ในการศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อศึกษาคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และคุณลักษณะตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของประชาชนอำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ 2) การพัฒนารูปแบบ Sufficiency Model เพื่อสร้างคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของประชาชนอำเภอเมืองบึงกาฬ 3) เพื่อเปรียบเทียบการใช้รูปแบบ Sufficiency Model เพื่อสร้างคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของประชาชนอำเภอเมืองบึงกาฬ 4) ประเมินความเหมาะสม ความเป็นไปได้และความมีประโยชน์ ตามความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีต่อรูปแบบ Sufficiency Model เพื่อสร้างคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมีสมมติฐานการวิจัย คือ 1) ปัจจัยเชิงเหตุ คือ กิจกรรมตามรูปแบบ Sufficiency Model มีความสัมพันธ์กับปัจจัยเชิงผล คือ คุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และคุณลักษณะตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 2) คุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของผู้เรียนและผู้ใช้บริการ จากการใช้รูปแบบ Sufficiency Model ก่อน-หลังมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 3) ความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิต่อความเหมาะสม ความเป็นไปได้และความมีประโยชน์ของรูปแบบ Sufficiency Model เพื่อสร้างคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด การวิจัยครั้งนี้แบ่งเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การวิจัย 1- Research1: การศึกษาสภาพและระดับคุณลักษณะ ระยะที่ 2 การพัฒนา 1- Development1: การร่างรูปแบบสร้างคุณลักษณะ ระยะที่ 3 การวิจัย 2- Research2: การทดลองใช้รูปแบบ ระยะที่ 4 การพัฒนา 2- Development2: การยืนยันรูปแบบ ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ ประชาชนอำเภอเมืองบึงกาฬ จำนวน 385 คน การกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางเครซี่และมอร์แกน และใช้การเลือกแบบแบ่งชั้น และการสุ่มอย่างง่าย ประชาชนอำเภอเมืองบึงกาฬที่เป็นผู้เรียนและผู้ใช้บริการ กศน.อำเภอเมืองบึงกาฬ จำนวน 105 คน การกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้เกณฑ์ร้อยละ 10 เมื่อประชากรมีจำนวนหลักหมื่น และใช้การเลือกแบบการสุ่มอย่างง่าย และผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 23 คน ใช้การเลือกแบบเจาะจงตามเกณฑ์ที่ผู้วิจัยกำหนด เครื่องมือที่ใช้ คือ แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม แบบบันทึกการระดมสมอง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าทดสอบความสัมพันธ์
ผลการศึกษา พบว่า
ระยะที่ 1 การวิจัย 1- Research1: การศึกษาสภาพและระดับคุณลักษณะ
การวิจัยเอกสาร (Document Research) ที่เกี่ยวกับคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และคุณลักษณะตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พบว่ามีคุณลักษณะร่วมกันอย่างเด่นชัด 11 คุณลักษณะ คือ 1) ความสามัคคี 2) ครอบครัว 3) การใช้สื่อออนไลน์ 4) การดูแลสุขภาพ 5) ความสะอาด 6) เตรียมความพร้อม 7) ความพอประมาณ 8) ความมีเหตุมีผล 9) ความรู้ 10) มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี 11) คุณธรรม เมื่อศึกษาสภาพของคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และคุณลักษณะตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ของประชาชนอำเภอเมืองบึงกาฬ
โดยรวมอยู่ในระดับมาก รายด้านที่มีค่าเฉลี่ยเรียงจากมากไปหาน้อย 3 ลำดับแรก ด้าน N-Niceness: คุณธรรม ความดีงาม ด้าน C-Clean: ความสะอาด ด้าน Y-Yare: เตรียมความพร้อม ตามลำดับ
ระยะที่ 2 การพัฒนา 1- Development1: การร่างรูปแบบสร้างคุณลักษณะ
ผู้วิจัยแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ 1) การสัมภาษณ์เชิงลึกผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มีการยืนยันตามกรอบ 11 คุณลักษณะ และ 2) การระดมสมองครู/บุคลากรและวิทยากรสอนเสริม กศน.อำเภอเมืองบึงกาฬ ได้แนวทางการจัดกิจกรรม 22 กิจกรรม และกำหนดชื่อรูปแบบที่ใช้คุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และคุณลักษณะตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ว่า Sufficiency Model
ระยะที่ 3 การวิจัย 2- Research2: การทดลองใช้รูปแบบ
ผู้วิจัยแบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ 1) จัดกิจกรรมทั้ง 22 กิจกรรมให้กับผู้เรียน/ผู้ใช้บริการ เป็นการทดลองใช้รูปแบบ Sufficiency Model แล้วทำการวัดระดับคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และคุณลักษณะตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เปรียบเทียบก่อน-หลังการเข้าร่วมกิจกรรม พบว่า ผู้เรียนและผู้ใช้บริการมีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยมีค่าเฉลี่ยความคิดเห็นก่อนเข้าร่วมกิจกรรม เท่ากับ 2.46 ส่วนหลังเข้าร่วมกิจกรรมมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.47 เมื่อนำเอาค่าเฉลี่ยมาเปรียบเทียบ พบว่า ผู้เรียนและผู้ใช้บริการมีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลังเข้าร่วมกิจกรรม สูงกว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรม ที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ .05 จากการวิเคราะห์หาค่าสัมประสิทธิ์การถดถอย ของตัวแปรในรูปแบบความสัมพันธ์เชิงเส้นของปัจจัยเชิงเหตุที่ส่งผลต่อคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และคุณลักษณะตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของผู้เรียนและผู้ใช้บริการ ตามตัวแบบสุดท้าย แสดงให้เห็นว่ารูปแบบ Sufficiency Model ประกอบไปด้วย 5 รูปแบบกิจกรรม ซึ่งประกอบด้วย 9 กิจกรรม ที่ส่งผลต่อการสร้างคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และคุณลักษณะตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 2) การระดมสมองครู/บุคลากรและวิทยากรสอนเสริม กศน.อำเภอเมืองบึงกาฬ เมื่อนำรูปแบบ Sufficiency Model ประกอบไปด้วย 5 รูปแบบกิจกรรม ซึ่งประกอบด้วย 9 กิจกรรม มาระดมสมองครู/บุคลากรและวิทยากรสอนเสริม กศน.อำเภอเมืองบึงกาฬ
ในส่วนรูปแบบกิจกรรมสำคัญที่ควรเสริมให้ คือ คุณลักษณะความพอประมาณ และความมีเหตุมีผล ที่มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้าย และให้เน้นการจัดกิจกรรมสร้างคุณลักษณะ คือ 1) กิจกรรมชุมชนร่วมใจ สานสายใยตามรอยพ่อ 2) กิจกรรมขยายผลเกษตรธรรมชาติ 3) กิจกรรมการเรียนรู้ศาสตร์พระราชา
สู่โคกหนองนาโมเดล และ 4) กิจกรรมสร้างคุณภาพชีวิตเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ระยะที่ 4 การพัฒนา 2- Development2: การยืนยันรูปแบบ
ผู้วิจัยได้แบ่งออกเป็น 2 ตอน คือ 1) สอบถามเพื่อยืนยันความคิดเห็นของผู้ทรงคุณวุฒิ ถึงความเหมาะสม ความเป็นไปได้และความมีประโยชน์ ของรูปแบบ Sufficiency Model เพื่อสร้างคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พบว่า ผู้ทรงคุณวุฒิมีความคิดเห็นต่อความเหมาะสม ความเป็นไปได้และความมีประโยชน์ของรูปแบบ Sufficiency Model เพื่อสร้างคุณลักษณะตามแนววิถีใหม่ (New Normal) และคุณลักษณะตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งโดยภาพรวม จำแนกเป็นรายด้าน และจำแนกเป็นรายข้อ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากถึงมากที่สุด 2) มีการนำเสนอและเผยแพร่ผลการวิจัยและการศึกษาดูงาน