ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
วิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ "BAR MODEL กับการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์"

คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ต้องมีการจัดการเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษาตามที่หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กำหนดไว้ และได้กล่าวไว้ว่า คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาความคิดมนุษย์ทำให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบ ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหาและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากนี้คณิตศาสตร์ยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและด้านอื่น ๆ คณิตศาสตร์จึงมีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข (กระทรวงศึกษาธิการ 2552) ซึ่งในการจัดการศึกษาซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมในการสร้างคนให้มีศักยภาพเพียงพอที่จะดำรงชีวิตได้อย่างดีและมีความสุข ซึ่งประเทศไทยเองได้มีการพัฒนาการจัดการศึกษาให้สอดคล้องเห็นได้จากการปฏิรูปการศึกษาในปี 2542 ที่เน้นให้ความสำคัญในการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญและพัฒนาการคิดและทักษะด้านต่าง ๆ ให้กับผู้เรียนอย่างเต็มศักยภาพ (กระทรวงศึกษาธิการ 2548) จึงได้กำหนดให้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรที่มุ่งเน้นผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน

การเรียนรู้และเกิดสมรรถนะสำคัญสำคัญ 5 ประการ คือ 1) ความสามารถในการสื่อสาร

2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา 4) ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต และ 5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี ซึ่งได้กำหนดความสามารถด้านการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม (กระทรวงศึกษาธิการ 2552:ความนำ) ซึ่งในการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ มีส่วนสำคัญอย่างมากที่จะช่วยในการพัฒนาทักษะการคิด และศักยภาพของผู้เรียนให้สูงขึ้น เนื่องด้วยวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ฝึกขบวนการคิดและศักยภาพของผู้เรียนให้สูงขึ้น เนื่องด้วยวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ฝึกกระบวนการคิด ฝึกการแก้ปัญหา และส่งเสริมความมีเหตุผล มีความคิดริเริ่ม ความคิดสร้างสรรค์ มีระบบระเบียบในการคิด และช่วยพัฒนาศักยภาพของแต่ละบุคคลให้เป็นคนที่สมบูรณ์ เห็นได้จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ 2542แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 ที่สะท้อนถึงความสำคัญของวิชาคณิตศาสตร์ที่เน้นให้ผู้เรียนมีความรู้และทักษะคณิตศาสตร์ และในการพัฒนาทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์นั้นจำเป็นต้องเน้นทักษะกระบวนการแก้ปัญหาเป็นหลัก ซึ่งระหว่างการแก้ปัญหา ผู้เรียนต้องมีการให้เหตุผล การสื่อสาร สื่อความหมาย การนำเสนอรู้จักเชื่อมโยงคณิตศาสตร์กับศาสตร์อื่น ๆ และเกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ควบคู่กันด้วย (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2550:339)การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์เป็นหัวใจสำคัญในการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ และการฝึกความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์นั้นไม่ได้ใช้สำหรับการเรียนคณิตศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่จะเน้นฝึกกระบวนการคิดเพื่อให้นักเรียนคิดและแก้ปัญหาเป็น (สมทรง สุวพานิช 2549:4)

จากการประเมินคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน (NT) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอนุบาลหนองหงส์ อำเภอหนองหงส์ จังหวัดบุรีรัมย์ ปีการศึกษา 2562 ระดับคะแนนเฉลี่ยในความสามารถด้านคณิตศาสตร์ คิดเป็นคะแนนเฉลี่ยร้อยละ 41.93 เมื่อแยกตามระดับคุณภาพ พบว่า อยู่ในระดับดีมากร้อยละ 8.19 ดี ร้อยละ 19.67 พอใช้ ร้อยละ 54.09 และปรับปรุง ร้อยละ 18.03 ซึ่งเนื้อหาที่เป็นปัญหาส่วนมากคือการแก้โจทย์ปัญหาจากการสังเกตและตรวจแบบฝึกหัด รวมทั้งการทำแบบทดสอบ พบว่านักเรียนยังเกิดความสับสนในกระบวนการคิดแก้โจทย์ปัญหานักเรียนวิเคราะห์โจทย์ปัญหาไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ได้ อีกทั้งยังขาดกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผลและคิดอย่างเป็นระบบ และอีกสาเหตุหนึ่งคือ สภาพปัญหาคุณภาพการสอนของครูผู้สอน คือผู้สอนขาดเทคนิคการสอน เทคนิคการสอนไม่เอื้ออำนวยให้เกิดความคิดอย่างมีเหตุผลและมีระบบตาม กระบวนการทางคณิตศาสตร์ ขาดการฝึกทักษะให้กับผู้เรียน (โรงเรียนอนุบาลหนองหงส์ สพป.บุรีรัมย์ เขต 3 2562) การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ มีเป้าหมายสำคัญ คือให้ผู้เรียนรู้จักคิด และทักษะการแก้ปัญหาเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวันได้ (Howard Dumas. 1963 อ้างถึงใน กรมวิชาการ 2541) การคิดแก้โจทย์ปัญหาเลขคณิตว่า ที่ผ่านมาวิธีการสอนวิชาคณิตศาสตร์ของครูไทยไม่ได้สร้างให้เด็กเกิดความคิดในการแก้ปัญหา เวลาครูสอนก็บอกให้เด็กทำอย่างเดียว มักไม่สนใจว่ากระบวนการคิดของเด็กจะเป็นอย่างไร สนใจเพียงผลลัพธ์ถูกหรือไม่ หรือคำตอบทำให้เด็กไม่ต้องคิดอะไรมาก นับนิ้วมาตอบขอให้คำตอบถูก แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เด็กคิดแก้ปัญหา ดังนั้น วิธีที่ครูคณิตศาสตร์จะสอนให้เด็กเผชิญกับปัญหาและคิดวิเคราะห์แก้ปัญหา ครูต้องปรับวิธีสอนใหม่โดยต้องนำเสนอปัญหาปลายเปิดกับเด็ก ด้วยการตั้งโจทย์สร้างสถานการณ์ขึ้นมาให้เด็กแก้ปัญหาให้เวลาเด็กได้คิดวิเคราะห์เอง โดยครูไม่ต้องไปบอกอะไรเด็กซึ่งเป็นวิธีสอนที่ทำให้

เด็กคิด (ไมตรี อินประสิทธิ์ 2555)

การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เป็นกระบวนการที่ประยุกต์ความรู้ทางคณิตศาสตร์ ขั้นตอน/ กระบวนการแก้ปัญหา ยุทธวิธีแก้ปัญหาและประสบการณ์ที่มีอยู่ไปใช้ในการค้นหาคำตอบของปัญหาทางคณิตศาสตร์ ซึ่งกระบวนการแก้ปัญหาตามแนวคิดของโพลยา เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ยอมรับและนำมาใช้อย่างแพร่หลาย โดยมีขั้นตอนสำคัญ 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นทำความเข้าใจปัญหา

ขั้นที่ 2 ขั้นวางแผนแก้ปัญหา ขั้นที่ 3 ขั้นดำเนินการตามแผน ขั้นที่ 4 ขั้นตรวจสอบผล (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2550)และการแก้ปัญหาโดยกระบวนการแก้ปัญหาของโพลยา 4 ขั้นตอน ได้กล่าวถึงการแก้โจทย์ปัญหาจะต้องทำความเข้าใจสัญลักษณ์ต่าง ๆ แยกปัญหาออกเป็นส่วนย่อย รู้จักการคำนวณตามแผนการที่วางไว้และรู้จักตรวจสอบวิธีการหาคำตอบ ส่งผลให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ การคิดวิเคราะห์และทักษะพื้นฐานต่าง ๆ มาประยุกต์ใช้ รวมถึงการคิดหาแนวทางปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาทั้งหมดได้ตามจุดมุ่งหมายที่ต้องการ (Polya. 1957: 16 อ้างถึงใน ดวงพร ตั้งอุดมชัย 2551) นอกจากนี้กระบวนการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์โดยใช้บาร์โมเดลเป็นยุทธวิธีการแก้โจทย์ปัญหาอย่างหนึ่งซึ่งทำให้นักเรียนคิดวิเคราะห์ข้อความจากโจทย์ปัญหานำมาเชื่อมโยงให้เกิดความคิดรวบยอดและสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองทำให้นักเรียนสามารถแก้โจทย์ปัญหาได้อย่างง่ายและถูกต้อง (กรองทอง ไคริรี 2544:1–2) สำหรับรูปบาร์โมเดล (Bar Model) คือ การแปรโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ให้แสดงออกมาในรูปแบบแผนภาพ ซึ่งจะช่วยให้เด็กสามารถมองเห็นความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนที่ทราบกับจำนวนที่ต้องการหาที่อยู่ในโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์นั้นได้ง่ายขึ้น บาร์โมเดลเป็นเครื่องมือการเรียนรู้คณิตศาสตร์เบื้องต้นที่ดีมากสำหรับเด็กเล็กในช่วงเริ่มต้นการเรียนโจทย์ปัญหาที่เกี่ยวกับการบวกและการลบ และสามารถขยายผลต่อไปได้ในโจทย์ปัญหาที่เกี่ยวกับการคูณ การหารเศษส่วน อัตราส่วน และร้อยละ เป็นต้น วัตถุประสงค์ของการเรียนการสอนแบบบาร์โมเดล นั้นไม่ได้มุ่งเน้นการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์เป็นหลัก แต่เป็นการช่วยฝึกให้เด็กสามารถที่จะเข้าใจในโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น มีความสนุกในการแปรโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนด้วยกระบวนการความคิดที่เป็นลำดับขั้นตอน รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ใช้อธิบายสถานการณ์หรือแสดงความสัมพันธ์ของข้อมูลต่าง ๆ ในโจทย์หรือโจทย์คณิตศาสตร์ที่กำหนดให้เพื่อนำไปสู่การหาคำตอบของโจทย์หรือโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์นั้น ๆ (สมพร สีตาล 2559)

จากที่กล่าวมาข้างต้น ผู้สอนจึงสนใจที่จะพัฒนาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ของนักเรียน โดยใช้กระบวนการแก้ปัญหาโดยใช้บาร์โมเดล (BAR MODEL)

เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนมีความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สามรถพัฒนาผู้เรียนให้เป็นไปตามเป้าหมายของการจัดการศึกษาในปัจจุบัน

โพสต์โดย khimm : [14 ก.ค. 2565 เวลา 10:32 น.]
อ่าน [2871] ไอพี : 124.122.16.191
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 10,789 ครั้ง
วิธีตรวจเช็คระบบไฟฟ้า-อาคาร หลังน้ำลด
วิธีตรวจเช็คระบบไฟฟ้า-อาคาร หลังน้ำลด

เปิดอ่าน 12,206 ครั้ง
เห็ดหลินจือแดง
เห็ดหลินจือแดง

เปิดอ่าน 16,063 ครั้ง
ลายมือนักธุรกิจเงินล้าน
ลายมือนักธุรกิจเงินล้าน

เปิดอ่าน 763 ครั้ง
การทำ SEO ทำยังไงให้ติดหน้าแรก Google กลยุทธ์ทางการตลาดที่หลายธุรกิจเลือกใช้
การทำ SEO ทำยังไงให้ติดหน้าแรก Google กลยุทธ์ทางการตลาดที่หลายธุรกิจเลือกใช้

เปิดอ่าน 30,742 ครั้ง
ดอกดาหลา
ดอกดาหลา

เปิดอ่าน 16,616 ครั้ง
หมอชี้ "มะเร็งตับอ่อน" ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ก็เป็นได้ แนะ 5 ทำ 5 ไม่
หมอชี้ "มะเร็งตับอ่อน" ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ก็เป็นได้ แนะ 5 ทำ 5 ไม่

เปิดอ่าน 16,375 ครั้ง
กรุงศรีอยุธยา
กรุงศรีอยุธยา

เปิดอ่าน 14,977 ครั้ง
ปรุง...ต้านมะเร็ง ด้วยเมนูโฮมเมด
ปรุง...ต้านมะเร็ง ด้วยเมนูโฮมเมด

เปิดอ่าน 1,042 ครั้ง
ผลวิจัยชี้การมีกิจกรรมทางกายทั้งวันธรรมดาและวันหยุด ช่วยลดการเจ็บป่วยโรคหัวใจและสมอง มากถึงร้อยละ 38
ผลวิจัยชี้การมีกิจกรรมทางกายทั้งวันธรรมดาและวันหยุด ช่วยลดการเจ็บป่วยโรคหัวใจและสมอง มากถึงร้อยละ 38

เปิดอ่าน 4,974 ครั้ง
สมรรถนะต่างประเทศ 4 ตัวอย่างหลักสูตร สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา
สมรรถนะต่างประเทศ 4 ตัวอย่างหลักสูตร สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา

เปิดอ่าน 20,579 ครั้ง
"ข้าวลืมผัว"อร่อยจนลืมผัว ข้าวชาวเขา ที่ชาวเมืองก็ควรกิน
"ข้าวลืมผัว"อร่อยจนลืมผัว ข้าวชาวเขา ที่ชาวเมืองก็ควรกิน

เปิดอ่าน 12,411 ครั้ง
ถั่งเช่า ยาอายุวัฒนะ
ถั่งเช่า ยาอายุวัฒนะ

เปิดอ่าน 16,260 ครั้ง
3 เทคนิควิเศษ ที่จะเสกให้คุณพูดอังกฤษเก่งเหมือนเจ้าของภาษา
3 เทคนิควิเศษ ที่จะเสกให้คุณพูดอังกฤษเก่งเหมือนเจ้าของภาษา

เปิดอ่าน 13,291 ครั้ง
วิทยาศาสตร์น่าทึ่ง ทำเองได้ที่บ้าน
วิทยาศาสตร์น่าทึ่ง ทำเองได้ที่บ้าน

เปิดอ่าน 22,957 ครั้ง
ระบบการจัดการฐานข้อมูล
ระบบการจัดการฐานข้อมูล

เปิดอ่าน 21,354 ครั้ง
รูปแบบวิธีการสอน: การเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียน ปี 2562
รูปแบบวิธีการสอน: การเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียน ปี 2562
เปิดอ่าน 17,712 ครั้ง
การออกแบบสาร (Message Design) เพื่อการนำเสนอ
การออกแบบสาร (Message Design) เพื่อการนำเสนอ
เปิดอ่าน 408,734 ครั้ง
ทฤษฎีจิตสังคมของอีริคสัน (Erikson)
ทฤษฎีจิตสังคมของอีริคสัน (Erikson)
เปิดอ่าน 14,917 ครั้ง
เตือนภัยยาเสียสาวแพร่ระบาด
เตือนภัยยาเสียสาวแพร่ระบาด
เปิดอ่าน 29,755 ครั้ง
ประเพณีการบอกหมาก ในงานแต่งงาน
ประเพณีการบอกหมาก ในงานแต่งงาน

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ