|
|
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง รูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรงเรียนสาธิตฯ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรงเรียนสาธิตฯ การดำเนินการวิจัยแบ่งเป็น 4 ตอน คือ ตอนที่ 1 การศึกษาปัญหาและแนวทางการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตอนที่ 2 การสร้างรูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรงเรียนสาธิตฯ ตอนที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรงเรียนสาธิตฯ และตอนที่ 4 การประเมินความเป็นประโยชน์และความเป็นไปได้ในการนำรูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรงเรียนสาธิตฯ ไปใช้ แหล่งข้อมูลประกอบด้วย ผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 40 คน ครูผู้สอน จำนวน 80 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 40 คน และผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 40 คน ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 และเขต 2 ผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อการสัมภาษณ์ จำนวน 7 คน ผู้ทรงคุณวุฒิในการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) จำนวน 9 คน ผู้เชี่ยวชาญในการประชุมสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) จำนวน 9 คน ครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียนสาธิตฯ 28 คน กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน 13 คน ประธานเครือข่ายผู้ปกครองประจำห้องเรียน 16 คน และตัวแทนกรรมการสภานักเรียน 6 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสอบถามปัญหาการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สัมภาษณ์แนวทางในการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) การประชุมสนทนากลุ่ม (Focus Group Discussion) สอบถามความคิดเห็นโดยแบบสอบถาม และการประชุมรับฟังความคิดเห็นประกอบการประเมินรูปแบบ การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้วิธีการหาค่าเฉลี่ย (Mean) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัย
1. ผลการศึกษาปัญหาและแนวทางการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พบว่า 1) การบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มีปัญหาอยู่ในระดับมาก โดย ด้านปัจจัยนำเข้า (Input) มีปัญหาสูงที่สุด รองลงมาได้แก่ ด้านกระบวนการ (Process) ทั้งสองด้านมีปัญหาอยู่ในระดับมาก ส่วนด้านผลผลิต (Output) มีปัญหาต่ำที่สุด โดยมีปัญหาอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาในด้านปัจจัยนำเข้า (Input) พบว่า ทุกรายการมีปัญหาอยู่ในระดับมาก โดยรายการที่มีปัญหาสูงที่สุด ได้แก่ วัสดุ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา และด้านกระบวนการ (Process) พบว่า ทุกรายการมีปัญหาอยู่ในระดับมาก โดยรายการที่มีปัญหาสูงที่สุด ได้แก่ การดำเนินงาน (Doing) ส่วนด้านผลผลิต (Output) นั้น พบว่า รายการที่มีปัญหาสูงที่สุด ได้แก่ ผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนไม่เป็นไปตามเป้าหมายหรือความคาดหวังของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งอยู่ในระดับมาก 2) ผลการศึกษาแนวทางการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พบว่า องค์ประกอบในการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มี 3 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านปัจจัยนำเข้า (Input) ประกอบด้วย ครูและบุคลากรทางการศึกษา งบประมาณ วัสดุ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา การบริหารจัดการ และนโยบาย เป้าหมาย และทิศทางการพัฒนา 2) ด้านกระบวนการ (Process) ประกอบด้วย การวางแผน (Planning) การดำเนินงาน (Doing) การตรวจสอบและประเมินผล (Checking) และ การพัฒนา ปรับปรุง (Acting) โดยในขั้นตอนการดำเนินงาน ควรมีการกำหนดกิจกรรมในขั้นการดำเนินงานเพิ่มเติม ได้แก่ การประสานความร่วมมือ การสร้างโอกาสในการเรียนรู้ การเยี่ยมเยือนเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ การพัฒนาและใช้นวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง และการกำหนดมาตรการป้องกันและสร้างความปลอดภัย และ3) ด้านผลผลิต (Output) ประกอบด้วย คุณภาพผู้เรียน คุณภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ผลงาน/รางวัลที่สถานศึกษา ครู และนักเรียนได้รับ และความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้อง
2. ผลการสร้างรูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรงเรียนสาธิตฯ พบว่า รูปแบบ ประกอบด้วยองค์ประกอบหลัก 3 ส่วน คือ องค์ประกอบที่ 1 ปัจจัยนำเข้า (Input) แบ่งเป็น 2 ด้าน ได้แก่ 1) ทิศทาง และแผนพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา และ 2) ทรัพยากรในการบริหารจัดการ องค์ประกอบที่ 2 กระบวนการ (Process) ประกอบด้วย การวางแผน (Planning) การดำเนินงาน (Doing) การตรวจสอบ (Checking) และการปรับปรุง/พัฒนา (Acting) เพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมซึ่งเป็นองค์ประกอบย่อยของกระบวนการ ดังนี้ 1) Cooperation : C = การประสานความร่วมมือ 2) Opportunity of Learning : O = การสร้างโอกาสในการเรียนรู้ 3) Visitation : V = การเยี่ยมเยือนเพื่อสร้างขวัญกำลังใจ 4) Innovation : I = การพัฒนาและใช้นวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ 5) Development : D = การพัฒนาคุณภาพผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง และ 6) Safety Prevention : S = การกำหนดมาตรการป้องกันและสร้างความปลอดภัย องค์ประกอบที่ 3 ผลผลิต (Output) ประกอบด้วย 1) ด้านคุณภาพ (Quality) และ 2) ด้านผลลัพธ์ (Outcome) ส่วนปัจจัยที่เอื้อต่อความสำเร็จ ประกอบด้วย 1) การมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และ 2) ภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรูปแบที่พัฒนาขึ้นนี้ มีความถูกต้อง และความเหมาะสม อยู่ในระดับมากที่สุด
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรงเรียนสาธิตฯ พบว่า 1) ผลการพัฒนาผู้เรียน ตามหลักสูตร ของเด็กระดับปฐมวัยมีพัฒนาการทุกด้านส่วนใหญ่อยู่ในระดับคุณภาพ 3 = ปฏิบัติได้ดี ส่วนนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา จำนวนนักเรียนที่มีผลการเรียนตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป และคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมีพัฒนาการเพิ่มขึ้น 6 รายวิชา นอกจากนี้ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน ผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ และผลการประเมินสมรรถนะสำคัญตามหลักสูตรของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา นักเรียนมีผลการประเมินผ่านทุกคน โดยส่วนใหญ่มีผลการประเมินอยู่ในระดับดีขึ้นไป ทุกรายการ 2) ผลงานรางวัลที่ได้รับ พบว่า ปีการศึกษา 2564 ในภาพรวมมีผลงาน รางวัลทั้งสิ้นจำนวน 22 รายการ 3) ผู้เกี่ยวข้องมีความพึงพอใจต่อการบริหารการจัดการเรียนรู้ของสถานศึกษา อยู่ในระดับมาก
4. ผลการประเมินความเป็นประโยชน์และความเป็นไปได้ในการนำรูปแบบการบริหารการจัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โรงเรียนสาธิตฯ ไปใช้ พบว่า รูปแบบฯ มีความเป็นประโยชน์ และความเป็นไปได้อยู่ระดับมาก
|
โพสต์โดย มีชัย พลทองมาก : [21 มิ.ย. 2565 เวลา 04:53 น.] อ่าน [3401] ไอพี : 223.207.227.163
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 90,534 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,337 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,431 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,696 ครั้ง
| เปิดอ่าน 1,488 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,972 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,762 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,725 ครั้ง
| เปิดอ่าน 28,389 ครั้ง
| เปิดอ่าน 19,170 ครั้ง
| เปิดอ่าน 35,255 ครั้ง
| เปิดอ่าน 28,247 ครั้ง
| เปิดอ่าน 90,806 ครั้ง
| เปิดอ่าน 79,715 ครั้ง
| เปิดอ่าน 28,488 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 8,468 ครั้ง
| เปิดอ่าน 109,770 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,900 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,512 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,942 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|