ชื่อเรื่อง : รายงานผลการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพโรงเรียนไทยราษฎร์คีรี
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2
ผู้ศึกษา : นายนพพล สุยะทา
ประเภทสารนิพนธ์ : ผลงานทางวิชาการ
ปีที่พิมพ์ : 2565
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการศึกษาเพื่อ 1) ศึกษาการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพ โรงเรียนไทยราษฎร์คีรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 2) เปรียบเทียบผลการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพ โรงเรียนไทยราษฎร์คีรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถม ศึกษาตาก เขต 2 จำแนกตามตัวแปรการดำเนินการและตำแหน่งในการปฏิบัติหน้าที่ประชากรที่ใช้ศึกษาครั้งนี้ได้แก่ คณะครู บุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา(ยกเว้นผู้บริหาสถานศึกษา และตัวแทนครู)นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียน ปีการศึกษา 2564 รวมทั้งสิ้น 1,370 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ได้จากการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างของเครจซี่และมอร์แกน ด้วยวิธีการสุ่มแบบเจาะจง ได้กลุ่มตัวอย่าง ดังนี้ คณะครู บุคลากรทางการศึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษาจำนวน 29 คน นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 136 คนผู้ปกครองนักเรียนจำนวน 136 คน รวมกลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น จำนวน 301 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ แบบสอบถาม
สรุปผลการศึกษา
ตอนที่ 1 ข้อมูลสถานภาพของกลุ่มตัวอย่าง
ผลการวิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพของกลุ่มตัวอย่าง ในการศึกษาค้นคว้าจำแนกตามตำแหน่งในการปฏิบัติหน้าที่ พบว่าเป็นคณะครู บุคลากรทางการศึกษาและคณะกรรมการสถานศึกษา
จำนวน 29 คน คิดเป็นร้อยละ 9.64 เป็นนักเรียนจำนวน 136 คน คิดเป็นร้อยละ 45.18 เป็น ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 136 คน คิดเป็นร้อยละ 45.18
ตอนที่ 2 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อศึกษาการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพ ของโรงเรียนไทยราษฎร์คีรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ทั้ง 3 ด้าน ตอบแบบสอบถามโดย คณะครู บุคลากรทางการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษา
ก่อนดำเนินการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพ โรงเรียนไทยราษฎร์คีรี ทั้ง 3 ด้าน ภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีระดับความคิดเห็นสูงสุด ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการ แหล่งเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีทักษะการแก้ปัญหา รองลงมา ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ ให้ผู้เรียนมีทักษะการแสวงหาความรู้ และระดับความคิดเห็นเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีทักษะการทำงาน
หลังดำเนินการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพ โรงเรียนไทยราษฎร์คีรี ทั้ง 3 ด้าน ภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีระดับความคิดเห็นสูงสุด ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ ให้ผู้เรียนมีทักษะการแสวงหาความรู้ รองลงมา ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีทักษะการทำงาน และระดับความคิดเห็นเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีทักษะการแก้ปัญหา
ตอนที่ 3 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อศึกษาการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพโรงเรียนไทยราษฎร์คีรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 ทั้ง 3 ด้าน ตอบแบบสอบถามโดย นักเรียนและผู้ปกครองนักเรียน
ก่อนดำเนินการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพ โรงเรียนไทยราษฎร์คีรี ทั้ง 3 ด้าน ภาพรวม อยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีระดับความคิดเห็นสูงสุด ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ ให้ผู้เรียนมีทักษะการทำงาน รองลงมา ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ให้ผู้เรียน มีทักษะการแสวงหาความรู้ และระดับความคิดเห็นเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีทักษะการแก้ปัญหา
หลังดำเนินการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพ โรงเรียนไทยราษฎร์คีรี ทั้ง 3 ด้าน ภาพรวม อยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ด้านที่มีระดับความคิดเห็นสูงสุด ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ให้ผู้เรียน มีทักษะการแสวงหาความรู้ รองลงมา ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ให้ผู้เรียนมีทักษะการแก้ปัญหา และระดับความคิดเห็นเฉลี่ยต่ำสุด ได้แก่ ด้านการบริหารจัดการ แหล่งเรียนรู้ให้ผู้เรียน มีทักษะการทำงาน
ตอนที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพ โรงเรียนไทยราษฎร์คีรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตาก เขต 2 จำแนกตามการดำเนินการและตำแหน่งในการปฏิบัติหน้าที่
1) ผลการเปรียบเทียบการพัฒนาการดำเนินงานการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพ โรงเรียนไทยราษฎร์คีรี จำแนกตามตัวแปรการดำเนินการ ในภาพรวมพบว่าก่อนและหลัง การพัฒนาการดำเนินงานการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพ โรงเรียนไทยราษฎร์คีรี แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อพิจารณารายด้านทั้ง 3 ด้านพบว่า แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทั้ง 3 ด้าน โดยหลังดำเนินการมีระดับความคิดเห็นสูงกว่า ก่อนดำเนินการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
2) ผลการเปรียบเทียบการพัฒนาการดำเนินงานการบริหารจัดการแหล่งเรียนรู้ด้านทักษะอาชีพ โรงเรียนไทยราษฎร์คีรี จำแนกตามตัวแปรตำแหน่งในการปฏิบัติหน้าที่ ในภาพรวมพบว่า แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า แตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ทั้ง 3 ด้าน