|
|
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะของครูในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษา 2) เพื่อพัฒนาเทคนิคการนิเทศการเรียนการสอนของครูในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษา โดยใช้กระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) AIPDE Model ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) 3) เพื่อประเมินแผนการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษาโครงการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของครูที่มีต่อการใช้แนวทางการนิเทศการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยศึกษาจากกลุ่มเป้าหมาย คือ ครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษาในโครงการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จำนวน 20 โรงเรียน ครูผู้สอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จำนวน 20 คน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 ปีการศึกษา 2564 ดำเนินการศึกษาการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยใช้กระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) AIPDE Model ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) โดยผู้ศึกษาได้นำแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษากระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) AIPDE Model ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) ซึ่งกระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) AIPDE Model มีขั้นตอน 5 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 การประเมินสภาพและสมรรถนะในการทำงาน (Assessing : A) ขั้นที่ 2 การให้ความรู้ก่อนการนิเทศ (Information : I) ขั้นที่ 3 การวางแผนการนิเทศ (Planning : P) ขั้นที่ 4 การปฏิบัติการนิเทศ (Doing : D) ประกอบด้วยขั้นที่ 5 การประเมินผลการนิเทศ (Evaluating : E) และและการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) มีขั้นตอน 3 ขั้นตอน คือ ขั้นก่อนการชี้แนะ ขั้นการนิเทศแบบชี้แนะ และขั้นสรุปผล การนิเทศแบบชี้แนะ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยสองส่วน คือ เครื่องมือที่ใช้ในการนิเทศ ได้แก่ แนวทางการนิเทศการเรียนการสอนครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษา โดยใช้โดยใช้กระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) AIPDE Model ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) และเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจก่อนและหลังการอบรมเชิงปฏิบัติการครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาโครงการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา แบบสังเกตการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษา แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษาโครงการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 แบบสอบถามความพึงพอใจของครูต่อกระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) AIPDE Model ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความยากง่ายค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น การหาค่าเฉลี่ย และการหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ผลการศึกษา
การศึกษาผลการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยใช้กระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) AIPDE Model ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) มีดังนี้
1. ผลคะแนนการทดสอบความรู้ความเข้าใจก่อนและหลังการอบรมเชิงปฏิบัติการครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาโครงการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษาของครู พบว่า คะแนนทดสอบก่อนการอบรมมีค่าเฉลี่ย (μ = 12.15) และคะแนนทดสอบหลังการอบรมมีค่าเฉลี่ย (μ = 23.75) เมื่อพิจารณาค่าความก้าวหน้า พบว่า เพิ่มขึ้น 11.60 และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังการอบรม พบว่า คะแนนหลังการอบรมสูงกว่าก่อนอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
2. ผลการพัฒนาเทคนิคการนิเทศการเรียนการสอนของครูในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษา โดยใช้กระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) AIPDE Model ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) จากแบบสังเกตการจัด การเรียนการสอนของครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษา โดยรวมทุกด้านมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.58 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.56 ผลการประเมินคุณภาพของแผน การจัดการเรียนการสอนอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยระดับคุณภาพ มากที่สุด อยู่ 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ขั้นเตรียมการจัดการเรียนการสอน (μ = 4.90) ด้านที่ 3 ขั้นจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนการสอน (μ = 4.50) และด้านที่ 4 ขั้นการวัดผลและประเมินผล (μ = 4.61) ส่วนด้านที่ 2 ขั้นจัดกระบวนการเรียนการสอน (μ = 4.49) ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับ มาก
3. ผลการประเมินแผนการจัดการเรียนการสอนของครูจากแบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษาโครงการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยรวมมีค่าเฉลี่ยระดับคุณภาพ เท่ากับ 4.63 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.49 อยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้านข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยระดับคุณภาพอยู่ในระดับ มากที่สุด คือ มีการวิเคราะห์ตัวชี้วัดชั้นปี/ช่วงชั้น/ผลการเรียนรู้ ครอบคลุมสาระการเรียนรู้ทั้ง 3 ด้าน ( K P A )
(μ = 5.00) แผนการจัดการเรียนรู้สอดคล้องสัมพันธ์กับหน่วยการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ (μ = 4.70) แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญครบถ้วนตามที่กำหนด (μ = 4.70) มีหลักฐานสื่อ อาทิ ใบกิจกรรม ใบความรู้ เครื่องมือวัดฯที่ปรากฏในแผนฯ พร้อมระบุแหล่งเรียนรู้ที่ เหมาะสม สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ (μ = 4.50) แผนการจัดการเรียนรู้มีการกำหนดชิ้นงาน/ภาระงานอย่างเหมาะสม (μ = 4.80) มีร่องรอย/หลักฐาน การวัดและประเมินผลที่สอดคล้องกับมาตรฐาน/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้อย่างเหมาะสม (μ = 4.70) และมีบันทึกหลังการจัดการเรียนรู้(ประเมินผลการใช้แผน/สรุปผลการเรียน/ปัญหาและข้อเสนอแนะ (μ = 4.75) ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยระดับคุณภาพอยู่ในระดับ มาก มีทั้งหมด 3 ข้อคือ มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีเทคนิคการสอนที่เน้นกระบวนการ Active Learning เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้และระดับชั้นของนักเรียน (μ = 4.30) กิจกรรมการเรียนรู้สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ (μ = 4.45) และนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน (μ = 4.35)
4. ผลการศึกษาความพึงพอใจของครูที่มีต่อการใช้แนวทางการนิเทศการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จากแบบสอบถามความพึงพอใจของครูต่อกระบวนการนิเทศตามแนวคิดของกลิคแมน (Glickman) AIPDE Modelผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) สำหรับโรงเรียนในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 โดยรวมทั้ง 2 ด้านมีค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจเท่ากับ 4.71 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.46 อยู่ในระดับ มากที่สุด พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยระดับคุณภาพอยู่ในระดับ มากที่สุด คือ ด้านที่ 1 การดำเนินงานกระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) AIPDE Model ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) (μ = 4.83) และด้านที่ 2 ผลการดำเนินงานกระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) AIPDE Model ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) (μ = 4.58) ตามลำดับ และเมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยระดับคุณภาพอยู่ในระดับ มากที่สุด คือ การนิเทศช่วยให้ครูสามารถเข้าใจสภาพปัญหาและความจำเป็นในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (μ = 5.00) การนิเทศทำให้ครูสามารถวางแผนการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาให้เหมาะสมกับผู้เรียนได้อย่างมีคุณภาพ (μ = 4.90) การนิเทศช่วยให้เกิดการพัฒนาความรู้ ความสามารถของครูสู่ครูมืออาชีพ (μ = 4.80) การนิเทศเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ (μ = 4.80) การนิเทศช่วยให้ครูมีความมั่นใจในการจัดการเรียนรู้ และเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเองในฐานะครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (μ = 4.65) การนิเทศส่งผลให้ครูมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเอง (μ = 4.75) การนิเทศส่งผลให้ครูมีขวัญและกำลังใจในการทำงาน (μ = 4.55) การนิเทศทำให้ครูมีความเข้าใจ วิธีการประเมินผลที่หลากหลาย และประเมินผลผู้เรียนตามสภาพจริง (μ = 4.50) และการนิเทศทำให้ครูสามารถตรวจสอบการปฏิบัติงานของตนเองได้อย่างเป็นระยะ (μ = 4.65) ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ย ระดับคุณภาพ อยู่ในระดับ มาก มีอยู่ 1 ข้อ คือ การนิเทศทำให้เกิดบรรยากาศการมีส่วนร่วมในการประเมินผลระหว่างครูกับผู้เรียน (μ = 4.45)
|
โพสต์โดย นายสุทธิพงศ์ อริยะกุล : [2 ก.ค. 2565 เวลา 14:40 น.] อ่าน [3501] ไอพี : 171.4.249.96
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 12,651 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,761 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,603 ครั้ง
| เปิดอ่าน 94,852 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,798 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,144 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,279 ครั้ง
| เปิดอ่าน 21,480 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,233 ครั้ง
| เปิดอ่าน 7,021 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,044 ครั้ง
| เปิดอ่าน 22,747 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,456 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,410 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,748 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 21,884 ครั้ง
| เปิดอ่าน 21,920 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,472 ครั้ง
| เปิดอ่าน 1,160 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,248 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|