ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

วิจัยในชั้นเรียน การพัฒนาใบงานแบบมีปฏิสัมพันธ์ เรื่อง การคำนวณสารละลายกรดเบส เพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในรายวิชาเคมี 3

การวิจัยเรื่อง การพัฒนาใบงานแบบมีปฏิสัมพันธ์ เรื่อง การคำนวณสารละลายกรดเบส เพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ในรายวิชาเคมี 3 ซึ่งผลการวิจัยสามารถสรุปได้ 3 ประเด็น ได้แก่ (1) สรุปผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพใบงานแบบมีปฏิสัมพันธ์ (2) สรุปผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมี และ (3) สรุปผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจต่อการใช้ใบงานแบบมีปฏิสัมพันธ์ ซึ่งสรุปผลการวิจัย อภิปราย ผลการวิจัยและข้อเสนอแนะ แต่ละประเด็นมีรายละเอียด ดังนี้

สรุปผลการวิจัย

1. สรุปผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพใบงานแบบมีปฏิสัมพันธ์

การใช้ใบงานแบบมีปฏิสัมพันธ์ เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมี เรื่อง การคำนวณสารละลายกรด ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนจักรคำคณาทร จ.ลำพูน มีค่าประสิทธิภาพของกระบวนการเท่ากับ 87.01 และค่าประสิทธิภาพของผลลัพธ์เท่ากับ 84.25 แสดงว่ามี ประสิทธิภาพเท่ากับ 87.01/84.25 เป็นไปตามเกณฑ์ที่กําหนดไว้ 80/80

2. สรุปผลการวิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมี

ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยการใช้ใบงานแบบมีปฏิสัมพันธ์ สามารถสรุปผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมี เรื่อง การคำนวณสารละลายกรด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนที่เรียนด้วยใบงานแบบมีปฏิสัมพันธ์สูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05

3. สรุปผลการวิเคราะห์ความพึงพอใจต่อการใช้ใบงานแบบมีปฏิสัมพันธ์

ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้ใบงานแบบมีปฏิสัมพันธ์ เรื่อง การคำนวณสารละลายกรดเบส ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.08 ซึ่งอยู่ในระดับพึงพอใจมาก โดยมีส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.69 และผลการวิเคราะห์ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม พบว่านักเรียนชอบทำใบงานออนไลน์ เพราะรู้ผลคะแนนได้ในทันที สามารถทำซ้ำกี่รอบก็ได้จนกว่าจะพึงพอใจในคะแนน ประเมินตนเองได้ทันทีว่าเข้าใจเนื้อหามากน้อยเพียงใด แต่นักเรียนไม่อยากให้ครูสร้างใบงานจำนวนหลายหน้า

ข้อเสนอแนะเพื่อการนําผลการวิจัยไปใช้

1. ในการสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ที่ใช้ใบงานแบบมีปฏิสัมพันธ์ ครูผู้สอน ต้องศึกษาหลักการของเกมมิฟิเคชันให้เข้าใจอย่างชัดเจน เพื่อนํามาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของผู้เรียน และเพื่อป้องกันการเกิดจุดบอดของใบงานแบบมีปฏิสัมพันธ์ ที่ผู้สอนสร้างขึ้น

2. ควรลดทอนเนื้อหาในแต่ละใบงานให้สั้นกระชับ และมีจำนวนข้อ จำนวนหน้าน้อยๆ

ข้อเสนอแนะในการทําวิจัยครั้งต่อไป

1. ตำแหน่งมุมบนซ้าย ไม่ควรใช้สีแดง เพราะทำให้มองไม่เห็นคะแนน

2. ควรนำเทคนิคการคำนวณอื่นๆมาช่วยในการออกแบบใบงานแบบมีปฏิสัมพันธ์ เช่น เทคนิคHOYA

โพสต์โดย จอย : [21 พ.ค. 2565 เวลา 16:37 น.]
อ่าน [63590] ไอพี : 124.122.19.141
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 30,428 ครั้ง
จะซื้อกล้องดิจิตอล ต้องดูอะไรบ้าง
จะซื้อกล้องดิจิตอล ต้องดูอะไรบ้าง

เปิดอ่าน 19,332 ครั้ง
"กังนัม สไตล์" ความหมายอะไรซ่อนอยู่ (ดูให้เป็นสาระ)
"กังนัม สไตล์" ความหมายอะไรซ่อนอยู่ (ดูให้เป็นสาระ)

เปิดอ่าน 11,280 ครั้ง
IE8 ครองตำแหน่งบราวเซอร์ที่มีผู้ใช้มากที่สุด
IE8 ครองตำแหน่งบราวเซอร์ที่มีผู้ใช้มากที่สุด

เปิดอ่าน 60,974 ครั้ง
ความหมายของเลขบัตรประชาชนทั้ง 13 หลัก
ความหมายของเลขบัตรประชาชนทั้ง 13 หลัก

เปิดอ่าน 56,961 ครั้ง
"โรงเรียนแบบไหนที่สร้างเด็กให้ฉลาด" โดย ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ
"โรงเรียนแบบไหนที่สร้างเด็กให้ฉลาด" โดย ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ

เปิดอ่าน 14,540 ครั้ง
เอาไงดี? ...หางานใหม่แล้วค่อยลาออก กับ ลาออกแล้วค่อยหางานใหม่ !!
เอาไงดี? ...หางานใหม่แล้วค่อยลาออก กับ ลาออกแล้วค่อยหางานใหม่ !!

เปิดอ่าน 11,571 ครั้ง
หนุ่มๆ ควรเลือกใส่สีเสื้อ สีไหนดี?
หนุ่มๆ ควรเลือกใส่สีเสื้อ สีไหนดี?

เปิดอ่าน 98,676 ครั้ง
ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom)
ห้องเรียนเสมือน (Virtual Classroom)

เปิดอ่าน 24,197 ครั้ง
สางประวัติเน่า เปิดหนี้ไม่บันทึก เช็ก BLACKLIST...10 ข้อต้องรู้ เครดิตบูโร!
สางประวัติเน่า เปิดหนี้ไม่บันทึก เช็ก BLACKLIST...10 ข้อต้องรู้ เครดิตบูโร!

เปิดอ่าน 10,659 ครั้ง
ทำไม ชีวจิต ถึงไม่แนะนำให้รับประทานเนื้อสัตว์
ทำไม ชีวจิต ถึงไม่แนะนำให้รับประทานเนื้อสัตว์

เปิดอ่าน 15,386 ครั้ง
กล้วยหอมชนะเครื่องดื่มบำรุงกำลัง มีสารอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระในตัว
กล้วยหอมชนะเครื่องดื่มบำรุงกำลัง มีสารอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระในตัว

เปิดอ่าน 34,861 ครั้ง
"ผู้บ่าวขาเรียน" เพลงแก้ "ผู้สาวขาเลาะ"
"ผู้บ่าวขาเรียน" เพลงแก้ "ผู้สาวขาเลาะ"

เปิดอ่าน 14,657 ครั้ง
ดูแลสุขภาพแบบไทย
ดูแลสุขภาพแบบไทย

เปิดอ่าน 14,761 ครั้ง
ชมคลิป น้องปุ๊ กุลปรียา นักเรียนบุรีรัมย์ โชว์เล่านิทานไข่ทองคำยุคอาเซียน
ชมคลิป น้องปุ๊ กุลปรียา นักเรียนบุรีรัมย์ โชว์เล่านิทานไข่ทองคำยุคอาเซียน

เปิดอ่าน 9,668 ครั้ง
ความผูกพันสำคัญต่อองค์กรอย่างไร ?
ความผูกพันสำคัญต่อองค์กรอย่างไร ?

เปิดอ่าน 12,151 ครั้ง
ลดความอ้วน ก็ไม่ยากซะหน่อย
ลดความอ้วน ก็ไม่ยากซะหน่อย
เปิดอ่าน 1,919 ครั้ง
ดื่มน้ำ ยังไง ให้เกิดผลดีต่อร่างกาย
ดื่มน้ำ ยังไง ให้เกิดผลดีต่อร่างกาย
เปิดอ่าน 29,664 ครั้ง
เทคโนโลยี 3G คืออะไร
เทคโนโลยี 3G คืออะไร
เปิดอ่าน 104,735 ครั้ง
ทำไมหิงห้อยจึงมีแสง
ทำไมหิงห้อยจึงมีแสง
เปิดอ่าน 15,904 ครั้ง
ไม่อยากให้ลูกลำบาก!! เทคนิคง่ายๆ สอนเด็กให้เป็น "เศรษฐี"
ไม่อยากให้ลูกลำบาก!! เทคนิคง่ายๆ สอนเด็กให้เป็น "เศรษฐี"

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ