งานวิจัยเรื่อง การแก้ปัญหาการแต่งกลอนสุภาพ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยา โดยการใช้แบบฝึกหัดประกอบ
ผู้วิจัย นางสาวพิมพ์ใจ บรรจงพินิจ
รายวิชา ภาษาไทย
ภาคเรียนที่ 1
ปีการศึกษา 2559
บทย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการแต่งกลอนสุภาพสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง สรุปผลการศึกษาค้นคว้าได้ดังนี้
ความมุ่งหมายของการศึกษาค้นคว้า
1. เพื่อสร้างแบบและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะการแต่งกลอนสุภาพสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
2. เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการแต่งกลอนสุภาพของนักเรียนระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบทดสอบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
ความสำคัญของการศึกษา
1. ทำให้มีแบบฝึกทักษะการแต่งกลอนสุภาพสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เพื่อช่วยพัฒนาความสามารถทางการเรียนของนักเรียน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
2. เป็นแนวทางในการสร้างแบบฝึกทักษะการแต่งกลอนสุภาพ สำหรับครูผู้สอนและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน
3. เป็นการสนับสนุนให้ผู้เรียนได้รู้จักการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ
วิธีการดำเนินการศึกษาค้นคว้า
การดำเนินการศึกษาค้นคว้า ผู้วิจัยได้ดำเนินการศึกษาค้นคว้าตามลำดับดังนี้
1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
1.1 ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยา จากสถิติข้อมูล นักเรียน ปีการศึกษา 2559 จำนวน 2 ห้องเรียน รวม 98 คน
1.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ทดลองในครั้งนี้ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนบ้านฉางกาญจนกุลวิทยา อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง จำนวน 48 คน
2. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า มีดังนี้ คือ
2.1 แบบฝึกทักษะเรื่องการแต่งกลอนสุภาพสำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น จำนวน 3 ชุด ซึ่งผ่านการทดลองใช้ การปรับปรุงแก้ไข และการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาประสิทธิภาพต่อไป
2.2 แบบทดสอบวัดความสามารถทางการเรียนแบบฝึกทักษะเรื่องการแต่งกลอนสุภาพของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีจำนวน 1 ฉบับ คือ เป็นแบบเลือกตอบ ชนิด 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ
3. การดำเนินการทดลอง
3.1 ทดสอบก่อนเรียนด้วยแบบทดสอบวัดความสามารถทางการเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
3.2 สอนนักเรียนด้วยแบบทดสอบด้วยแบบฝึกทักษะการแต่งกลอนสุภาพ
3.3 เมื่อสอนเสร็จแล้วให้นักเรียนทำแบบฝึกทักษะ
3.4 ทดสอบหลังเรียนด้วยแบบทดสอบวัดความสามารถทางการเรียน ซึ่งเป็นชุดเดียวกับแบบทดสอบก่อนเรียนที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น เพื่อวิเคราะห์ความเปลี่ยนแปลงของความสามารถทางการเรียนภายในกลุ่ม
การวิเคราะห์ข้อมูล
ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อหาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะเรื่องการแต่งกลอนสุภาพสำหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผู้วิจัยดำเนินการดังนี้
1. หาประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80 ตัวแรก ได้จาก คะแนนเฉลี่ยที่นักเรียนทำแบบฝึกหัดได้ถูกต้องร้อยละ 80
2. หาประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80 ตัวหลัง ได้จาก คะแนนเฉลี่ยที่นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน ได้ถูกต้องร้อยละ 80
สรุปผล
จากการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า
1. แบบฝึกทักษะทั้ง 3 ชุด ใช้ได้ผล นักเรียนทำแบบฝึกทักษะคะแนนผ่านครึ่งของแบบฝึกทักษะทั้ง
3 ชุด โดยได้ค่าเฉลี่ยตามลำดับแบบฝึกทักษะ ดังนี้ ชุดที่ 1 คะแนนเฉลี่ย 8.4 ชุดที่ 2 คะแนนเฉลี่ย 8.5 ชุดที่ 3 คะแนนเฉลี่ย 8.3
2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนได้ผลดังนี้
คะแนนก่อนเรียนเฉลี่ย 4.0 คิดเป็นร้อยละ 40 หลังจากได้ใช้แบบฝึกทักษะทั้ง 3 ชุดและการแต่งกลอนสุภาพ คะแนนหลังการเรียนเฉลี่ย 8.3 คิดเป็นร้อยละ 83.33 ผลออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจของผู้วิจัย
อภิปรายผล
จากการศึกษาค้นคว้า พบว่า แบบฝึกทักษะเรื่องการแต่งกลอนสุภาพสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นจำนวน 3 ชุด มีประสิทธิภาพคะแนนก่อนเรียนเฉลี่ย 4.0 คิดเป็นร้อยละ 40 หลังจากได้ใช้แบบฝึกทักษะทั้ง 3 ชุดและการแต่งกลอนสุภาพ คะแนนหลังการเรียนเฉลี่ย 8.0 คิดเป็นร้อยละ 80.0 และได้ค่าเฉลี่ยรวมจากทั้ง 3 แบบฝึกทักษะ 8.4 คิดเป็นร้อยละ 84 ซึ่งผ่านเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่กำหนดไว้
การที่แบบฝึกทักษะเรื่องการแต่งกลอนสุภาพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้นั้น อาจเนื่องมาจากเหตุผลดังต่อไปนี้
1. การสร้างแบบฝึกทักษะ ผู้วิจัยดำเนินการตามขั้นตอน คือ ศึกษาขั้นตอนอย่างมีระบบ และวิธีการที่เหมาะสม ส่งผลให้ผู้เรียนเข้าใจเนื้อหาที่เรียนและสามารถตอบสนองการเรียนรู้บรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้
2. การใช้แบบฝึกทักษะมีคำแนะนำ คำชี้แจงในใบงานอย่างละเอียดทำให้นักเรียนไม่สับสน สามารถดำเนินการตามกระบวนการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ได้
3. การใช้แบบฝึกทักษะกระตุ้นให้ผู้เรียนได้รู้พัฒนาการของตนเองตลอดเวลา ซึ่งส่งผลให้การเรียน
การสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. ช่วงเวลาในการฝึกประมาณ 40 เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
การเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างผลการทดสอบก่อนการทดลองและหลังการทดลอง พบว่า ผลการทดสอบหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างนัยสำคัญ ซึ่งเป็นผลมาจากการสร้างแบบฝึกทักษะอย่างมีระบบ ผ่านการวิเคราะห์ปัญหาในการเรียนการสอน โดยจัดลำดับเนื้อหาตามขั้นตอน มีกิจกรรมที่หลากหลาย ซึ่งผลการวิจัยครั้งนี้สอดคล้องกับงานของ สำรวย มหาราช ( 2549 )
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะในการนำชุดการสอนไปใช้
1.1 ครูภาษาไทย ควรนำแบบฝึกทักษะเรื่องการแต่งกลอนสุภาพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ไปใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนให้แพร่หลาย
1.2 การใช้แบบฝึกทักษะครูผู้สอนต้องเตรียมตัวให้พร้อมในการศึกษาการใช้แบบฝึกทักษะโดยศึกษาขั้นตอนการใช้ให้เข้าใจอย่างชัดเจน ตรวจสอบสื่อและอุปกรณ์ที่ระบุไว้ในแบบฝึกทักษะให้ครบถ้วน เพื่อให้กิจกรรมการเรียนของผู้เรียนเป็นไปตามลำดับขั้นตอนและบรรลุผลตามที่ตั้งไว้
1.3 ครูผู้สอนควรบันทึกปัญหา ข้อบกพร่อง และข้อสงสัยของนักเรียนไว้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับปรับปรุงการสอนในชุดต่อ ๆ ไป จะทำให้การใช้แบบฝึกทักษะได้ผลดีขึ้น
1.4 การเรียนการสอนที่ยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ ครูต้องคอยแนะนำเท่านั้น เพื่อที่จะให้ผู้เรียน เรียนรู้ด้วยตนเองให้ได้มากที่สุด
2. ข้อเสนอแนะสำหรับการทำวิจัยครั้งต่อไป
2.1 ควรศึกษาแบบฝึกทักษะให้เยอะและดีกว่านี้ เพื่อที่จะให้เกิดการเรียนรู้และได้แบบฝึกทักษะที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
2.2 ควรมีการศึกษาเจตคติและความพึงพอใจในการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะด้วย