1. ความเป็นมาและความสำคัญของการพัฒนานวัตกรรม
มนุษย์เรารู้จักนำไม้ดอกไม้ประดับ มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน มาตั้งแต่สมัยบรรพกาลแล้ว จนกลายเป็นขนบธรรมเนียม ประเพณีและเป็นวัฒนธรรมประจำชาติจวบเท่าทุกวันนี้ ประเพณีการเกิด ทำขวัญ โกนผมไฟ ทำบุญบ้าน บวชพระ เยี่ยมคนไข้ คนรัก ขึ้นปีใหม่ เปิดร้านค้า แม้กระทั่งงานศพ ฯลฯ มักจะมีไม้ดอกไม้ประดับ เข้ามาเกี่ยวข้องอยู่เสมอ สมัยก่อนหรือถึงแม้ในปัจจุบันตามชนบทรู้จักนำดอกไม้ต่าง ๆ มาใช้ประกอบ อาหาร เช่น แกงดอกแค แกงดอก และใบขี้เหล็ก กล่าวว่ารับประทานแก้ไข้หัวลม ยำเกสรดอกชมพู่ ดอกโสนจิ้มน้ำพริก และทำขนมดอกโสน ฯลฯ ยิ่งไปกว่านั้น บรรพบุรุษของเรายังรู้จักนำเอาดอกไม้หลายชนิดมาตากแห้งแล้วผสมกับ สมุนไพรอื่น ๆ บดเป็นผงใช้เป็นยารักษาโรค อาทิ ดอกพิกุล ดอกมะลิใช้เป็นตัวยาแก่ตัวร้อน ชื่อ ยาหอมพิกุลนอกจากอาหาร ยารักษาโรค และสิ่งที่จำเป็นอื่น ๆ ในชีวิตแล้ว มนุษย์ยังต้องการความสุขความเพลิดเพลินเจริญใจ ความงดงามตามธรรมชาติของพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิดอีกด้วย ความสวยงามตามธรรมชาติของไม้ดอกไม้ประดับนั้น หากนำมาใช้ประดับตกแต่ง จัดให้ถูกวิธี มีศิลปะ ก็จะยิ่งเพิ่มความสวยงามมากขึ้น ให้ความสุขความเพลิดเพลิน เจริญตาเจริญใจแก่เจ้าของ และผู้ที่ได้พบเห็นทั่ว ๆ ไป
ในปัจจุบันได้มีการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการงานอาชีพ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับงานบ้าน งานประดิษฐ์ งานช่าง และงานเกษตร ซึ่งงานเกษตรมีเนื้อหาต่างๆ เช่น ไม้ดอกไม้ประดับ การเลี้ยงสัตว์ ฯลฯ โดยไม้ดอกไม้ประดับเป็นเรื่องหนึ่งในเนื้อหาที่มีความสำคัญ เนื่องจากไม้ดอกไม้ประดับ เป็นไม้ที่นิยมนำมาใช้ในการประดับตกแต่งสวน หรืออาคารสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในพื้นดิน และในกระถางให้ดูสวยงามมากขึ้น การปลูกไม้ดอกไม้ประดับจึงเป็นที่สนใจในบุคคลทั่วไป เพราะจะทำให้เกิดอาชีพหนึ่งที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่า อาจจะเป็นอาชีพลักหรืออาชีพเสริมก็ได้ โดยไม้ดอก หมายถึง พืชที่ปลูกขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากดอก เช่น ลั่นทม ยี่โถ เข็ม ชวนชม บานชื่น เป็นต้น ส่วนไม้ประดับ หมายถึง พืชที่ปลูกขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากรูปร่าง รูปทรง สีสันของลำต้น และใบ เช่น ปาล์มต่าง ๆ ข่อย สนชนิดต่าง ๆ ฤาษีผสม สาวน้อยประแป้ง ว่านกาบหอย เป็นต้น
จากการสำรวจพบว่า นักเรียนไม่รู้จักชื่อของไม้ดอกไม้ประดับเท่าที่ควร เรียกชื่อ ไม้ดอกไม้ประดับผิด ดังนั้น การทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจ เรื่องไม้ดอกไม้ประดับ ของนักเรียน สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการแก้ไข ปรับปรุงพัฒนาการเรียนการสอน เกี่ยวกับงานเกษตรจากเรื่องดังกล่าว และประยุกต์ให้สอดคล้องกับการนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันของนักเรียนได้
จากความสำคัญดังกล่าว จึงได้มีการศึกษาความรู้ความเข้าใจโดยการใช้สื่อ BINGO เรื่องไม้ดอกไม้ประดับ โดยมีเทคนิค วิธีการสอนผ่านการเล่นเกม ซึ่งเป็นวิธีการที่จะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน และท้าทายความสามารถ โดยผู้เรียนเป็นผู้เล่นเอง ทำให้ได้รับประสบการณ์ตรง เป็นวิธีการที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมสูง โดยการใช้สื่อการเรียนการสอน จะช่วยให้ผู้เรียนรับรู้ เข้าใจ และสนใจบทเรียนมากขึ้น ส่งผลให้ผู้เรียนกระตือรือร้นในเรื่องที่เรียน และมีส่วนร่วมในการเรียนมากขึ้น โดยการศึกษาครั้งนี้ ศึกษาในกลุ่มนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตลาดขี้เหล็ก อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการงานอาชีพ
2. วัตถุประสงค์ของการพัฒนานวัตกรรม
1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการใช้สื่อ BINGO เรื่องไม้ดอกไม้ประดับ กลุ่มสาระการงานอาชีพ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
2. เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียน โดยใช้สื่อ BINGO เรื่องไม้ดอกไม้ประดับ กลุ่มสาระการงานอาชีพ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
3. ขอบเขตการศึกษา
ในการศึกษาครั้งนี้ผู้ศึกษาได้กำหนดขอบเขตในการศึกษาไว้ ดังนี้
3.1 ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตลาดขี้เหล็ก อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 9 คน
3.2 แบบทดสอบก่อนและหลังเรียน
แบบทดสอบก่อนและหลังเรียนที่ใช้ในการศึกษา เป็นแบบทดสอบเพื่อศึกษาความรู้ความเข้าใจในเรื่องไม้ดอกไม้ประดับของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
โรงเรียนบ้านตลาดขี้เหล็ก อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ จำนวน 9 ชุด
3.3 ระยะเวลาในการศึกษา
ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 17 เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2565 ถึงวันที่ 30 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 รวมเวลาที่ใช้ในการศึกษา 1 เดือน 14 วัน
3.4 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
สื่อการสอน BINGO เรื่องไม้ดอกไม้ประดับ
สรุปผลการใช้นวัตกรรม การอภิปราย และข้อเสนอแนะ
การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความรู้ความเข้าใจ โดยการใช้สื่อปิงโก เรื่องไม้ดอกไม้ประดับ รวมไปถึงการนำผลที่ได้มาพัฒนาปรับปรุงรูปแบบการจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับผู้เรียน โดยกลุ่มประชากรที่ใช้คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านตลาดขี้เหล็ก อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 9 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นแบบทดสอบปรนัยวัดความรู้ เรื่องไม้ดอกไม้ประดับ จำนวน 20 ข้อ คะแนนเต็ม 20 คะแนน ดำเนินการวิจัยโดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบปรนัยวัดความรู้ เรื่องไม้ดอกไม้ประดับ ก่อนเรียน 1 ครั้ง และทำการตรวจให้คะแนน จากนั้นทำการจัดการเรียนการสอนในเนื้อหา เรื่องไม้ดอกไม้ประดับ พร้อมกับทำแบบทดสอบปรนัยวัดความรู้อีกครั้ง ด้วยข้อสอบชุดเดิมแต่สลับข้อ นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์โดยการใช้โปรม โปรแกรม SPSS ได้ข้อสรุปดังนี้
1. สรุปผลการใช้นวัตกรรม
ข้อมูลทั่วไปของนักเรียนที่ทำแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน เรื่องไม้ดอกไม้ประดับ จำนวนทั้งหมด 9 คน ค่าเฉลี่ย และค่า ttest ของคะแนนสอบนักเรียนที่ทำแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน พบว่า จากคะแนนเต็ม 20 คะแนน ค่าเฉลี่ยของคะแนนที่ทดสอบก่อนเรียนได้ 8.11 ค่าเฉลี่ยของคะแนนที่ทดสอบหลังเรียนได้ 15.33 และค่า t-test ที่ได้เท่ากับ 10.909 พบว่า ผลการทดสอบทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 การทดสอบความรู้ความเข้าใจโดยการใช้สื่อการสอน เรื่องไม้ดอกไม้ประดับหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 ซึ่งเมื่อพิจารณาผลที่ได้พบ แสดงให้เห็นว่าการจัดการเรียนการสอนโดยการใช้สื่อปิงโก ส่งผลต่อคะแนนสอบหลังเรียนของนักเรียนอย่างชัดเจน
2. อภิปรายผล
ผลการศึกษาในครั้งนี้ ทำให้ทราบถึงความสำคัญของการจัดการเรียนการสอนเพราะคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนของนักเรียนที่เรียนค่อนข้างต่ำ เมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยหลังจากที่นักเรียนได้รับการเรียนรู้ในเรื่องของไม้ดอกไม้ประดับไปแล้ว ดังนั้นควรมีการนำวิธีการจัดการเรียนรู้รูปแบบนี้ไปใช้ในการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่องต่อไป
3. ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา ต่อยอด นวัตกรรม
1) ควรมีการจัดกระบวนการเรียนการสอนในรายวิชานั้น ๆ และทำการทดสอบหลาย ๆ ครั้ง จึงจะทำให้เห็นผลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
2) ควรมีการต่อยอดในอนาคต คือเพิ่มรูปภาพของไม้ดอกไม้ประดับมากขึ้น เพื่อผู้เรียนจะได้รับความรู้ใหม่ๆ