประกาศของจังหวัดแต่ละจังหวัด โดยคำนึงถึงความปลอดภัย ของนักเรียนและบุคลากรเป็น สำคัญพร้อมกันนั้น ให้ทุกโรงเรียนและทุกสำนักงานเขตพื้นที่ได้ ออกแบบในเรื่องการติดตาม ตรวจสอบ และรายงานผลสภาพจริงของแต่ละพื้นที่ โดยให้รายงานเป็น รายวัน หรือตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและทันต่อสถานการณ์ส่วนใน เรื่องการเผชิญเหตุหรือเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญเหตุ ในจังหวัดที่ถูกประกาศให้เป็นพื้นที่สีแดง สี ส้ม หรือสีเหลือง หากมีเหตุจำเป็นต้องปิดเรียน ทุกโรงเรียนในจังหวัดพื้นที่สีแดง ให้ดำเนินการจัดการ เรียนการสอน ใน 5 รูปแบบ ได้แก่
1. On Site คือ ให้มาเรียนตามปกติได้ในพื้นที่ที่ไม่ใช่สีแดง แต่ ต้องเว้นระยะหรือลดจำนวนนักเรียนต่อห้องลง สำหรับจังหวัดพื้นที่สีเขียว สามารถจัดการเรียนการ สอนในโรงเรียนได้ตามปกติ
2. On Air คือ การออกอากาศผ่าน DLTV เป็นตัวหลักในการกระจายการ สอน โดยใช้โรงเรียนวังไกลกังวล
เป็นฐานในการจัดการเรียนการสอน สามารถดูได้ทั้งรายการที่ออก ตามตาราง และรายการที่ดูย้อนหลัง
3. Online ให้ครูเป็นผู้จัดการเรียนการสอน ผ่านเครื่องมือที่ทาง โรงเรียนกระจายไปสู่นักเรียนเป็นรูปแบบที่
ถูกใช้ในการจัดการเรียนการสอนจำนวนมากที่สุด
4. On Demand เป็นการใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นต่างๆ ที่ครูกับนักเรียนใช้ร่วมกัน และ
5. On Hand หาก จัดในรูปแบบอื่นๆ ที่กล่าวมาไม่ได้ให้โรงเรียนจัดแบบ On Hand คือ จัดใบงานให้กับนักเรียน เป็น ลักษณะแบบเรียนสำเร็จรูป ให้นักเรียนรับไปเป็นชุดไปเรียนด้วยตัวเองที่บ้าน โดยมีครูออกไปเยี่ยม เป็นครั้งคราว หรือให้ผู้ปกครองทำหน้าที่เป็นครูคอยช่วยเหลือ เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนได้อย่าง ต่อเนื่อง ถึงแม้โรงเรียนจะปิดแต่ต้องไม่หยุดการเรียนรู้
การจัดการเรียนการสอนโดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด
๑. อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เรียนทุกคนสามารถเข้าถึงการเรียนการสอนได้
๒. ใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด เข่นการเรียนผ่าน DLTV
๓. ตัดสินใจนโยบายต่างๆ บนพื้นฐานของการสำรวจความพร้อมและความต้องการของ นักเรียน ครูและสถานศึกษา
๔. ปรับปฏิทินการศึกษาของไทย ให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนมากยิ่งขึ้น
๕. บุคลากรทางการศึกษาจะได้รับการดูแล และผลกระทบเชิงลบจากการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด
จากนโยบายดังกล่าวสถานศึกษา และครูจึงมีบทบาทสำคัญที่จะต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนในทุก ระดับได้มีโอกาสรับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง โดยนำรูปแบบการเรียนการสอน เครื่องมือ และสื่อต่างๆ ที่หลากหลาย และทันสมัยมาใช้เพื่อสามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้เรียน ได้เข้าใจ และมีความรู้ เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ในรูปแบบการเรียนรู้แบบออนไลน์ซึ่งเป็นนวัตกรรมการจัดการศึกษา ที่เปลี่ยนแปลง จากรูปแบบเดิมที่เรียนรู้จากห้องเรียนเพียงอย่างเดียว สู่การเรียนรู้บนพื้นฐานเทคโนโลยีซึ่งจะ ครอบคลุมวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายรูปแบบ โดยจัดกิจกรรมการเรียนการสอนออนไลน์ให้แก่ นักเรียน ผู้ปกครอง ด้วยระบบโทรศัพท์(กรุ๊ป LINE) ใบงาน หรือการส่งลิ้งค์(LINK) ส่งภาพใบงาน การวีดีโอคอล แบบเห็นหน้า การประชุมผ่านแอปพลิเคชั่น หลากหลายรูปแบบในการเอื้ออำนวย
ความสะดวกในการใช้งานในแต่ละสถานการณ์นั้นๆ ให้กับผู้ปกครองผู้เรียน ได้ศึกษาทำความเข้าใจร่วมกับผู้เรียน พร้อมทั้งชี้แนะ แนะนำกิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกับนักเรียนอีกด้วย และเพื่อความไม่ประมาท เพื่อให้ความสบายใจของผู้ปกครองของผู้เรียน แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะ เลวร้าย รุนแรงเพียงใด การเรียนรู้ที่เข้าถึงได้และมีคุณภาพเป็นเป้าหมายสูงสุด ภายใต้แนวคิด นโยบายของ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ความเชื่อมั่น ไว้วางใจ หรือ TRUST ให้กับสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กและผู้ปกครอง ว่าเราสามารถที่จะ เป็นหลัก หรือที่พึ่งให้กับพวกเขาได้ โรงเรียนหยุดได้แต่การเรียนรู้หยุดไม่ได้จากสิ่งที่เกิดขึ้น จึง จำเป็นต้องทำทุกวิธี เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพสูงสุด
ดังนั้น การบริหารจัดการการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID - 19) ประจำปีการศึกษา 2564 จึงต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์และรูปแบบที่เหมาะสมกับสถานการณ์ซึ่ง แต่ละโรงเรียน จะมีรูปแบบ/ลักษณะ ที่เหมือนหรือแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับบริบทของ โรงเรียนนั้นๆ ทั้งนี้ผู้บริหารโรงเรียนจอมทอง ได้เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องต่างๆ ดังกล่าว จึงได้คิดหาแนวทางการสร้างนวัตกรรมขึ้นสำหรับการบริหารจัดการการส่งเสริมการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID - 19) ขึ้นมา อันได้แก่ การบริหารจัดการภายใต้สถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID - 19) ที่ส่งเสริมการเรียนด้วยรูปแบบ SUCCESS administration Model for Chomthong School ประจำปีการศึกษา 2564 เพราะในปัจจุบันนักเรียนยังต้องอยู่ในวัยที่ต้องดูแล กำกับติดตามในการ จัดการเรียนการสอนอย่างใกล้ชิด และเป็นระดับที่ต้องมีการสอบระดับชาติ(O-NET) การเรียนรู้จึงต้องมี ความต่อเนื่องและเข้าถึงผู้เรียนอย่างเหมาะสม เพื่อการบริหารโรงเรียนที่มีคุณภาพ และเหมาะสมกับสถานการณ์ ทางฝ่ายผู้บริหารจึงได้เล็งเห็นความสำคัญนี้จึงได้จัดทำนวัตกรรมขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ดังนี้