ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
ร่างนวัตกรรมทางการศึกษา สื่อประสมคำเพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่านแม่ก กา ของชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑/๑

ร่างนวัตกรรมทางการศึกษา

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต ๑

ประเภท จัดการเรียนการสอน

ชื่อ นางธนพร แสงปราช

ตำแหน่ง ครูชำนาญการ

โรงเรียน บ้านป่าไม้แดง

ชื่อนวัตกรรม สื่อประสมคำเพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่านแม่ก กา ของชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑/๑

ความเป็นมาและสภาพของปัญหา

ภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ของชาติ เป็นสมบัติทางวัฒนธรรม อันก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและเสริมสร้าง บุคลิกภาพของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจ และ ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำให้สามารถประกอบกิจธุระ การงานและดำเนินชีวิตร่วมกันในสังคมประชาธิปไตยได้ อย่างสันติสุขและเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ เพื่อ พัฒนาความรู้ กระบวนการคิดวิเคราะห์ วิจารณ์ และสร้างสรรค์ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ตลอดจนนำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังเป็นสื่อแสดงภูมิปัญญาของบรรพบุรุษด้านวัฒนธรรม ประเพณี สุนทรียภาพเป็นสมบัติล้ำค่าควร แก่การเรียนรู้ อนุรักษ์และสืบสานให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป ในการสอนด้านภาษาไม่ว่าภาษาใดจะต้องเน้นการสอนทักษะเบื้องต้น คือ การฟัง พูด อ่าน และเขียน เพราะถือว่าทักษะทางภาษาดังกล่าวเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดในการดำรงชีวิต การจัดการเรียนการสอนจึงมุ่ง ฝึกฝนให้นักเรียนเกิดความคล่องแคล่วทั้ง ๔ ด้าน เพื่อช่วยให้พัฒนาการทางภาษาของนักเรียนได้เพิ่มพูนขึ้น ตามวัย และวุฒิภาวะ โดยเฉพาะการอ่านภาษาไทยเป็นสิ่งสำคัญในการวางรากฐานการเรียนโดยทั่วไปการที่จะ ให้นักเรียนเกิดทักษะการอ่านและสามารถอ่านได้ถูกต้องคล่องแคล่วนั้นจำเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนการอ่าน สะกดคำและแจกลูกตั้งแต่พยัญชนะ สระ คำ และประโยค เพื่อที่นักเรียนสามารถอ่านหนังสือต่าง ๆ ได้ การ ฝึกทักษะจึงจำเป็นต้องอาศัยแบบฝึกเพื่อเป็นการทบทวนความเข้าใจและฝึกฝนสิ่งที่ยังบกพร่องอยู่ให้พัฒนาขึ้น ตามความสามารถที่นักเรียนควรจะทำได้ จากการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยในชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑/๑ พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่มีปัญหาในเรื่องการอ่านประสมคำในแม่ ก กา ผู้สอนจึงมีความสนใจที่จะพัฒนาประสบการณ์ ทางภาษาให้กับนักเรียนในเรื่องการอ่านประสมคำในแม่ ก กา ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่หลักสูตรกำหนด

นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑/๑ ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๕ เป็นนักเรียนที่ขึ้นมาจากชั้นอนุบาล ความรู้เรื่องการอ่านประสมคำนักเรียนอนุบาลยังไม่ได้เท่าที่ควร และการเรียนภายใต้สถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด ๑๙ ที่ทำให้เวลาเรียนไม่เต็มที่ ทำให้เกิดปัญหาการประสมคำยังไม่ได้ และจะทำให้การพัฒนาด้านการอ่านประสมคำช้า จึงหาวิธีการที่จะสอนนักเรียนเรื่องการประสมคำในแม่ ก กา ซึ่งเป็นมาตราพื้นฐาน และเป็นสิ่งจำเป็นที่นักเรียนต้องเรียนรู้ให้ได้เร็วที่สุด เพื่อจะเรียนในเนื้อหาในบทต่างๆที่ยากขึ้นได้ตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้

๒.จุดประสงค์

๑. เพื่อพัฒนาการประสมคำ แม่ ก กา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ ๑/๑

๒. เพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่าน แม่ก กา

๓. เพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้นักเรียนมีทักษะการอ่าน การเขียน เพื่อใช้ในการสื่อสาร ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้อง

ขอบเขตการศึกษา

๑. เนื้อหา

คำที่ประสมในมาตรา ก กา ในบทที่ ๑ เรื่องใบโบก ใบบัว

๒. กลุ่มเป้าหมาย คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ของโรงเรียน บ้านป่าไม้แดง จำนวนทั้งหมด ๒๒ คน จำนวนกลุ่มเป้าหมาย ๒๑ คน

๓. ระยะเวลา

ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๕

กรอบแนนวคิดในการพัฒนานวัตกรรม

การจัดการศึกษา จะต้องร่วมมือกันระหว่างองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน รวมทั้งผู้ปกครองและชุมชน โดยปลูกฝังจิตสำนึกและเจตคติเกี่ยวกับการจัดการศึกษาให้แก่เด็กทุกคนโดยคำนึงถึงศักยภาพและความแตกต่างระหว่างบุคคล หรือความบกพร่องเฉพาะบุคคล ซึ่งจะให้สิทธิเท่าเทียมกันทุกคน โดยไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลใดเป็นพิเศษเฉพาะ

การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนภาษาไทย ตามความมุ่งหวังของหลักสูตร มีจุดประสงค์เพื่อมุ่งให้ ผู้เรียนมีพัฒนาการทางภาษาทั้ง การอ่าน การเขียน ด้าน การฟัง การดูและพูด หลักการใช้ภาษา วรรณคดีและ วรรณกรรมตามควรแก่วัย เห็นคุณค่าของภาษาสามารถ ใช้เป็นเครื่องมือสื่อความคิด ความเข้าใจ รักการอ่าน แสวงหาความรู้ และมีเหตุผล เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้ ภาษาไทยเป็นเครื่องมือใน การเรียนรู้และใช้สื่อสารใน ชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังมีความ ภาคภูมิใจในภาษาไทย ซึ่งเป็นมรดกที่สำคัญของชาติ (กรมวิชาการ, ๒๕๔๖) การที่จะสอนภาษาไทยให้บรรลุวัตถุ ประสงค์ ของหลักสูตรนั้น จำเป็นต้องฝึกฝนทักษะต่างๆ ให้สัมพันธ์กัน ทั้งทักษะด้านการอ่าน การเขียน การฟังการดูและการพูด หลักการใช้ภาษา วรรณคดี และวรรณกรรม โดยเฉพาะการอ่านและการเขียนนับว่ามีความจำเป็นที่ต้องใช้ในการติดต่อสื่อสาร ดังคำกล่าวที่ว่า “ใน ปัจจุบันโลกได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วทั้งด้านวัตถุและ ด้านวิทยาการ การติดตามความเคลื่อนไหวและ ความก้าวหน้าต่างๆ ให้ทันต่อเหตุการณ์ จึงเป็นจำเป็นต่อ ชีวิตของคนเราในยุคปัจจุบันมาก วิธีที่ใช้ได้ดีโดยทั่วไป คือ การอ่านหนังสือนับเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่จะช่วยสร้าง ความสำเร็จในการดำเนินชีวิต เพราะการอ่านเป็นการ พัฒนาสติปัญญา ผู้ที่มีความสามารถในการอ่านจะมี ความเจริญก้าวหน้าในอาชีพและชีวิตมาก” (ชุลี อินมั่น, ๒๕๕๓) ฉะนั้นการอ่านจึงมีความจำเป็นต่อชีวิตในยุคปัจจุบัน เพราะการอ่านช่วยให้เราสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและความก้าวหน้าได้ การอ่านช่วยเพิ่มพูน ประสบการณ์ ความรู้ ความคิด และวิจารณญาณ ให้ คนเรามีความงอกงามทางวุฒิภาวะ วุฒิปัญญา และมีความสามารถยิ่งขึ้น การอ่านจึงเป็นเครื่องมือสำคัญใน การแสวงหาความรู้ ความคิด ข้อมูลข่าวสาร ทำให้ผู้อ่าน ได้มีโอกาสศึกษาตลอดชีวิตอันจะนำไปสู่การพัฒนา คุณภาพชีวิตได้อย่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในโลก ปัจจุบัน ส่วนการเขียนนั้นนับว่าเป็นด้านที่มีความ สำคัญ แทนคำพูด นอกเหนือไปจากประโยชน์ที่ใช้ใน ชีวิตประจำวันแล้ว ในการเรียนการสอนเกือบทุกสาระฯ ต้องอาศัยการเขียนเพื่อการบันทึก เพื่อรวบรวมถ้อยคำของครู ของเพื่อน หรือของวิทยากร ดังนั้นการเขียนจึงเป็นรากฐานในการเรียน สาระฯ ต่างๆ การเขียนในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการ เขียนกลุ่มคำ วลี ประโยค ข้อความ จะต้อง เขียนให้ ถูกต้องตามอักขรวิธี ถ้าหากเขียนผิดพลาดจะทำให้ ความหมายเปลี่ยนไป ผู้สื่อและผู้รับ ไม่สามารถสื่อ ความหมายให้ตรงกันได้ ดังคำกล่าวที่ว่า “การเขียนเป็น การถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดและความต้องการของบุคคล ออกมาเป็นสัญลักษณ์หรือตัวอักษรเพื่อสื่อความหมายให้ บุคคลอื่นเข้าใจได้และเป็นเครื่องมือพัฒนาสติปัญญาของบุคคล โดยถือว่าเป็นการแสดงออกถึงภูมิปัญญาและการ พัฒนาความคิด สร้างสรรค์ของผู้เขียนและถือว่าเป็น เครื่องมือในการถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมได้อีกวิธี หนึ่ง” (วรรณี โสมประยูร, ๒๕๔๒) จะเห็นว่าการอ่านและการเขียนมีความ สำคัญยิ่งต่อ การดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อสื่อสารเพื่อกิจธุระ การประกอบอาชีพ การแสวงหา ความรู้ความเพลิดเพลิน การประกอบกิจกรรมต่างๆ ก็ ต้องอาศัยทักษะด้านการอ่านและการเขียนทั้งสิ้น การ อ่านและการเขียนจึงควรดำเนินการควบคู่กันไป ดังนั้นจึง มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่คนเราจะต้องอ่านออกเขียนได้ เพื่อให้การติดต่อสื่อสารนั้นสัมฤทธิ์ผล จึงสอดคล้องกับ นโยบายของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต ๑ ที่เน้นให้นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๓ ต้องอ่านออกเขียนได้ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔-๖ ต้องอ่านคล่อง เขียนคล่อง และคิดอย่างมีวิจารณญาณ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ – ๓ ต้อง อ่านและเขียนอย่างสร้างสรรค์ โรงเรียนบ้านป่าไม้แดง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต ๑ เป็นโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา เปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นปฐมวัยถึง ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ มีการจัดการเรียน การสอนแบบประจำชั้นในระดับปฐมวัยถึงชั้นประถม ศึกษาปีที่ ๔ ส่วน ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ เป็น การสอนแบบเวียนสอนเพื่อเน้นการติดตามนักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ และอ่านไม่คล่อง เขียนไม่คล่อง เพื่อให้สามารถอ่านออกเขียนได้ และใช้ภาษาไทยในชีวิตประจำวันได้

๔.ลำดับขั้นตอนในการจัดทำนวัตกรรม

ในการดำเนินการวิจัยในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาทักษะการประสมคำภาษาไทย มาตราแม่ ก กา สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑/๑ การดำเนินการมีรายละเอียดดังนี้

๑. วิเคราะห์โครงสร้างของสาระการเรียนรู้ภาษาไทยเรื่องการประสมคำเพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่านแม่ก กา ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปี ที่ ๑/๑

๒. ผลิตสื่อนวัตกรรมการเรียนการสอน สื่อประสมคำเพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่านมาตรา แม่ก กา

๓. ชี้แจงให้นักเรียนทราบถึงวิธีการใช้สื่อประสมคำเพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่านแม่ก กา เพื่อให้นักเรียนได้ปฏิบัติติและใช้ได้ถูกต้อง

๔. นักเรียนทดสอบการอ่านคำ มาตรา แม่ ก กา ก่อนเรียน

๕. นำนวัตกรรม สื่อประสมคำเพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่านแม่ก กา มาใช้ในการสอนโดยให้นักเรียนใช้และปฏิบัติ

๖. ให้นักเรียนเรียนรู้เพิ่มเติมจากแบบฝึกเสริมทักษะพัฒนาการอ่านประสมคำแม่ ก กา

๗. นักเรียนทดสอบการอ่านคำ มาตรา แม่ ก กา หลังเรียน

การนำนวัตกรรมไปใช้ในการพัฒนา / แก้ปัญหา

ผู้จัดทำนวัตกรรม เรื่องสื่อประสมคำเพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่าน แม่ก กา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ได้นำนวัตกรรมไปใช้ โดยได้มีการทดสอบการอ่านประสมคำ แม่ ก กา ในบทที่ ๑ เรื่อง ใบโบกบัว แล้วนำผลการทดสอบของนักเรียนแต่ละคนมาตรวจดูเพื่อจัดนักเรียนกลุ่มเก่ง กลุ่มกลาง และกลุ่มอ่อน เพื่อนำมาจัดกลุ่มนักเรียน โดยให้ในกลุ่ม คละกันไป ไม่ให้นักเรียนกลุ่มเดียวกันอยู่ด้วยกัน นักเรียนมีจุดอ่อนเรื่องการประสมคำ และด้วย ชั้น ประถมศึกษาปีที่๑ ที่พึ่งเลื่อนชั้นจากอนุบาล ยังเล็ก ความสนใจค่อยข้างน้อย สื่อเรื่องสื่อประสมคำเพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่าน แม่ก กา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ จึงตอบโจทย์ได้ดี เพราะเป็นสื่อเน้นการปฏิบัติด้วยตัวเอง ทำให้เด็กๆได้เรียนรู้จากประการณ์ตรง ทำให้เกิดการจำง่ายขึ้น และทำให้นักเรียนมีคุณธรรมด้านความสามัคคี ความเสียสละ และเด็กเกิดความสนุกสนานในการเรียน และที่สำคัญ สื่อประสมคำเพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่าน แม่ก กา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ สามารถนำไปเรียนนอกห้องเรียนได้ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศในการเรียนรู้ และเพิ่มประสิทิภาพในการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี

ผลการนำนวัตกรรมไปใช้

ด้านนักเรียน

๑. นักเรียนมีความสามารถในการอ่านประสมคำ แม่ก กา ในบทที่๑ ได้ดีขึ้น

๒.นักเรียนอ่านคำในภาษาไทยได้ถูกต้องมากขึ้น

๓.นักเรียนสามารถพัฒนาด้านการอ่านประสม รู้จักสระและตัวพยัญชนะได้ดีขึ้น และสามารถ นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

๔.นักเรียนได้เรียนตามความถนัด ความสนใจตามศักยภาพ

๕.นักเรียน มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านภาษาสูงขึ้น

๖.นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตและนำไปประกอบอาชีพได้

ด้านครูผู้สอน

๑. ครูผู้สอนมี ความรู้ ความเข้าใจ และมีส่วนร่วม ในการใช้นวัตกรรม

๒. ครูมีการเตรียมการสอนโดยศึกษานวัตกรรม และจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ แผนจัดประสบการณ์การเรียน ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์

๓. มีการพัฒนาครูให้ได้รับการพัฒนาด้านภาษาที่ สอดคล้องกับนวัตกรรมที่เปิดทำการสอน เทคนิคเกี่ยวกับการสอน การวัดผลประเมินผล และการวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการเรียนรู้

๔. มีการจัดหาครูที่มีคุณวุฒิประสบการณ์ที่สอดคล้องกับนวัตกรรมและมีจำนวนเพียงพอครบทุกชั้นเรียน

๕. ครูมีเทคนิคการสอนที่ดี มีความอดทน มีความรับผิดชอบ มุ่งมั่น เสียสละในการ ปฏิบัติงาน เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีการสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรม และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแต่ละครั้ง

๖. มีการนิเทศภายในสถานศึกษาอย่างเป็นระบบ โดยใช้วิธีการนิเทศที่หลากหลาย และนำผลการนิเทศไปใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาการเรียน

การอภิปรายผล

จากการศึกษาการพัฒนาทักษะการอ่านภาษาไทยมาตราแม่ ก กา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑/๑ โดยใช้สื่อประสมคำเพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่านแม่ก กา ของชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑/๑ สามารถอภิปรายได้ดังนี้

ความสามารถในการแก้ปัญหาการอ่านประสมคำเพื่อพัฒนาการอ่านในแม่ ก กา ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑/๑ พบว่า นักเรียนมีทักษะการอ่านประสมคำในแม่ ก กา ดีขึ้น นักเรียนมีทักษะการเขียนที่ดีขึ้น นักเรียนมีทักษะที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศภาษาไทยตามเกณฑ์ของ สพฐ. และนักเรียนมีทักษะที่ดีในการใช้ภาษาไทยในการอ่านและการเขียน โดยมีความรู้ความเข้าใจในความหมายของคำ พยัญชนะ สระ ตัวสะกด วรรณยุกต์ อ่านการแจกลูกสะกดคำ เพื่อให้นักเรียนมีความมั่นใจในการเรียนมากยิ่งขึ้น นักเรียนมีความกล้าแสดงออกมากขึ้น นักเรียนมีคุณธรรมจริยธรรมที่ดี สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาต่อยอดนวัตกรรม

ในการปฏิบัติแต่ละครั้งควรมีการยืดหยุ่นเวลา เพราะนักเรียนแต่ละคนมีศักยภาพในการเรียนรู้ต่างกัน ใช้นวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอนอย่างสม่ำเสมอก็จะทำให้นักเรียนมีพัฒนาการอ่านที่ดีขึ้น การที่จะฝึกให้นักเรียนอ่านสะกดคำได้นั้น ควรให้นักเรียนฝึกเป็นรายบุคคลและครูคอยเป็นผู้ ชี้แนะ เมื่อนักเรียนอ่านไม่ได้

ผลกระทบ (Outcome)ของการนำนวัตกรรมไปใช้

นักเรียนมีความสนใจในการเรียนจากสื่อสื่อประสมคำเพื่อพัฒนาทักษะด้านการอ่านแม่ก กา ของชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑/๑ และมีความกล้าแสดงออก และมีความสามัคคี จากการทำงานเป็นกลุ่ม

โพสต์โดย ธนพร แสงปราช : [2 ก.ค. 2565 เวลา 18:49 น.]
อ่าน [3826] ไอพี : 171.4.250.79
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 39,810 ครั้ง
คำน่ารู้ในการสมัครงาน
คำน่ารู้ในการสมัครงาน

เปิดอ่าน 15,126 ครั้ง
ระบบสุริยะอาจสูญสลาย! เมื่อนักดาราศาสตร์พบปรากฏการณ์ "ดาวมรณะ" กลืนดาวบริวาร
ระบบสุริยะอาจสูญสลาย! เมื่อนักดาราศาสตร์พบปรากฏการณ์ "ดาวมรณะ" กลืนดาวบริวาร

เปิดอ่าน 10,515 ครั้ง
รถชนประวัติการณ์ 100 คัน ที่เท็กซัส
รถชนประวัติการณ์ 100 คัน ที่เท็กซัส

เปิดอ่าน 21,875 ครั้ง
เมื่อเทคโนโลยีล้างสมองเด็ก อะไรจะเกิดขึ้น?
เมื่อเทคโนโลยีล้างสมองเด็ก อะไรจะเกิดขึ้น?

เปิดอ่าน 13,298 ครั้ง
ย่านางแดง พืชน่าสนใจ มีสรรพคุณอย่างไรบ้าง
ย่านางแดง พืชน่าสนใจ มีสรรพคุณอย่างไรบ้าง

เปิดอ่าน 79,423 ครั้ง
ความน่าจะเป็น
ความน่าจะเป็น

เปิดอ่าน 16,556 ครั้ง
รู้ไหมว่า..น้ำพริกตาแดง...ต้านมะเร็งได้
รู้ไหมว่า..น้ำพริกตาแดง...ต้านมะเร็งได้

เปิดอ่าน 14,506 ครั้ง
ไม่อยากให้ตู้เย็นเหม็น ต้องทำอย่างไร
ไม่อยากให้ตู้เย็นเหม็น ต้องทำอย่างไร

เปิดอ่าน 15,685 ครั้ง
เสียงสะท้อนจากเยาวชน ต่อนโยบายลดเวลาเรียน
เสียงสะท้อนจากเยาวชน ต่อนโยบายลดเวลาเรียน

เปิดอ่าน 24,058 ครั้ง
"ว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน" กับความเชื่อทางสังคม
"ว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน" กับความเชื่อทางสังคม

เปิดอ่าน 19,694 ครั้ง
ว28/2555 การปรับปรุงมาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ว28/2555 การปรับปรุงมาตรฐานตำแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

เปิดอ่าน 4,548 ครั้ง
วิธีใช้ "เขียง" ให้ปลอดภัย
วิธีใช้ "เขียง" ให้ปลอดภัย

เปิดอ่าน 76,354 ครั้ง
พื้นที่ของรูปหลายเหลี่ยม
พื้นที่ของรูปหลายเหลี่ยม

เปิดอ่าน 8,973 ครั้ง
ตำนานสงกรานต์
ตำนานสงกรานต์

เปิดอ่าน 14,605 ครั้ง
7 อาหารอร่อยช่วยเยียวยา
7 อาหารอร่อยช่วยเยียวยา

เปิดอ่าน 8,416 ครั้ง
วิตามินไม่ป้องกันโรคหัวใจ คนทั่วโลกเป็นล้านหลงกินกันมานมนาน
วิตามินไม่ป้องกันโรคหัวใจ คนทั่วโลกเป็นล้านหลงกินกันมานมนาน
เปิดอ่าน 16,302 ครั้ง
ยอดวิวเยอะมาก รายการ "ดูให้รู้ ตอน คุณครูฮาร์ดคอร์"
ยอดวิวเยอะมาก รายการ "ดูให้รู้ ตอน คุณครูฮาร์ดคอร์"
เปิดอ่าน 7,820 ครั้ง
รื้อระบบ - แก้ยกแผงดันมหาวิทยาลัยไทยสู่ระดับโลก
รื้อระบบ - แก้ยกแผงดันมหาวิทยาลัยไทยสู่ระดับโลก
เปิดอ่าน 6,526 ครั้ง
ประวัติความน่าจะเป็น
ประวัติความน่าจะเป็น
เปิดอ่าน 16,551 ครั้ง
ไม่น่าเชื่อ! คลิปอาคารโรงเรียนบ้านพะเด๊ะ อ.แม่สอด จ.ตาก พังถล่มทั้งหลัง
ไม่น่าเชื่อ! คลิปอาคารโรงเรียนบ้านพะเด๊ะ อ.แม่สอด จ.ตาก พังถล่มทั้งหลัง

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ