ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
เดินหน้าออกแบบนโยบาย หลักประกันโอกาสทางการศึกษา

เดินหน้าออกแบบนโยบาย หลักประกันโอกาสทางการศึกษา กับ ปกรณ์ ศศิวัจน์ไพสิฐ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านสว้า จังหวัดน่าน ประธานชมรมนักจัดการศึกษาบนพื้นที่สูงและถิ่นทุรกันดาร

26 พฤศจิกายน 2564

ไม่ทอดทิ้งโรงเรียนขนาดเล็กในถิ่นทุรกันดาร

+ ส่งเสริมครูให้มีความก้าวหน้าในชีวิต

“ต่อให้เด็กมีข้าวกิน มีเสื้อผ้าใส่ ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย ถ้าไม่มีโรงเรียนที่ดีหรือครูที่ดีให้กับเขา”

-ใน 32 ปีของอายุราชการกับเวลา 25 ปีที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกล ผมมองว่าหลักประกันโอกาสที่จะช่วยให้เด็กไม่หลุดจากเส้นทางการศึกษา หรืออย่างน้อยก็เพิ่มเวลาให้เขาอยู่ในโรงเรียนได้นานขึ้น อย่างแรก เราต้องมีโรงเรียนคุณภาพที่กระจายอยู่เพียงพอในพื้นที่ที่การคมนาคมไม่สะดวก หมายถึงในเมืองที่ทางเลือกในการเดินทางหลากหลาย การยุบควบรวมโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนน้อยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการนั้นอาจทำได้ แต่บนดอยสูง ในป่าเขาหรือเกาะห่างไกล บางทีระยะทางแค่สองกิโลเมตรจากหย่อมบ้านที่ใกล้ที่สุดไปยังโรงเรียน เด็กๆ ต้องใช้เวลาเดินเท้าไปกลับบ้าน-โรงเรียนมากกว่าสองชั่วโมง ยังไม่นับอุปสรรคจากฝน ดินถล่ม หรือภัยจากสัตว์ร้าย ซึ่งทำให้การเดินทางล่าช้าลงไปอีก แค่นี้ก็ถือว่าเป็นปัจจัยต้นแล้วที่ดึงเด็กๆ ให้หลุดไปจากโรงเรียน หรือบางคนต้องเติบโตขึ้นมาโดยไม่มีโอกาสได้เข้าสู่ระบบการศึกษาด้วยซ้ำ

– ปัญหาอีกประการที่เราควรหันมาให้ความสนใจกันมากขึ้น คือเรื่องของ ‘ครู’ ทั้งจำนวนของครูต่อพื้นที่และคุณภาพชีวิตของเขา ทุกวันนี้โรงเรียนขนาดเล็กกำลังถูกบีบให้มีจำนวนครูต่อโรงเรียนลดลงเรื่อยๆ เราจึงเห็นข่าวที่ว่าครูคนหนึ่งในโรงเรียนห่างไกลเหล่านั้นเขาต้องทำหน้าที่มากกว่า 3-4 อย่าง หรือต้องเป็นให้ได้ทุกอย่าง ขยายภาพให้ชัดคือ อย่างโรงเรียนในพื้นที่สูง ด้วยการเดินทางที่ยากลำบาก จึงต้องมีการแก้ปัญหาด้วยการจัดตั้งห้องเรียนสาขาไว้ตามหย่อมบ้าน เป็นเหมือนกับโรงเรียนลูกข่ายเพื่อรองรับเด็กในพื้นที่ ที่เขาไม่สามารถเดินทางไปกลับทุกวัน หรือไม่อาจห่างครอบครัวมาพักนอนที่โรงเรียนได้จริงๆ อาจด้วยเหตุผลเรื่องความเป็นอยู่หรือการทำมาหากินของเขา

– ทีนี้ถ้าว่ากันตามกฎระเบียบขั้นตอน โรงเรียนหย่อมบ้านที่ตั้งขึ้น เราถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนแม่ ดังนั้นการบริหารจัดการบุคลากรครูของห้องเรียนหย่อมบ้านที่มีเด็กไม่ครบชั้น จำนวนไม่เกิน 10-20 คน หรือบางแห่งอาจมีถึงร้อยคนนี้ จะผูกติดกับอัตรากำลังที่ทุกโรงเรียนจะได้รับผ่านการคำนวณจากจำนวนนักเรียนและห้องเรียน เช่น เรามีนักเรียนชั้น ป.1 40 คน ในทางทฤษฎีจะนับว่าเป็นหนึ่งห้องตามโรงเรียนแม่ แต่พอเราจำเป็นต้องขยายเป็นห้องเรียนหย่อมบ้านสาขาที่สองหรือสาขาที่สาม เท่ากับในทางปฏิบัติเราจะมีนักเรียนชั้น ป.1 สามห้อง แต่ด้วยกฎระเบียบ เราจึงขอให้มีครูเพิ่มขึ้นไม่ได้

-ย้อนไปราว 17 ปีก่อน ครั้งที่ผมเป็น ผอ.โรงเรียนขนาดเล็ก มีเด็กประมาณ 60 คน แห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน และมีอีกสองโรงเรียนบนเส้นทางใกล้กันในรัศมี 5 กิโลเมตร เราเคยแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีการให้เด็ก ป.1-2 เรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ป.3-4 แห่งหนึ่ง และ ป.5-6 อีกแห่งหนึ่ง เพื่อถัวเฉลี่ยจำนวนครูต่อนักเรียนทั้งสามแห่งให้สัมพันธ์กัน ซึ่งต้องบอกว่าเป็นโชคดีเล็กๆ ที่ระยะทางของทั้งสามโรงเรียนทำให้สามารถปรึกษาหาทางออกร่วมกันได้ แต่เราต้องไม่ลืมว่ามีโรงเรียนในพื้นที่สูงหรือบนเกาะอีกไม่น้อยที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวห่างไกล จำเป็นต้องมีห้องเรียนสาขาแยกออกไป แล้วต้องเจอกับปัญหาเรื่องครูไม่พอและไม่อาจแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ผมกล่าวได้

ครูใหม่ไม่มีมา ครูคนเก่าทยอยจากไป

– ที่บ้านห้วยลัวะ โรงเรียนสาขาแห่งหนึ่งของเรา (โรงเรียนบ้านสว้า) มีครูประจำ 1 คน ต่อเด็กนักเรียน 15 คน ดูเผินๆ เหมือนว่าจะพอดีกัน แต่ลึกลงไปแล้ว การทำงานลำพังที่นั่นหมายถึงครูต้องทำได้ทุกอย่าง ตื่นตั้งแต่ตี่สี่ตีห้า ลุกขึ้นเตรียมอาหารให้เด็กมากินที่โรงเรียน ดูเรื่องไฟฟ้า น้ำสะอาด ระบบสาธารณูปโภค ดูแลห้องเรียนให้พร้อมกับการเรียนทุกวัน อะไรเสียหายใช้ไม่ได้ก็ต้องจัดการด้วยตัวเอง หรือไปตามชาวบ้านมาช่วย นี่เรายังไม่พูดถึงการเตรียมเนื้อหาการสอน ตรวจการบ้าน หรือติดตามเอาใจใส่เรื่องราวรอบด้านของลูกศิษย์ ไม่ว่าจะสุขภาพ ครอบครัว อารมณ์ สังคม จิตใจ คือครูหนึ่งคนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างแล้วให้นักเรียน ให้ระบบการศึกษา ถ้าเราไม่ให้ความสำคัญ ไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเขา ครูที่พร้อมทำอย่างนี้หรือทำได้แบบนี้นับวันก็จะยิ่งค่อยๆ ลดน้อยลงทุกที

– หรืออีกโรงเรียนสาขาที่ขุนน้ำจอน เราเพิ่งถูกตัดอัตรากำลังครูออกไป ซึ่งว่าตรงๆ คือ ผมในฐานะที่ต้องบริหารจัดการก็ไม่สามารถหาทางออกได้แล้ว เราเปิดห้องเรียนสาขานี้มา 11 ปี ทิ้งไม่ได้แล้ว สุดท้ายกลายเป็นว่ามีครู กศน.ท่านหนึ่งที่เขาอาสาเข้ามาช่วย ทำให้เราผ่านปัญหาได้อีกครั้ง แต่ในขณะที่ครูเขามีงานรับผิดชอบของตัวเองอยู่แล้ว ทั้งต้องแบ่งเวลาแบ่งกำลังมาช่วยเราอีก คำถามคือเราจะยื้อปัญหาไปได้นานสักเท่าไหร มันย้อนกลับมาที่ว่า ยังไงเราก็ต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุดที่ต้นตอให้ได้ เพื่อให้ครูทุกคนได้เอาเวลาไปทุ่มกับสิ่งที่สำคัญที่สุดจริงๆ คือการอำนวยความรู้ให้กับเด็กๆ

-ผมคิดว่าอย่างน้อยที่สุดควรเพิ่มอัตรากำลังให้แต่ละโรงเรียนมีครูขั้นต่ำสัก 4 คน หรือมีจำนวนครูผู้ช่วยให้มากขึ้น เพราะสิ่งที่ผมหยิบยกมาเล่าจากประสบการณ์ตรง มันทำให้เห็นแล้วว่าเมื่อปริมาณบุคลากรไม่สอดคล้องกับสภาพการศึกษา ภาระของครูในพื้นที่โดดเดี่ยวห่างไกลจึงทั้งหน่วงหนักและบั่นทอนกำลังใจ ไม่อาจดึงดูดจูงใจให้มีใครอยากจะไปอยู่ แต่นั่นยังไม่สะเทือนความรู้สึกผมเท่ากับความทดท้อที่เกิดขึ้นจากการทำงานของครูตัวเล็กๆ หลายต่อหลายคน ซึ่งยังพยายามทำงานของตนให้ดีทุกๆ วัน โดยใช้ ‘หัวใจ’ เป็นที่ตั้ง วันเดือนปีผ่าน ผมได้เห็นครูมากมายที่มาด้วยความมุ่งมั่นต้องทยอยจากไปคนแล้วคนเล่า เพราะภาระงานที่กดทับและชีวิตการทำงานที่ไม่ได้ก้าวไปไหนเลย ขณะที่คนยังอยู่เองก็พูดได้ว่า สิ่งเดียวที่ยังคงรั้งพวกเขาเอาไว้ คือสายตาของเด็กๆ ที่มองไปที่เขาด้วยความรักและความหวัง นั่นคือสิ่งที่จรรโลงหัวใจของเขา แต่กับผู้ปกครองในพื้นที่ที่แม้เราจะพยายามเข้าไปสร้างห้องเรียนไว้ใกล้ๆ สักเท่าไรก็ตาม การที่มีครูไม่พอ มันก็ยิ่งทำให้เขาหมดความเชื่อมั่นกับคุณภาพของสถานศึกษา แล้วพอไม่เห็นประโยชน์ ก็กลายเป็นวงจรซ้ำๆ ที่เราต้องเห็นเด็กหลุดออกไปจากโรงเรียนทุกเทอม

-โรงเรียนที่มีมาตรฐานในจำนวนที่เพียงพอ กับครูคุณภาพในปริมาณที่พอเพียง จึงไม่ใช่แค่หลักประกันที่จะประคองเด็กๆ ไว้ในระบบ แต่คือสิ่งที่ช่วยยืนยันว่า 8 ชั่วโมงต่อวันที่เด็กอยู่ในโรงเรียน จะเป็นเวลาที่มีคุณค่า ไม่ใช่แค่เอาเด็กมาเก็บไว้ในห้องเรียน โดยไม่สามารถจัดการศึกษาที่ดี หรือช่วยให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้นได้ในอนาคต

ถ้าคุณภาพชีวิตของครูดี คุณจะมีโรงเรียนที่ดีตามมา

-เบื้องต้นผมมองว่าเราต้องเร่งเพิ่มจำนวนครูให้สัมพันธ์กับสถานศึกษา ซึ่งอาจเป็นครูอัตราจ้างไปก่อนในช่วงแรก จากนั้นต้องมีเป้าหมายเป็นลำดับขั้นให้เขาสามารถมองเห็นเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ และสามารถมีชีวิตที่ดีได้ ไม่ว่าจะทำงานอยู่ตรงไหนก็ตามในประเทศนี้

-ชีวิตของครูตำแหน่งอัตราจ้างคนหนึ่ง มีวุฒิปริญญาตรี มีใบประกอบวิชาชีพ เขาเริ่มทำงานจากเงินเดือนไม่ถึงหมื่นบาท หลายคนเลือกที่จะทำเพราะเชื่อว่างานของเขาคือการสร้างอนาคตของเด็กๆ แต่กับอนาคตของตัวเขาเองล่ะ มีหนทางใดบ้าง อย่างแรก ถ้าสอบบรรจุเป็นพนักงานราชการได้ เงินเดือนจะขยับไปที่ราวหมื่นห้า แน่นอนว่ามันทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงเขาจะอดเปรียบเทียบไม่ได้เลยว่า สวัสดิการหรือสวัสดิภาพที่ได้รับจากการเป็น ‘พนักงานราชการ’ กับ ‘ข้าราชการครู’ นั้นช่างแตกต่าง ไหนจะมีเรื่องความก้าวหน้ามั่นคงของค่าวิทยฐานะต่างๆ มาพ่วงอีก

-ฉะนั้นในภาพใหญ่ที่ว่าด้วยเรื่อง ‘ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา’ นอกจากจะหมายถึงคุณภาพของโรงเรียนในเมืองกับชนบทที่มีคุณภาพต่างกันแล้ว ยังมีเรื่องของคุณภาพชีวิตบุคลากรทางการศึกษาที่มีช่องว่างขนาดใหญ่อยู่มาก แล้วในอนาคตก็จะยิ่งถ่างกว้างออกไปอีก ด้วยวงรอบของครูคนหนึ่ง ที่เขาบรรจุครั้งแรกในถิ่นทุรกันดาร พอพัฒนาความสามารถถึงระดับหนึ่ง ก็ไม่ลังเลที่จะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง ผลคือครูเก่งๆ ก็ไปกระจุกกันไม่กี่ที่ ซึ่งตรงนี้เราต้องไม่ลืมว่านั่นคือสิทธิ์ของเขาที่จะทำได้ ในการพาตัวเองไปหาความก้าวหน้าในชีวิต

-ด้วยวงรอบอย่างนี้ก็ไม่แปลกที่ครูชนบทส่วนใหญ่จะไม่เก่งเท่าครูในเมือง แต่ที่ผมพูดเรื่องนี้เพราะสิ่งที่เราควรทำมาตั้งนานแล้วคือ ปรับเปลี่ยนสิ่งที่เป็นอยู่ ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ครูรุ่นใหม่ได้มีแรงจูงใจ ว่าการทำงานในพื้นที่ห่างไกลก็มีหนทางก้าวหน้า แล้วพอช่ำชองเชี่ยวชาญก็ไม่จำเป็นต้องย้ายไปไหน คุณลองนึกดูว่า ถ้าเรามีครูที่คลุกคลีกับพื้นที่หนึ่งเป็นเวลามากกว่าสิบยี่สิบปี เขาจะเข้าใจพื้นที่ ข้อจำกัด ปัญหาอุปสรรค และสามารถออกแบบการพัฒนาการเรียนการสอนไปได้ไกล ยิ่งกว่าแค่การศึกษาในโรงเรียน แต่มันคือการนำความรู้ประสบการณ์มาพัฒนาได้ในระดับท้องถิ่น

-เหมือนคนที่ทำอาหารเมนูซ้ำมา 20 ปี เชื่อเถอะว่ารสชาติของจานแรกที่ทำ กับจานที่เขาทำในปีที่ยี่สิบจะแตกต่างจนคุณแทบจำไม่ได้ ข้อแม้คือเราจะช่วยเขาอย่างไรให้ประคองตัวไว้ได้ จนสามารถบรรลุกับเมนูเดิมเมนูเดียวได้นานขนาดนั้น ถ้าคุณทำให้ครูมีคุณภาพชีวิตที่ดี ใฝ่ฝันถึงอนาคตที่ดีได้ ประเทศของเราจะมีอาวุธที่พร้อมฟาดฟันกับปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้อย่างไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป

โพสต์โดย รวีวรรณ : [22 ก.ค. 2565 เวลา 11:42 น.]
อ่าน [3356] ไอพี : 159.192.104.154
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 1,352 ครั้ง
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายและจิตใจเราเปลี่ยนแปลงอย่างไร
เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายและจิตใจเราเปลี่ยนแปลงอย่างไร

เปิดอ่าน 13,693 ครั้ง
ทั้งซาบซึ้ง-สะเทือนใจ หนูน้อย 7 ขวบสละชีวิต บริจาค"ไต"เพื่อช่วยชีวิตแม่
ทั้งซาบซึ้ง-สะเทือนใจ หนูน้อย 7 ขวบสละชีวิต บริจาค"ไต"เพื่อช่วยชีวิตแม่

เปิดอ่าน 33,347 ครั้ง
ดร.อาจอง เผยหิมะตก ในประเทศไทย ม.ค. ปีหน้า
ดร.อาจอง เผยหิมะตก ในประเทศไทย ม.ค. ปีหน้า

เปิดอ่าน 16,605 ครั้ง
ดื่มน้ำ 8 แก้วไม่เพียงพอแล้ว
ดื่มน้ำ 8 แก้วไม่เพียงพอแล้ว

เปิดอ่าน 19,429 ครั้ง
10 เรื่องมหัศจรรย์เกี่ยวกับไข่ ที่คุณสามารถทำเอง เอาไว้สอนเด็กได้
10 เรื่องมหัศจรรย์เกี่ยวกับไข่ ที่คุณสามารถทำเอง เอาไว้สอนเด็กได้

เปิดอ่าน 13,990 ครั้ง
สูด "ควันบุหรี่มือสอง" แค่ 30 นาทีมีสิทธิเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
สูด "ควันบุหรี่มือสอง" แค่ 30 นาทีมีสิทธิเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ

เปิดอ่าน 25,347 ครั้ง
ดวงการเงิน 2558 ดูดวงการเงินปี 2558
ดวงการเงิน 2558 ดูดวงการเงินปี 2558

เปิดอ่าน 19,148 ครั้ง
แผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา โดย คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา พฤษภาคม 2562
แผนการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษา โดย คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา พฤษภาคม 2562

เปิดอ่าน 17,283 ครั้ง
ฮอร์โมนเพศชายDHT-ต้นตอศีรษะล้าน
ฮอร์โมนเพศชายDHT-ต้นตอศีรษะล้าน

เปิดอ่าน 10,900 ครั้ง
คำเรียกชื่อฤดูต่าง ๆ
คำเรียกชื่อฤดูต่าง ๆ

เปิดอ่าน 50,166 ครั้ง
8 วิธีลดความเครียดให้แก่เด็ก
8 วิธีลดความเครียดให้แก่เด็ก

เปิดอ่าน 9,703 ครั้ง
แค่เครียด ก็ป่วยแล้ว
แค่เครียด ก็ป่วยแล้ว

เปิดอ่าน 11,333 ครั้ง
กินแคลเซียมป้องกันโรคกระดูกผุ กลับไปเสี่ยงให้เกิดหัวใจวายขึ้น
กินแคลเซียมป้องกันโรคกระดูกผุ กลับไปเสี่ยงให้เกิดหัวใจวายขึ้น

เปิดอ่าน 10,324 ครั้ง
ของใช้สำคัญที่ควรจัดไว้ในทุกทริปการเดินทาง
ของใช้สำคัญที่ควรจัดไว้ในทุกทริปการเดินทาง

เปิดอ่าน 4,438 ครั้ง
คู่มือสำหรับเกษตรกร การผลิตพืชสกุลกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และอุตสาหกรรม
คู่มือสำหรับเกษตรกร การผลิตพืชสกุลกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และอุตสาหกรรม

เปิดอ่าน 20,806 ครั้ง
ประวัติกระดาษห่อลูกอมฮาร์ตบีท
ประวัติกระดาษห่อลูกอมฮาร์ตบีท
เปิดอ่าน 13,710 ครั้ง
คลิปสุดฮา ฝรั่งเผยโดนคนไทยด่าครั้งแรก
คลิปสุดฮา ฝรั่งเผยโดนคนไทยด่าครั้งแรก
เปิดอ่าน 5,948 ครั้ง
รายชื่อ 31 จังหวัด เตรียมนำร่องถอดหน้ากากอนามัย ที่ไหนบ้างเช็กเลย !
รายชื่อ 31 จังหวัด เตรียมนำร่องถอดหน้ากากอนามัย ที่ไหนบ้างเช็กเลย !
เปิดอ่าน 9,494 ครั้ง
มติ ครม. เห็นชอบลงทะเบียนซิมเติมเงิน-ฟรี Wi-Fi เป็นวาระแห่งชาติ
มติ ครม. เห็นชอบลงทะเบียนซิมเติมเงิน-ฟรี Wi-Fi เป็นวาระแห่งชาติ
เปิดอ่าน 12,608 ครั้ง
ดูให้ชัด รัฐธรรมนูญ ม.286 ให้มีการปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาคนแน่ หรือ?
ดูให้ชัด รัฐธรรมนูญ ม.286 ให้มีการปฏิรูปการศึกษาเพื่อพัฒนาคนแน่ หรือ?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ