สรุปผลการวิจัย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มีการพัฒนาทักษะในการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทยที่ดีขึ้นสังเกตจากการผลวิเคราะห์ในตาราง ก่อนการใช้แบบทดสอบการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทย และหลังการใช้แบบทดสอบการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทย มีการพัฒนาขึ้น ร้อยละ ๔๐
อภิปรายผลการวิจัย
ผลจากการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ เป็นการพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ สามารถอภิปรายผลได้ดังนี้
ผลการเปรียบเทียบการฝึกทักษะการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทย ของจากกลุ่มเป้าหมาย
ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ พบว่า นักเรียนมีการพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทย ที่
ดีขึ้น จากคะแนนก่อนใช้แบบทดสอบการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทย ค่าเฉลี่ยเป็น ๒.๓๓ คะแนน
คิดเป็นร้อยละ ๔๖.๖ และคะแนนหลังใช้แบบทดสอบมีค่าเฉลี่ยเป็น ๔.๓๓ คะแนน คิดเป็นร้อยละ
๘๖.๖ ซึ่งเป็นตามผลที่คาดหวังไว้ จากการสังเกตพบว่า นักเรียนที่ได้รับการพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทย นักเรียนมีทักษะการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทยได้ดีขึ้น นักเรียนสามารถนำทักษะการอ่านที่ดีขึ้นนี้ไปใช้กับการอ่านเพื่อศึกษาในวิชาอื่น ๆ ได้
ดังนั้น การพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทย เป็นวิธีที่ช่วยในนักเรียนอ่านออกเสียงได้ดีขึ้น และมีผลการพัฒนาการเรียนในรายวิชาภาษาไทยดีขึ้น รวมทั้งยังสามารถนำไปบูรณาการในรายวิชาอื่น ๆ ได้
ข้อเสนอแนะ
๑. ข้อเสนอแนะทั่วไป
ครูผู้สอนควรพัฒนาแบบทดสอบการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทย ให้มีคำศัพท์ยากและมีเนื้อที่ยาวกว่าเดิม เพื่อที่จะได้ให้นักเรียนพัฒนาทักษะและมีการฝึกฝนเพิ่มมากขึ้น
๒. ข้อเสนอแนะในการศึกษาครั้งต่อไป
๒.๑ ควรพัฒนาแบบทดสอบการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
๒.๒ ใช้แบบทดสอบการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทย กับห้องอื่น ๆ และในระดับชั้นอื่น ๆ ที่เรียนวิชาภาษาไทย เพื่อพัฒนาทักษะการอ่านออกเสียงคำในภาษาไทยให้ดียิ่งขึ้น
๒.๓ ควรใช้ระยะเวลาที่เหมาะสมในการฝึกทักษะ เพื่อให้ได้ผลและประสิทธิภาพที่ดี