ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

ผลการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยใช้กระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) “AIPDE Model” ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching)

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อพัฒนาความรู้และทักษะของครูในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษา 2) เพื่อพัฒนาเทคนิคการนิเทศการเรียนการสอนของครูในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษา โดยใช้กระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) “AIPDE Model” ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) 3) เพื่อประเมินแผนการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษาโครงการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของครูที่มีต่อการใช้แนวทางการนิเทศการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยศึกษาจากกลุ่มเป้าหมาย คือ ครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษาในโครงการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จำนวน 20 โรงเรียน ครูผู้สอนสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม จำนวน 20 คน สังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 ปีการศึกษา 2564 ดำเนินการศึกษาการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยใช้กระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) “AIPDE Model” ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) โดยผู้ศึกษาได้นำแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษากระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) “AIPDE Model” ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) ซึ่งกระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) “AIPDE Model” มีขั้นตอน 5 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 การประเมินสภาพและสมรรถนะในการทำงาน (Assessing : A) ขั้นที่ 2 การให้ความรู้ก่อนการนิเทศ (Information : I) ขั้นที่ 3 การวางแผนการนิเทศ (Planning : P) ขั้นที่ 4 การปฏิบัติการนิเทศ (Doing : D) ประกอบด้วยขั้นที่ 5 การประเมินผลการนิเทศ (Evaluating : E) และและการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) มีขั้นตอน 3 ขั้นตอน คือ ขั้นก่อนการชี้แนะ ขั้นการนิเทศแบบชี้แนะ และขั้นสรุปผล การนิเทศแบบชี้แนะ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วยสองส่วน คือ เครื่องมือที่ใช้ในการนิเทศ ได้แก่ แนวทางการนิเทศการเรียนการสอนครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษา โดยใช้โดยใช้กระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) “AIPDE Model” ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) และเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบความรู้ความเข้าใจก่อนและหลังการอบรมเชิงปฏิบัติการครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาโครงการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา แบบสังเกตการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษา แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษาโครงการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 แบบสอบถามความพึงพอใจของครูต่อกระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) “AIPDE Model” ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความยากง่ายค่าอำนาจจำแนก ค่าความเชื่อมั่น การหาค่าเฉลี่ย และการหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ผลการศึกษา

การศึกษาผลการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยใช้กระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) “AIPDE Model” ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) มีดังนี้

1. ผลคะแนนการทดสอบความรู้ความเข้าใจก่อนและหลังการอบรมเชิงปฏิบัติการครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาโครงการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษาของครู พบว่า คะแนนทดสอบก่อนการอบรมมีค่าเฉลี่ย (μ = 12.15) และคะแนนทดสอบหลังการอบรมมีค่าเฉลี่ย (μ = 23.75) เมื่อพิจารณาค่าความก้าวหน้า พบว่า เพิ่มขึ้น 11.60 และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังการอบรม พบว่า คะแนนหลังการอบรมสูงกว่าก่อนอบรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

2. ผลการพัฒนาเทคนิคการนิเทศการเรียนการสอนของครูในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษา โดยใช้กระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) “AIPDE Model” ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) จากแบบสังเกตการจัด การเรียนการสอนของครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษา โดยรวมทุกด้านมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.58 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.56 ผลการประเมินคุณภาพของแผน การจัดการเรียนการสอนอยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยระดับคุณภาพ มากที่สุด อยู่ 3 ด้าน คือ ด้านที่ 1 ขั้นเตรียมการจัดการเรียนการสอน (μ = 4.90) ด้านที่ 3 ขั้นจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนการสอน (μ = 4.50) และด้านที่ 4 ขั้นการวัดผลและประเมินผล (μ = 4.61) ส่วนด้านที่ 2 ขั้นจัดกระบวนการเรียนการสอน (μ = 4.49) ซึ่งมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับ มาก

3. ผลการประเมินแผนการจัดการเรียนการสอนของครูจากแบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ระดับประถมศึกษาโครงการหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยรวมมีค่าเฉลี่ยระดับคุณภาพ เท่ากับ 4.63 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.49 อยู่ในระดับ มากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้านข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยระดับคุณภาพอยู่ในระดับ มากที่สุด คือ มีการวิเคราะห์ตัวชี้วัดชั้นปี/ช่วงชั้น/ผลการเรียนรู้ ครอบคลุมสาระการเรียนรู้ทั้ง 3 ด้าน ( K P A )

(μ = 5.00) แผนการจัดการเรียนรู้สอดคล้องสัมพันธ์กับหน่วยการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ (μ = 4.70) แผนการจัดการเรียนรู้มีองค์ประกอบสำคัญครบถ้วนตามที่กำหนด (μ = 4.70) มีหลักฐานสื่อ อาทิ ใบกิจกรรม ใบความรู้ เครื่องมือวัดฯที่ปรากฏในแผนฯ พร้อมระบุแหล่งเรียนรู้ที่ เหมาะสม สอดคล้องกับสาระการเรียนรู้และกิจกรรมการเรียนรู้ (μ = 4.50) แผนการจัดการเรียนรู้มีการกำหนดชิ้นงาน/ภาระงานอย่างเหมาะสม (μ = 4.80) มีร่องรอย/หลักฐาน การวัดและประเมินผลที่สอดคล้องกับมาตรฐาน/ตัวชี้วัด/ผลการเรียนรู้อย่างเหมาะสม (μ = 4.70) และมีบันทึกหลังการจัดการเรียนรู้(ประเมินผลการใช้แผน/สรุปผลการเรียน/ปัญหาและข้อเสนอแนะ (μ = 4.75) ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยระดับคุณภาพอยู่ในระดับ มาก มีทั้งหมด 3 ข้อคือ มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย มีเทคนิคการสอนที่เน้นกระบวนการ Active Learning เหมาะสมกับสาระการเรียนรู้และระดับชั้นของนักเรียน (μ = 4.30) กิจกรรมการเรียนรู้สอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ (μ = 4.45) และนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน (μ = 4.35)

4. ผลการศึกษาความพึงพอใจของครูที่มีต่อการใช้แนวทางการนิเทศการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา จากแบบสอบถามความพึงพอใจของครูต่อกระบวนการนิเทศตามแนวคิดของกลิคแมน (Glickman) “AIPDE Model”ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) สำหรับโรงเรียนในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 4 โดยรวมทั้ง 2 ด้านมีค่าเฉลี่ยระดับความพึงพอใจเท่ากับ 4.71 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.46 อยู่ในระดับ มากที่สุด พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยระดับคุณภาพอยู่ในระดับ มากที่สุด คือ ด้านที่ 1 การดำเนินงานกระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) “AIPDE Model” ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) (μ = 4.83) และด้านที่ 2 ผลการดำเนินงานกระบวนการนิเทศตามแนวคิดของ กลิคแมน (Glickman) “AIPDE Model” ผสานเทคนิคการนิเทศแบบชี้แนะ (Coaching) (μ = 4.58) ตามลำดับ และเมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า ข้อที่มีค่าเฉลี่ยระดับคุณภาพอยู่ในระดับ มากที่สุด คือ การนิเทศช่วยให้ครูสามารถเข้าใจสภาพปัญหาและความจำเป็นในการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (μ = 5.00) การนิเทศทำให้ครูสามารถวางแผนการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาให้เหมาะสมกับผู้เรียนได้อย่างมีคุณภาพ (μ = 4.90) การนิเทศช่วยให้เกิดการพัฒนาความรู้ ความสามารถของครูสู่ครูมืออาชีพ (μ = 4.80) การนิเทศเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานร่วมกันระหว่างผู้นิเทศกับผู้รับการนิเทศ (μ = 4.80) การนิเทศช่วยให้ครูมีความมั่นใจในการจัดการเรียนรู้ และเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเองในฐานะครูผู้สอนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (μ = 4.65) การนิเทศส่งผลให้ครูมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเอง (μ = 4.75) การนิเทศส่งผลให้ครูมีขวัญและกำลังใจในการทำงาน (μ = 4.55) การนิเทศทำให้ครูมีความเข้าใจ วิธีการประเมินผลที่หลากหลาย และประเมินผลผู้เรียนตามสภาพจริง (μ = 4.50) และการนิเทศทำให้ครูสามารถตรวจสอบการปฏิบัติงานของตนเองได้อย่างเป็นระยะ (μ = 4.65) ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ย ระดับคุณภาพ อยู่ในระดับ มาก มีอยู่ 1 ข้อ คือ การนิเทศทำให้เกิดบรรยากาศการมีส่วนร่วมในการประเมินผลระหว่างครูกับผู้เรียน (μ = 4.45)

โพสต์โดย นายสุทธิพงศ์ อริยะกุล : [2 ก.ค. 2565 เวลา 14:40 น.]
อ่าน [64906] ไอพี : 171.4.249.96
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 19,813 ครั้ง
การอ่านและเขียนสะกดคำที่มี a เป็นสระเดี่ยวในคำ
การอ่านและเขียนสะกดคำที่มี a เป็นสระเดี่ยวในคำ

เปิดอ่าน 15,146 ครั้ง
ไส้เดือนดิน
ไส้เดือนดิน

เปิดอ่าน 13,302 ครั้ง
ซดชา 3 ถ้วยช่วยต้านมะเร็ง ป้องกันโรคเนื้อร้ายของรังไข่สตรีได้
ซดชา 3 ถ้วยช่วยต้านมะเร็ง ป้องกันโรคเนื้อร้ายของรังไข่สตรีได้

เปิดอ่าน 534 ครั้ง
เทคนิคยกกระชับผิวด้วยโปรแกรม J Plasma ฟื้นฟูผิวเฟิร์มจากภายใน
เทคนิคยกกระชับผิวด้วยโปรแกรม J Plasma ฟื้นฟูผิวเฟิร์มจากภายใน

เปิดอ่าน 922 ครั้ง
เลือกปิ่นโตญี่ปุ่นอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน !
เลือกปิ่นโตญี่ปุ่นอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน !

เปิดอ่าน 14,800 ครั้ง
ขั้วโลกเหนือจะหมดสิ้นทะเลน้ำแข็ง ใน 20-30 ปีหน้า
ขั้วโลกเหนือจะหมดสิ้นทะเลน้ำแข็ง ใน 20-30 ปีหน้า

เปิดอ่าน 10,339 ครั้ง
"พันธุกรรม"ทำให้ คนลดน้ำหนักได้ไม่เท่ากัน
"พันธุกรรม"ทำให้ คนลดน้ำหนักได้ไม่เท่ากัน

เปิดอ่าน 21,169 ครั้ง
หยุดผมร่วงด้วยบรั่นดี
หยุดผมร่วงด้วยบรั่นดี

เปิดอ่าน 14,125 ครั้ง
คู่มือกระตุ้นจินตนาการครูและผู้ปกครองโหลดฟรี
คู่มือกระตุ้นจินตนาการครูและผู้ปกครองโหลดฟรี

เปิดอ่าน 14,093 ครั้ง
3 ปัจจัย ให้ได้งานเมื่อเรียนจบ
3 ปัจจัย ให้ได้งานเมื่อเรียนจบ

เปิดอ่าน 22,871 ครั้ง
การพัฒนาการศึกษาภายใต้กรอบประเทศไทย 4.0 สู่ศตวรรษที่ 21
การพัฒนาการศึกษาภายใต้กรอบประเทศไทย 4.0 สู่ศตวรรษที่ 21

เปิดอ่าน 25,302 ครั้ง
สิงคโปร์รณรงค์เลิกบ้าคะแนนสอบ ปรามพ่อแม่อย่ากดดันลูก
สิงคโปร์รณรงค์เลิกบ้าคะแนนสอบ ปรามพ่อแม่อย่ากดดันลูก

เปิดอ่าน 35,164 ครั้ง
แบบคำขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
แบบคำขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

เปิดอ่าน 10,342 ครั้ง
ลดความอ้วนด้วยตะเกียบ ช่วยถ่วงให้กินได้ช้าลงและคำเล็กลง
ลดความอ้วนด้วยตะเกียบ ช่วยถ่วงให้กินได้ช้าลงและคำเล็กลง

เปิดอ่าน 13,337 ครั้ง
ตับของเธอ สบายดีไหม?
ตับของเธอ สบายดีไหม?

เปิดอ่าน 12,536 ครั้ง
คุณแม่มือใหม่ดูเลย ที่ญี่ปุ่นมีโรงเรียนสอนแม่เลี้ยงลูก (รายการ ดูให้รู้)
คุณแม่มือใหม่ดูเลย ที่ญี่ปุ่นมีโรงเรียนสอนแม่เลี้ยงลูก (รายการ ดูให้รู้)
เปิดอ่าน 4,909 ครั้ง
กรมอนามัย แนะมีนมจืดติดบ้าน กระตุ้นวัยเรียน วัยรุ่น ดื่มนมเพิ่มความสูง
กรมอนามัย แนะมีนมจืดติดบ้าน กระตุ้นวัยเรียน วัยรุ่น ดื่มนมเพิ่มความสูง
เปิดอ่าน 15,996 ครั้ง
หากท่านต้องยกกล่องหนักๆ ลองวิธีนี้ดูสิ จะช่วยให้เบากว่าเดิม
หากท่านต้องยกกล่องหนักๆ ลองวิธีนี้ดูสิ จะช่วยให้เบากว่าเดิม
เปิดอ่าน 11,954 ครั้ง
ปวดตึงที่คอและไหล่ อย่าคิดว่ามันเรื่องเล็ก
ปวดตึงที่คอและไหล่ อย่าคิดว่ามันเรื่องเล็ก
เปิดอ่าน 49,743 ครั้ง
กฎสามส่วน (Rule of Third)
กฎสามส่วน (Rule of Third)

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ