การพัฒนาศักยภาพครูสู่คุณภาพผู้เรียนโดยใช้ CLEAR Model โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ๒ ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนาศักยภาพครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้ CLEAR Model โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ๒ (2) ศึกษาศักยภาพครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้ CLEAR Model โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ๒ หลังการพัฒนา (3) ศึกษาคุณภาพผู้เรียน หลังการพัฒนา จำแนกเป็น (3.1) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา (3.2)ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และ (3.3)ผลการประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนตามหลักสูตรสถานศึกษาและ(4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีต่อการพัฒนาศักยภาพครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้ CLEAR Model โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ๒ หลังการพัฒนา ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการ 2 ปีการศึกษา ตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2562 ถึง วันที่ 31 มีนาคม 2564 ต่อเนื่อง 2 ปีการศึกษา กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยประกอบด้วย (1) นักเรียน กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางประมาณค่าของเครจซีและมอร์แกน (Krejcie and Morgan.1970 : 608) สุ่มแบบแบ่งชั้นประเมินสัดส่วน โดยจำแนกตามระดับชั้น และสุ่มอย่างง่ายโดยวิธีการจับฉลาก ได้กลุ่มตัวอย่าง ปีการศึกษา 2562 และปีการศึกษา 2563 จำนวน 341 คน (2) ครู กำหนดกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางประมาณค่าของเครจซีและมอร์แกน (Krejcie and Morgan. 1970 : 608) สุ่มแบบแบ่งชั้นประเมินสัดส่วน โดยจำแนกตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ และสุ่มอย่างง่ายโดยวิธีการจับฉลาก ได้กลุ่มตัวอย่าง ปีการศึกษา 2562 จำนวน 108 คนและปีการศึกษา 2563 จำนวน 113 คน (3) ผู้ปกครอง กำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยใช้ผู้ปกครองของนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกเป็นกลุ่มตัวอย่าง ได้กลุ่มตัวอย่างปีการศึกษา 2562 และปีการศึกษา 2563 จำนวน 341 คน และ(4) คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive Sampling) โดยยกเว้นผู้บริหารสถานศึกษา และผู้แทนครูได้กลุ่มตัวอย่าง ปีการศึกษา 2562 และปีการศึกษา 2563 จำนวน 13 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามและแบบบันทึกผลการประเมินคุณภาพผู้เรียนตามสภาพจริง ประกอบด้วย ฉบับที่ 1 แบบสอบถามคุณภาพการพัฒนาศักยภาพครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้ CLEAR Model โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ๒ ได้ค่าความเชื่อมั่น 0.989 ฉบับที่ 2 แบบสอบถามศักยภาพครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้ CLEAR Model โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ๒ ได้ค่าความเชื่อมั่น 0.986 ฉบับที่ 3 แบบบันทึกผลการประเมินคุณภาพผู้เรียนเกี่ยวกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2562-2563 ตามสภาพจริง ฉบับที่ 4 แบบบันทึกผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2562-2563 ตามสภาพจริง ฉบับที่ 5 แบบบันทึกผลการประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2562-2563 ตามสภาพจริงและฉบับที่ 6 แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีต่อการพัฒนาศักยภาพครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้ CLEAR Model โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ๒ หลังการพัฒนา ได้ค่าความเชื่อมั่น 0.984 การเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัยในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ดำเนินการเก็บข้อมูลด้วยตนเองโดยเก็บข้อมูล 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 หลังการพัฒนาเมื่อสิ้นปีการศึกษา 2562 ช่วงเดือนมีนาคม 2563 ครั้งที่ 2 หลังการพัฒนาเมื่อสิ้นปีการศึกษา 2563 ช่วงเดือนมีนาคม 2564 วิเคราะห์ข้อมูลด้วยโปรแกรม SPSS version 18 สถิตที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยการหาค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
ผลการวิจัยพบว่า
1. คุณภาพการพัฒนาศักยภาพครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้ CLEAR Model โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ตามความคิดเห็นของนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ปีการศึกษา 2562โดยภาพรวมทั้งสามกลุ่มที่ประเมิน มีคุณภาพอยู่ในระดับมาก ( = 3.97, S.D. = 0.63 ) ปีการศึกษา 2563โดยภาพรวมทั้งสามกลุ่มที่ประเมิน มีคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.54 , S.D. = 0.13) เมื่อพิจารณาจำแนกเป็นรายกลุ่มที่ประเมินพบว่า ปีการศึกษา 2562 ผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมาก ( = 4.27 , S.D. = 0.42) รองลงมา คือ ครู อยู่ในระดับมาก ( = 3.88 , S.D. = 0.74) ส่วนนักเรียน มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 3.75 , S.D. = 0.72) อยู่ในระดับมากเช่นกัน ปีการศึกษา 2563 ครูมีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.60, S.D. = 0.12) รองลงมาคือ นักเรียน อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.53, S.D. = 0.14) ส่วนผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด ( = 4.50 ,S.D.= 0.12) อยู่ในระดับมาก สอดคล้องตามสมมติฐาน
2. ศักยภาพครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้ CLEAR Model โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ตามความคิดเห็นของนักเรียนและผู้ปกครอง ปีการศึกษา 2562โดยภาพรวมทั้งสองกลุ่มที่ประเมิน มีคุณภาพอยู่ในระดับมาก ( = 3.99, S.D. = 0.56 ) ปีการศึกษา 2563โดยภาพรวมทั้งสองกลุ่มที่ประเมิน มีคุณภาพอยู่ในระดับมาก ( = 4.50 , S.D. = 0.13) เมื่อพิจารณาจำแนกเป็นรายกลุ่มที่ประเมินพบว่า ปีการศึกษา 2562 ผู้ปกครอง มีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมาก ( = 4.24 , S.D. = 0.42) รองลงมา คือ นักเรียน ( = 3.73 , S.D. = 0.70) อยู่ในระดับมากเช่นกัน ปีการศึกษา 2563 นักเรียนมีค่าเฉลี่ยสูงสุด อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.52, S.D. = 0.13) รองลงมาคือ ผู้ปกครอง อยู่ในระดับมาก ( = 4.48, S.D. = 0.12) อยู่ในระดับมาก สอดคล้องตามสมมติฐาน
3. คุณภาพผู้เรียน จำแนกเป็น
3.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา หลังการพัฒนา ตามสภาพจริง ปีการศึกษา 2562 โดยภาพรวมค่าเฉลี่ย GPA เท่ากับ 3.04 เมื่อพิจารณาจำแนกตามระดับชั้น พบว่า ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเฉลี่ย GPA สูงสุด เท่ากับ 3.19 รองลงมาได้แก่ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเฉลี่ย GPA เท่ากับ 3.17 ส่วนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีค่าเฉลี่ย GPA ต่ำสุด เท่ากับ 2.87 ปีการศึกษา 2563 โดยภาพรวมค่าเฉลี่ย GPA เท่ากับ 3.07 เมื่อพิจารณาจำแนกตามระดับชั้น พบว่า ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเฉลี่ย GPA สูงสุด เท่ากับ 3.26 รองลงมาได้แก่ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเฉลี่ย GPA เท่ากับ 3.20 ส่วนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าเฉลี่ย GPA ต่ำสุด เท่ากับ 2.96 สอดคล้องตามสมมติฐาน
3.2 ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หลังการพัฒนา ตามสภาพจริง ปีการศึกษา 2562 ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 38.20 และปีการศึกษา 2563 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 41.41 โดยภาพรวม ค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เท่ากับ +3.21 เมื่อพิจารณาแต่ละวิชา พบว่า วิชาภาษาอังกฤษ เพิ่มขึ้นสูงสุด เท่ากับ +5.07 รองลงมา ได้แก่ วิชา ภาษาไทย เพิ่มขึ้น +3.23 และวิชาวิทยาศาสตร์ฯ เพิ่มขึ้น เท่ากับ +2.20 และปีการศึกษา 2562 ผลการทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 33.88 และปีการศึกษา 2563 มีค่าเฉลี่ยร้อยละ 35.27 โดยภาพรวม ค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เท่ากับ +1.39 เมื่อพิจารณาแต่ละวิชา พบว่า วิชาวิทยาศาสตร์ฯ เพิ่มขึ้นสูงสุดเท่ากับ +4.65 รองลงมา ได้แก่ วิชา ภาษาไทย เพิ่มขึ้น เท่ากับ +3.66 และวิชาคณิตศาสตร์ ลดลงมากที่สุด เท่ากับ - 0.56 สอดคล้องตามสมมติฐาน
3.3 ผลการประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา หลังการพัฒนาตามสภาพจริง ปีการศึกษา 2562 พบว่า โดยภาพรวมผลการประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ทั้ง 5 สมรรถนะ อยู่ในระดับดีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 80 และเมื่อพิจารณาเป็นสมรรถนะสำคัญ พบว่า สมรรถนะความสามารถในการใช้เทคโนโลยี มีค่าเฉลี่ยร้อยละสูงสุด เท่ากับ 82.56 รองลงมาได้แก่ สมรรถนะความสามารถในการสื่อสาร มีค่าเฉลี่ยร้อยละ เท่ากับ 81.88 และสมรรถนะความสามารถในการคิด มีค่าเฉลี่ยร้อยละต่ำสุด เท่ากับ 81.41 ปีการศึกษา 2563 พบว่า โดยภาพรวมผลการประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ทั้ง 5 สมรรถนะ อยู่ในระดับดีขึ้นไปมากกว่าร้อยละ 80 และเมื่อพิจารณาเป็นสมรรถนะสำคัญ พบว่า สมรรถนะความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต มีค่าเฉลี่ยร้อยละสูงสุด เท่ากับ 87.83 รองลงมาได้แก่ สมรรถนะความสามารถในการแก้ปัญหา มีค่าเฉลี่ยร้อยละ เท่ากับ 86.78 และสมรรถนะความสามารถในการสื่อสาร มีค่าเฉลี่ยร้อยละต่ำสุด เท่ากับ 85.20 สอดคล้องตามสมมติฐาน
4. ความพึงพอใจของนักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีต่อการพัฒนาศักยภาพครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยใช้ CLEAR Model โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย ๒ หลังการพัฒนา ปีการศึกษา 2562 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมิน มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาแต่ละกลุ่มที่ประเมิน พบว่า ครูมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจสูงสุด อยู่ในระดับมาก ( = 3.88 , S.D. = 0.35) รองลงมาคือนักเรียน อยู่ในระดับมาก( = 3.84 , S.D. = 0.60) ส่วนคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจต่ำสุด ( = 3.67 , S.D. = 0.60) อยู่ในระดับมาก ปีการศึกษา 2563 โดยภาพรวมทุกกลุ่มที่ประเมิน มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาแต่ละกลุ่มที่ประเมิน พบว่า คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจสูงสุด อยู่ในระดับมาก( = 4.40 , S.D. = 0.50) รองลงมาคือผู้ปกครอง อยู่ในระดับมาก( = 4.29 , S.D. = 0.65) ส่วนครูมีค่าเฉลี่ยความพึงพอใจต่ำสุด( = 4.16 , S.D. = 0.46) อยู่ในระดับมากเช่นกัน สอดคล้องตามสมมติฐาน
ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป
2.1 ควรศึกษาปัจจัยหรือองค์ประกอบที่มีผลต่อศักยภาพครู โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณภาพของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2.2 ควรศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างศักยภาพครูกับคุณภาพของผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษา ด้านผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 และด้านผลการทดสอบสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนสูงขึ้นอย่างยั่งยืน
2.3 ควรศึกษารูปแบบการพัฒนาศักยภาพครูสู่คุณภาพผู้เรียน โดยอาศัยการมีส่วนร่วมในลักษณะอื่น ๆ เพื่อสามารถการพัฒนาศักยภาพครูสู่คุณภาพผู้เรียนได้อย่างหลากหลาย