รายงานการประเมินโครงการการพัฒนางานวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
โรงเรียนบำรุงราษฎร์วิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 2 ปีการศึกษา 2564 โดยใช้รูปแบบ CIPPIEST Model โดยมีวัตถุประสงค์ของการประเมินดังนี้ 1) เพื่อประเมินบริบทของโครงการการพัฒนางานวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโรงเรียนบำรุงราษฎร์วิทยาคม
2) เพื่อประเมินปัจจัยนำเข้าของโครงการการพัฒนางานวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
โรงเรียนบำรุงราษฎร์วิทยาคม 3) เพื่อประเมินกระบวนการของโครงการการพัฒนางานวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโรงเรียนบำรุงราษฎร์วิทยาคม 4) เพื่อประเมินผลผลิตของโครงการการพัฒนางานวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโรงเรียนบำรุงราษฎร์วิทยาคม 5) เพื่อประเมินผลกระทบของโครงการการพัฒนางานวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโรงเรียนบำรุงราษฎร์วิทยาคม 6) เพื่อประเมินประสิทธิผลของโครงการการพัฒนางานวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโรงเรียนบำรุงราษฎร์วิทยาคม 7) เพื่อประเมินความยั่งยืนของโครงการการพัฒนางานวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โรงเรียนบำรุงราษฎร์วิทยาคม และ 8) เพื่อประเมินการถ่ายโยงความรู้ของโครงการการพัฒนางานวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โรงเรียนบำรุงราษฎร์วิทยาคม กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการประเมิน ได้แก่ ข้าราชการครูและบุคลากร จำนวน 11 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 7 คน ผู้ปกครองนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3-6 จำนวน 44 คน และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3-6 จำนวน 44 คน รวมทั้งสิ้น 106 คน ด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน ได้แก่ แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า (5-Rating Scale) 5 ระดับ จำนวน 1 ฉบับ ที่มีค่าดัชนีความสอดคล้อง (Index of Item objective congruence: IOC) อยู่ระหว่าง 0.80-1.00 และมีค่าสัมประสิทธิ์แอลฟ่า (Alpha Coefficient - α) ทั้งฉบับเท่ากับ 0.92 วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปคอมพิวเตอร์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าความถี่ (Frequency) ค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (Arithmetic Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
จากการประเมิน พบว่า ภาพรวมของโครงการการพัฒนางานวิชาการเพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโรงเรียนบำรุงราษฎร์วิทยาคม มีระดับคุณภาพอยู่ในระดับมากที่สุด ดังนี้
1. ด้านบริบท มีความสอดคล้องของวัตถุประสงค์ของโครงการและกระบวนการจัดกิจกรรมของโครงการกับสภาพปัญหาและความต้องการในการพัฒนางานวิชาการผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด
2. ด้านปัจจัยนำเข้า คือ มีความพร้อมในด้านต่างๆ ที่เอื้อต่อการดำเนินงาน ของโครงการ คือ ด้านบุคลากร ผู้บริหาร ครู ผู้ปกครองและนักเรียน งบประมาณ วัสดุและอุปกรณ์ และสถานที่ อยู่ในระดับมากที่สุด
3. ด้านกระบวนการ บุคลากรที่รับผิดชอบสามารถดำเนินโครงการตามกิจกรรมของโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ อยู่ในระดับมากที่สุด
4. ด้านผลผลิต ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของนักเรียน และผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) เพิ่มสูงขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด
5. ด้านผลกระทบ มีการได้รับการยอมรับจากผู้ปกครองและชุมชน อยู่ในระดับมากที่สุด
6. ด้านประสิทธิผล นักเรียนมีความมั่นใจในความรู้ที่ได้รับแต่ละกิจกรรมของโครงการ และ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด
7. ด้านความยั่งยืน นักเรียนสามารถใช้ความรู้ ความสามารถทางวิชาการเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นและภายหลังการเข้าร่วมโครงการแล้วนักเรียนสามารถนำความรู้ ความสามารถทางวิชาการไปเป็นพื้นฐานในการศึกษาต่อ อยู่ในระดับมาก
8. ด้านการถ่ายโยงความรู้ ผู้บริหารและครูและบุคลากรสามารถนำความรู้จากโครงการไปใช้ประโยชน์และถ่ายทอดเป็นแบบอย่างให้แก่สถานศึกษาอื่นได้อยู่ในระดับมาก