ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติ โดยใช้แบบฝึกทักษะ ของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

บทนำและความสำคัญของปัญหา

การเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในระดับประถมศึกษา เป็นพื้นฐานที่นักเรียนจะนำไปใช้ ในการเรียนรู้คณิตศาสตร์ในระดับสูงต่อไป คณิตศาสตร์จึงมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เนื่องจากคณิตศาสตร์ช่วยให้มนุษย์มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดอย่างมีเหตุผล เป็นระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบ ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ แก้ปัญหา และนําไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม

จากการศึกษางานวิจัยทางการศึกษา ผู้วิจัย พบว่า แบบฝึกทักษะ เป็นสื่อการเรียนรู้ที่ช่วยให้เกิดความเข้าใจในบทเรียนได้ดียิง ช่วยเสริมทักษะ รู้จักเหตุและผล ฝึกฝนไหวพริบ สติปัญญา ให้เกิดความคล่องแคล่วชำนาญ มองเห็นความกาวหน้าของตนเอง นักเรียนสามารถศึกษาปฏิบัติกิจกรรมได้ด้วยตัวเอง

ในการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติ เป็นหน่วยการเรียนรู้ที่อยู่ปลายปีและมักจะเกิดปัญหาการสอนไม่เพียงพอ ซึ่งบทเรียนนี้ประกอบด้วยเนื้อหา เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติและการหาปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก นักเรียนสามารถศึกษาและทำแบบฝึกหัดควบคู่ไปพร้อมกับการทำแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น และใช้เวลาว่าง ให้เกิดประโยชน์ รู้จักการศึกษาด้วยตนเอง

จากความเป็นมาและความสำคัญและปัญหาที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ผู้วิจัยมีความสนใจที่จะศึกษาผลการใช้แบบฝึกทักษะ เรื่องรูปเรขาคณิตสามมิติและปริ มาตรของทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก สําหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนให้สูงขึ้น และเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์ให้มีประสิทธิภาพมากยิงขึ้น

วัตถุประสงค์ของการวิจัย

เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติและการหาปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังใช้แบบฝึกทักษะ

สมมุติฐานของการวิจัย

นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติและการหาปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก โดยใช้แบบฝึกทักษะ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น

วิธีดำเนินการวิจัย

1. กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนวัดบ้านพริก

ปีการศึกษา 2563 จำนวน 48 คน

2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย

1) แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติและการหาปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก

2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติและการหาปริมาตร ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก จำนวน 10 ข้อ

3. วิธีดำเนินการวิจัย

1) ทำการทดสอบก่อนเรียน (pre-test) เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติและการหาปริมาตร ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติและการหาปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก จำนวน 10 ข้อ คะแนนที่ได้เป็นคะแนนการทดสอบก่อนเรียน

2) ดำเนินการสอนซ่อมเสริมวิชา คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติและการหาปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก โดยใช้แบบฝึกทักษะ เป็นเวลา 3 สัปดาห์

3) ทำการทดสอบหลังเรียน (post-test) เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติและการหาปริมาตร ทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติและการหาปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก จำนวน 10 ข้อ คะแนนที่ได้เป็นคะแนนการทดสอบหลังเรียน

การวิเคราะห์ข้อมูล

นำข้อมูลที่ได้จากการทำแบบทดสอบทั้งก่อนเรียนและหลังเรียน มาวิเคราะห์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ด้วยการหาค่าร้อยละเป็นรายบุคคล

สรุปผล อภิปรายและข้อเสนอแนะ

1. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล

การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะ ดังแสดงในตาราง

กลุ่มเป้าหมาย จำนวนนักเรียน (คน)

ที่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 จำนวนนักเรียน (คน)

ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 ค่าเฉลี่ยร้อยละ

ของนักเรียนทั้งหมด

ก่อนการวิจัย 15 33 57.10

หลังการวิจัย 34 14 81.90

จากตาราง พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้ แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติและการหาปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากสูงขึ้น แสดงว่า การใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปเรขาคณิตสามมิติและการหาปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ทำให้ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน

2. สรุปผลการวิจัย

การวิจัยในครั้งนี้ พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6

หลังเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะสูงขึ้น ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐาน

3. อภิปราย

จากการวิจัยในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า นักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง รูปเรขาคณิต สามมิติและการหาปริมาตรทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากสูงขึ้น และค่าเฉลี่ยร้อยละของคะแนนผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนแตกต่างกันมากถึง 39.58 แต่การประเมินผลได้กำหนดเกณฑ์การผ่านในแต่ละหน่วยการเรียนรู้ไว้ร้อยละ 80 ผู้วิจัยจึงพิจารณาคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 พบว่า มีนักเรียนที่สอบได้คะแนนตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไป มีจำนวน 34 คน คิดเป็นร้อยละ 70.83 และยังมีนักเรียนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 จำนวน 14 คน คิดเป็นร้อยละ 29.27 ผู้วิจัยจึงได้ดำเนินการสอนซ่อมเสริมให้กับนักเรียนไม่ผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80 อีกครั้ง หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์ ผู้วิจัยให้นักเรียน ที่สอบไม่ผ่านเกณฑ์มาทดสอบหลังเรียนอีกครั้งหนึ่ง โดยใช้แบบทดสอบคู่ขนานกับชุดเดิม พบว่า นักเรียนทุกคนสามารถสอบผ่านเกณฑ์ร้อยละ 80

4. ข้อเสนอแนะ

1) จากการจัดกิจกรรมพบว่า นักเรียนใช้เวลาในการทำแบบฝึกทักษะที่ต่างกัน เนื่องจาก นักเรียนแต่ละคนมีความแตกต่างในด้านการเรียนรู้ ดังนั้น ครูผู้สอน ควรมีความยืดหยุ่นเวลาที่ใช้ในการทำแบบฝึกทักษะให้สอดคล้องกับศักยภาพของนักเรียนแต่ละคน

2) ครูผู้สอนควรให้กำลังใจ คำชมเชย หรือรางวัลแก่นักเรียน เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนอยาก มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมการเรียนรู้ เรียนรู้อย่างมีความสุขและสนุกสนาน

โพสต์โดย ปอปลาตากลม : [1 เม.ย. 2565 เวลา 06:45 น.]
อ่าน [2661] ไอพี : 223.24.190.124
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 11,884 ครั้ง
Dragon Baby เจ้าหนูสุดเจ๋ง คลิปอยากให้ลูกน้อยเป็นซุปเปอร์ฮีโร่
Dragon Baby เจ้าหนูสุดเจ๋ง คลิปอยากให้ลูกน้อยเป็นซุปเปอร์ฮีโร่

เปิดอ่าน 32,397 ครั้ง
Adjectives Formation (การทำให้เป็นคำคุณศัพท์ )
Adjectives Formation (การทำให้เป็นคำคุณศัพท์ )

เปิดอ่าน 12,066 ครั้ง
ทำไมต้องอ้วนเพราะเบียร์ ?
ทำไมต้องอ้วนเพราะเบียร์ ?

เปิดอ่าน 33,151 ครั้ง
ยาสีฟันทำมาจากอะไร?
ยาสีฟันทำมาจากอะไร?

เปิดอ่าน 13,711 ครั้ง
ปรัชญาการศึกษา คือแก่นของหลักสูตร
ปรัชญาการศึกษา คือแก่นของหลักสูตร

เปิดอ่าน 21,626 ครั้ง
เกลือ สารพัดประโยชน์เพื่อความงาม ทำอะไรได้บ้าง
เกลือ สารพัดประโยชน์เพื่อความงาม ทำอะไรได้บ้าง

เปิดอ่าน 21,373 ครั้ง
อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ซ้ำร้าย "อ่านน้อย" จับประเด็นไม่ได้ วิกฤตใหญ่ที่ไทยต้องแก้
อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ซ้ำร้าย "อ่านน้อย" จับประเด็นไม่ได้ วิกฤตใหญ่ที่ไทยต้องแก้

เปิดอ่าน 5,929 ครั้ง
ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัย : สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP. 1
ระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัย : สรุปให้รู้ตามทันโลกการศึกษา EP. 1

เปิดอ่าน 50,818 ครั้ง
คำว่า "สวัสดี" เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในไทย เมื่อวันที่ 22 ม.ค. พ.ศ.2486
คำว่า "สวัสดี" เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในไทย เมื่อวันที่ 22 ม.ค. พ.ศ.2486

เปิดอ่าน 6,649 ครั้ง
ประวัตินาฏศิลป์ไทย
ประวัตินาฏศิลป์ไทย

เปิดอ่าน 71,139 ครั้ง
คลื่นความร้อนหรือ "ฮีทเวฟ" (Heat wave)
คลื่นความร้อนหรือ "ฮีทเวฟ" (Heat wave)

เปิดอ่าน 21,060 ครั้ง
สื่อดังระดับโลกแห่ยกย่อง "โน้ต วีรฉัตร" ตีกลองกับภาพวาดกำแพง คนต่างชาติทึ่งความสามารถศิลปินไทย
สื่อดังระดับโลกแห่ยกย่อง "โน้ต วีรฉัตร" ตีกลองกับภาพวาดกำแพง คนต่างชาติทึ่งความสามารถศิลปินไทย

เปิดอ่าน 10,899 ครั้ง
กินอาหารเร็วเป็นเบาหวานได้ง่าย ชาวโลกพากันป่วยกันขนานใหญ่
กินอาหารเร็วเป็นเบาหวานได้ง่าย ชาวโลกพากันป่วยกันขนานใหญ่

เปิดอ่าน 52,944 ครั้ง
เทคนิคที่ทำให้คุณเป็นคนฉลาดและมีความจำดี
เทคนิคที่ทำให้คุณเป็นคนฉลาดและมีความจำดี

เปิดอ่าน 4,153 ครั้ง
7 กิจกรรมวันหยุด ชาร์จแบตตัวเองก่อนเริ่มทำงาน
7 กิจกรรมวันหยุด ชาร์จแบตตัวเองก่อนเริ่มทำงาน

เปิดอ่าน 18,203 ครั้ง
โรคมะเร็งจอประสาทตา (Retinoblastoma)
โรคมะเร็งจอประสาทตา (Retinoblastoma)
เปิดอ่าน 12,354 ครั้ง
หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกข้าราชการครูฯ เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์
หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกข้าราชการครูฯ เพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์
เปิดอ่าน 9,242 ครั้ง
ซ้อมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ประจำปี 2555
ซ้อมขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ประจำปี 2555
เปิดอ่าน 11,931 ครั้ง
ปวดข้อให้กินแอปเปิล แกล้มด้วยเหล้าไวน์แดงวันละแก้วทุกวัน
ปวดข้อให้กินแอปเปิล แกล้มด้วยเหล้าไวน์แดงวันละแก้วทุกวัน
เปิดอ่าน 17,125 ครั้ง
พาราเซตามอล
พาราเซตามอล

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
เครื่องมือวิทยาศาสตร์
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์
สพป.มุกดาหาร



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ