ชื่อเรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการแก้โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เทคนิค KWDL ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาลประตูลี้ เทศบาลเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน
ชื่อผู้วิจัย นางศรีไพร ใจนันตา กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์
สอนวิชา คณิตศาสตร์ รหัสวิชา ค14101 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564
โรงเรียน เทศบาลประตูลี้
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
วิชาคณิตศาสตร์ถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความคิดของมนุษย์ ทำให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบระเบียบ เป็นแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาและสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วน รอบคอบ ทำให้สามารถคาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ และแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสม อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือในการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตลอดจนศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง คณิตศาสตร์จึงเป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตและช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น นอกจากนี้ คณิตศาสตร์ยังช่วยพัฒนามนุษย์ให้สมบูรณ์มีความสมดุลทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และอารมณ์ สามารถคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข
จากข้อมูลการวัดผลและประเมินผลความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาลประตูลี้ ปีการศึกษา 2563 พบว่านักเรียนมีความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เรื่องการบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ ต่ำที่สุด ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้มีคะแนนเต็ม 20 คะแนน นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยในหน่วยนี้คือ 11.2 คิดเป็นร้อยละ 56 ซึ่งมีคะแนนน้อยกว่าร้อยละ 60 เนื่องจากนักเรียนยังไม่เข้าใจขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหา ขาดทักษะการคิดเชิงเหตุผล ไม่เข้าใจความคิดรวบยอดเกี่ยวกับการบวก ลบ คูณ หารระคน พื้นฐานทางภาษาไม่มีจึงตีความโจทย์ไม่ได้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น ขาดวัสดุ สื่อการสอน ขาดแหล่งเรียนรู้ จึงทำให้ความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาเรื่องการบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ คะแนนต่ำสุดเมื่อเปรียบเทียบกับหน่วยการเรียนรู้อื่น
แต่อย่างไรก็ตามผู้วิจัยคิดว่าสาเหตุที่สำคัญที่สุดส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนคือ นักเรียนยังไม่เข้าใจขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหา ทำให้นักเรียน ขาดการคิดวิเคราะห์ ขาดทักษะกระบวนการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผู้วิจัยในฐานะครูผู้สอนคณิตศาสตร์ จึงมีความสนใจวิธีการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWDL เป็นเทคนิคการจัดการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนฝึกคิดวิเคราะห์โจทย์ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอนละเอียดถี่ถ้วน ทำให้นักเรียนทำความเข้าใจโจทย์ปัญหาได้อย่างชัดเจน และหาวิธีการแก้ปัญหาได้อย่างหลากหลายอันจะเป็นผลให้นักเรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆในชีวิตประจำวันของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล ซึ่งเห็นได้จากขั้นตอนการแก้โจทย์ปัญหา 4 ขั้นตอนได้แก่ขั้นที่ 1) นักเรียนจะหาสิ่งที่โจทย์บอกให้ทราบ เป็นขั้นที่นักเรียนต้องอ่านโจทย์อย่างพินิจพิเคราะห์ และรวบรวมสิ่งที่โจทย์บอกให้มา รวมทั้งอาจต้องใช้ความรู้เดิมที่ได้เรียนไปแล้ว ขั้นที่ 2) นักเรียนหาสิ่งที่โจทย์ต้องการทราบหรือปัญหาของโจทย์ เป็นขั้นที่นักเรียนต้องตอบคำถามให้ได้ว่าโจทย์ต้องการให้หาอะไร และวางแผนแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่างๆจากข้อมูลที่ได้ในขั้นตอนแรก ขั้นที่ 3) นักเรียนดำเนินการแก้ปัญหาตามที่ได้วางแผนไว้ เป็นขั้นที่นักเรียนต้องลงมือแก้ปัญหา และเรียนรู้ขั้นตอนวิธีการแก้ปัญหาอย่างกระจ่างชัด และขั้นที่ 4) ขั้นสรุปผลที่ได้จากการแก้ปัญหา เป็นขั้นที่นักเรียนจะต้องสรุปวิธีการดำเนินการแก้ปัญหา และได้คำตอบของปัญหา สามารถอธิบายขั้นตอนการแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ผู้วิจัยยังได้เห็นถึงความสำคัญของการศึกษาในศตวรรษที่ 21 เป็นการออกแบบวัฒนธรรมการเรียนการสอนที่ให้อำนาจแก่ผู้เรียนเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางผ่านปรัชญาของการ สอนน้อย แต่เรียนรู้ให้มาก กล่าวคือ การที่ครูเป็นโค้ชหรือเป็นผู้อำนวยการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนอันทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะของการใฝ่รู้และสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง เทคโนโลยีสารสนเทศทางการเรียนรู้ที่ทรงประสิทธิภาพและใช้งานได้ง่ายและสะดวกอย่างเช่น ClassStart เป็นระบบชั้นเรียนออนไลน์(Learning Management System) ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับรูปแบบจัดการการศึกษาของไทยและมุ่งส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญระบบ
จากเหตุผลดังกล่าว ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ เรื่องการบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาลประตูลี้หลังได้รับการจัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWDL ในระบบชั้นเรียนออนไลน์ว่าสูงกว่าก่อนจัดกิจกรรมการเรียนรู้หรือไม่ อย่างไร แตกต่างต่างจากเกณฑ์คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 60 หรือไม่อย่างไร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้ตามมาตรฐานและตัวชี้วัดของหลักสูตรและเป็นรากฐานการเรียนรู้คณิตศาสตร์ชั้นสูงขึ้น พร้อมทั้งเป็นข้อมูลผู้บริหารในการบริหารงานวิชาการอันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพทางการเรียนรู้อันนำไปสู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ของนักเรียน
ระยะเวลาในการแก้ปัญหา
ตุลาคม 2564 กุมภาพันธ์ 2565
จุดประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค KWDL เรื่องการแกโจทย
ปญหาคณิตศาสตร์ การบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ ชั้นประถมศึกษาปที่ 4
2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนกอนเรียนและหลังเรียนจากการใช
แบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิคKWDL เรื่องการแกโจทยปญหาคณิตศาสตร์การบวก ลบ คูณ
หารจำนวนนับ ชั้นประถมศึกษาปที่ 4
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้แบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค KWDL เรื่องการแกโจทยปญหาคณิตศาสตร์
การบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ 80/80
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรูจากแบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค KWDL เรื่อง
การแกโจทยปญหาคณิตศาสตร์การบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ สูงขึ้น
3. ใชเป็นแนวทางในการพัฒนานวัตกรรมหรือพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนอื่น ๆ
ที่เหมาะสมกับการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนในระดับประถมศึกษาเรื่องโจทยปัญหาการบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ ตอไป
วิธีดำเนินการวิจัย
ประชากร/กลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนเทศบาลประตูลี้ เทศบาลเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน จำนวน 4 ห้องเรียน รวมนักเรียนทั้งหมด 99 คน
กลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาลประตูลี้ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ซึ่งได้มาจากการสุ่มอย่างง่ายด้วยวิธีการจับฉลากโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม 1 ห้องเรียน ได้นักเรียนห้อง ป.4/2 จำนวนนักเรียน 26 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย/นวัตกรรม
เครื่องมือที่ใชในการวิจัยครั้งนี้ มีดังนี้
1. แผนการจัดการเรียนรูกลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร์ที่จัดการเรียนรูโดยใชแบบฝก
ทักษะโดยใชเทคนิค KWDL เรื่อง โจทยปญหาคณิตศาสตร์การบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ ชั้นประถมศึกษาปที่ 4 จำนวน 2 แผน
2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรูกลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร์ที่จัดการ
เรียนรูโดยใชแบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค KWDL เรื่องการแกโจทยปญหาคณิตศาสตร์
การบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 4 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็นแบบปรนัย
ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 15 ขอ และแบบอัตนัย แสดงวิธีทำ 5 ขอ
3. แบบฝกทักษะการแกโจทยปญหาคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค KWDL เรื่องการแกโจทย
ปญหาคณิตศาสตร์การบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 4 จำนวน 1 เล่ม
ตัวอย่างแผน ชั่วโมงที่ 1
ขั้นที่ 1 (ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน)
ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้และบทบาทในการทำงานกลุ่มให้นักเรียนทราบจากนั้นสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับความหมายของการบวก การลบ ว่าการบวกหมายถึง การนำจำนวนสองจำนวนมารวมกัน การลบ คือ การนำจำนวนหนึ่งออกจากจำนวนหนึ่งเพื่อหาจำนวนที่เหลือหรือเป็นการเปรียบเทียบจำนวนสองจำนวนว่ามากกว่าหรือน้อยกว่ากันเท่าไร
ขั้นที่ 2 (ขั้นนำเสนอบทเรียน ด้วยเทคนิค KWDL)
ครูให้นักเรียนผลัดกันสร้างโจทย์ปัญหาการบวก ลบ จากเหตุการณ์ในชีวิติประจำวันให้เพื่อนเขียนประโยคสัญลักษณ์และหาคำตอบ จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันวิเคราะห์โจทย์ปัญหา โดยใช้เทคนิค KWDL ดังนี้
ร่วมกันทำความเข้าใจโจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ หรือ วิเคราะห์โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ คือ หาสิ่งที่โจทย์กำหนดให้ (ขั้น K : ระดมสมองร่วมกันหาสิ่งที่โจทย์กำหนดให้)
วางแผนและหาแนวทางแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ว่าโจทย์ต้องการทราบอะไร และมีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร (ขั้น W : อภิปรายเพื่อหาสิ่งที่โจทย์ต้องการทราบและวิธีการแก้ปัญหาเพื่อหาคำตอบ)
ร่วมกันดำเนินการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ และร่วมกันพิจารณา ตรวจสอบความถูกต้องของคำตอบที่ได้ (ขั้น D: ร่วมกันดำเนินการแก้โจทย์ปัญหาและเขียนประโยคสัญลักษณ์ พร้อมทั้งแสดงวิธีทำเพื่อหาคำตอบ)
ร่วมกันสรุปการแก้ปัญหาและสรุปเป็นความรู้ที่ได้ (ขั้น L: ร่วมกันสรุปขั้นตอนการแก้ปัญหาและนำเสนอผลการแก้โจทย์ปัญหาโดยส่งตัวแทนออกมานำเสนอ)
ขั้นที่ 3 (ขั้นกิจกรรมกลุ่ม)
แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน โดยแต่ละกลุ่มมีทั้งเด็กเก่ง ปานกลางและอ่อน แต่ละกลุ่มมารับบัตรกิจกรรม KWDL ที่ 1 แล้วดำเนินการดังนี้
ศึกษาบัตรกิจกรรม KWDL
ดำเนินการแก้โจทย์ปัญหา
นำเสนอแนวคิดและวิธีการแก้โจทย์ปัญหา
ขั้นที่ 4 (ขั้นทดสอบรายบุคคล)
นักเรียนศึกษาและปฏิบัติตามใบงานที่ 1 ที่ครูได้แจกให้เป็นรายบุคคล
ขั้นที่ 5 (ประเมินการทำงานกลุ่มและยกย่องกลุ่มที่ประสบความสำเร็จ)
ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจใบงานที่ 1 เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบจำนวนนับ โดยคะแนนที่นักเรียนทำได้จะถือเป็นคะแนนรายบุคคล แล้วนำคะแนนรายบุคคลไปแปลงเป็นคะแนนกลุ่ม จากนั้นครูให้คำชมเชย ยกย่อง บุคคลหรือกลุ่มที่มีคะแนนยอดเยี่ยมและให้กำลังใจแก่นักเรียนที่ได้คะแนนน้อย
ขั้นที่ 6 (ขั้นสรุปบทเรียน)
ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้และเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ซักถามข้อสงสัย และให้โจทย์ปัญหา จำนวน 2 ข้อ กลับไปเป็นการบ้านและนำมาส่งในคาบเรียนต่อไป
การเก็บรวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยได้ดำเนินการเก็บขอมูลตามขั้นตอนดังนี้
1. การรวบรวมขอมูลของแผนการจัดการเรียนรูโดยใชแบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใช
เทคนิค KWDL เรื่องโจทยปญหาการบวก ลบคูณ หารจำนวนนับของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 4
ผู้วิจัยดำเนินการ คือ สร้างแผนจัดการเรียนรู มีทั้งหมด 2 แผน นําแผนที่สร้างขึ้นเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญ 3 ท่าน ตรวจสอบประเมินคุณภาพตามเกณฑของ Likert มี 5 ระดับ ปรับปรุงแกไข
ตามความแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ จากนั้นนํามาทดลองใชกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาที่ 4/2 โดยใชแผน
การจัดการเรียนรูควบคูกับแบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค KWDL ปรับปรุงแกไขจัดฉบับสมบูรณ
2. การรวบรวมข้อมูลเพื่อพัฒนาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ผู้วิจัยดำเนินการ คือหาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (IOC) หาค่าความยาก (P) คาอำนาจจำแนก (r) และค่าความเชื่อมั่น ของแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการแกโจทยปญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกปที่ 4 จากการใหความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน จากนั้นนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง
3. การรวบรวมข้อมูลเพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค
KWDL เรื่องการแกโจทยปญหาการบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ ผู้วิจัยหาค่าประสิทธิภาพ
(E1/E2) ของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ โดยใช้เทคนิค KWDL เรื่องการแก้โจทยปญหาการบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ
ทดลองหนึ่งตอหนึ่ง 3 คน กลุมเล็ก 6 คน กลุมภาคสนาม 30 คน และกลุ่มตัวอย่าง 30 คน นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อแกไขขอบกพรอง
การวิเคราะห์ข้อมูล/สถิติที่ใช้ในการวิจัย
การวิเคราะห์ข้อมูล
1. หาประสิทธิภาพของแบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค KWDL เรื่องการแกโจทย
ปญหาคณิตศาสตร ชั้นประถมศึกษาปที่ 4 ตามเกณฑ 80/80
2. หาประสิทธิภาพของแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถามความ
พึงพอใจ ดังนี้
2.1 หาค่าดัชนีความสอดคลอง (IOC)
2.2 หาค่าความยากง่าย ค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบ
2.3 หาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ โดยใชวิธีของคูเดอร์ริชาร์ดสัน (Kuder -
Richardson Method)
2.4 หาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามความพึงพอใจโดยใชสัมประสิทธิ์แอลฟา
(Alpha Coefficient)
3. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนกอนเรียนและหลังเรียน โดยใชแบบฝึกทักษะโดยใชเทคนิค KWDL เรื่องการแกโจทยปญหาคณิตศาสตร์การบวก ลบ คูณ หารระคน
ชั้นประถมศึกษาปที่ 4 โดยใช t-test (Dependent Samples)
สถิติที่ใชในการวิเคราะห์ข้อมูล
1. สถิติพื้นฐาน ไดแก
1.1 ร้อยละ (Percentage) (บุญชม ศรีสะอาด, 2545 : 104) ใชสูตรดังนี้
p=f/N×100
เมื่อ P แทน ร้อยละ
f แทน ความถี่ที่ตองการแปลงให้เป็นร้อยละ
N แทน จำนวนความถี่ทั้งหมด
1.2 คาเฉลี่ย (Mean) ของคะแนน (ประภาพรรณ เส็งวงศ, 2550 : 90) มีสูตรดังนี้
X ̅=(∑▒X)/N
เมื่อ X ̅ แทน คาเฉลี่ย
ΣX แทน ผลรวมของคะแนนทั้งหมดในกลุม
N แทน จำนวนคะแนนในกลุม
1.3 สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) (บุญชม ศรีสะอาด, 2545 :
104) มีสูตรดังนี้
S.D.=√((n∑▒〖x^2-〖(∑▒〖x)〗〗^2 〗)/(n(n-1)))
เมื่อ S.D. แทน สวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
X แทน คะแนนแต่ละตัว
n แทน จำนวนคะแนนในกลุม
Σ แทน ผลรวม
2. สถิติที่ใชหาค่าเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างค่าเฉลี่ยก่อนและหลังการใชแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค KWDL เรื่องการแกโจทยปญหาคณิตศาสตร์การบวก ลบ คูณ
หารจำนวนนับ ชั้นประถมศึกษาปที่ 4 โดยใช t-test (ประภาพรรณ เสงวงศ, 2550 : 99 - 101) มีสูตรดังนี้
t=(∑▒D)/√((n∑▒〖D^2-(∑▒〖D)〗^2 〗)/(n-1))
เมื่อ t แทน ค่าอัตราสวนวิกฤต
D แทน ผลต่างคะแนนกอนเรียนและหลังเรียน
ΣD แทน ผลรวมของผลต่างของคะแนนกอนเรียนและหลัง
เรียน
∑▒D^2 แทน ผลรวมยกกำลังสองของผลต่างของคะแนนกอนและ
หลังเรียน
N แทน จำนวนนักเรียน
3. สถิติที่ใชในการวิเคราะห์หาคุณภาพของแบบทดสอบหรือข้อสอบ
3.1 การหาความเที่ยงตรง (Validity) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใชสูตรค่าดัชนีความสอดคลอง (IOC) (วาโร เพ็งสวัสดิ์, 2546 : 86 - 88) ดังนี้
IOC = (∑▒R)/N
เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคลองระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค
∑▒R แทน ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด
N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด
3.2 การหาค่าความยากง่ายของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (ประภาพรรณ
เส็งวงศ, 2550 : 70) โดยใชสูตรดังนี้
p=R/N
เมื่อ P แทน ค่าความยากง่าย
R แทน จำนวนผู้ที่ตอบข้อสอบถูกทั้งหมด
n แทน จำนวนผู้ที่ทำข้อสอบทั้งหมด
3.3 การหาค่าอำนาจจำแนกของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (ประภาพรรณ
เส็งวงศ, 2550 : 72 - 73) โดยใชสูตรดังนี้
r=(R_u+R_l)/N
เมื่อ r แทน คาอำนาจจำแนก
R_u แทน จำนวนคนที่ตอบถูกในกลุมสูง
R_l แทน จำนวนคนที่ตอบถูกในกลุ่มต่ำ
n แทน จำนวนคนทั้งหมดในกลุ่มสูงและกลุ่มต่ำ
3.4 การหาค่าความเชื่อมั่น (Reliability) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
โดยใชสูตรของคูเดอรริชาร์ดสัน KR-20 (ประภาพรรณ เส็งวงศ, 2550 : 73) ดังนี้
r_tt=n/(n-1) {1-(∑▒pq)/s^2 }
เมื่อ r_tt แทน ความเชื่อมั่นของข้อสอบทั้งฉบับ
k แทน จำนวนข้อสอบ
p แทน สัดสวนของคนที่ตอบถูก
q แทน สัดสวนของคนที่ตอบผิด
s^2 แทน ความแปรปรวนของคะแนน
ในการศึกษาค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ ตองคำนวณค่าความแปรปรวน ดังนี้
s^2=(n∑▒x^2 -(∑▒〖x)〗^2)/(n(n-1))
เมื่อ n แทน จำนวนผู้เรียน
ΣX แทน ผลรวมของคะแนนของผู้เรียนแต่ละคนยกกำลังสอง
〖(∑▒〖x)〗〗^2แทน กำลังสองของผลรวมของคะแนนที่ผู้เรียนทุกคนได้
4. สถิติที่ใชในการวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค KWDL เรื่องการแกโจทยปญหาการบวกลบคูณหารจำนวนนับกลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร์โดยการคํานวณหาคาประสิทธิภาพของกระบวนการ E_1 และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ E_2 หรือ E_1/E_2
(ชัยยงค พรหมวงศ และคณะ, 2550 : 138) มีสูตรดังนี้
E_1=[(∑▒x)/N]/A×100
เมื่อ E_1 คือ ประสิทธิภาพของกระบวนการ
∑▒x คือ คะแนนรวมที่ได้จากการทำแบบฝกระหว่างเรียน
N คือ จำนวนผู้เรียน
A คือ คะแนนเต็มของแบบฝก
E_2=[(∑▒F)/N]/B×100
เมื่อ E_2 คือ ประสิทธิภาพของผลลัพธ์
∑▒F คือ คะแนนรวมจากการทำแบบทดสอบหลังเรียน
N คือ จำนวนผู้เรียน
B คือ คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน
ผลการวิจัย
จากผลการศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางเรียน เรื่องการแกโจทยปญหาการบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับโดยใชแบบฝกทักษะคณิตศาสตร์ เทคนิค KWDL ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 4 โรงเรียนเทศบาลประตูลี้ เทศบาลเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ผู้วิจัยได้สรุปไว้เป็น 3 ขอ ดังนี้
1. แบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค KWDL เรื่องการแกโจทยปญหาคณิตศาสตร์
การบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ ชั้นประถมศึกษาปที่ 4 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.33/84.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 4 ที่เรียนด้วยแบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค
KWDL เรื่องการแกโจทยปญหาคณิตศาสตร์ การบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ ชั้นประถมศึกษาปที่ 4
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
สรุปผลการวิจัย
1. แบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค KWDL เรื่องการแกโจทยปญหาคณิตศาสตร์
การบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ ชั้นประถมศึกษาปที่ 4 ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.33/84.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 4 ที่เรียนด้วยแบบฝกทักษะคณิตศาสตร์โดยใชเทคนิค
KWDL เรื่องการแกโจทยปญหาคณิตศาสตร์ การบวก ลบ คูณ หารจำนวนนับ ชั้นประถมศึกษาปที่ 4
มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05