บทคัดย่อ
รายงานการพัฒนาชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เรื่อง เกษตร โดย การจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 วัตถุประสงค์การวิจัย 1)เพื่อศึกษาปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพระดับชั้นประถมศึกษา 2)เพื่อพัฒนาชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เรื่อง เกษตร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3)เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนรู้โดยใช้ชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เรื่อง เกษตร โดยการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) 4)เพื่อหาประสิทธิผลของชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เรื่อง เกษตร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) 5)เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ที่มีต่อการจัดการเรียนการสอน โดยใช้ชุดการสอน เรื่อง เกษตร โดยการจัดการเรียนรู้ แบบ เชิงรุก (Active Learning) ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ 1)ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ โรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองลำปาง จังหวัดอุบลราชธานี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 จำนวน 30 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เฉพาะครูที่สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ระดับชั้นประถมศึกษา โรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง 2)นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนเทศบาล 1 บ้านหล่าย เทศบาลตำบลสบปราบ จังหวัดลำปาง จำนวน 24 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ 1) แบบสอบถามเกี่ยวกับปัญหาการจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพระดับชั้นประถมศึกษา จำนวน 1 ฉบับ 18 ข้อ ค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.61 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.9874 2) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 10 แผน ค่าความเหมาะสมเท่ากับ 5.00 3) ชุดการสอน จำนวน 10 ชุด ค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.31 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 40 ข้อ ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20 - 0.80 ค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่า IOC เท่ากับ 0.86 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.8758 และ 5)แบบสอบถามความพึงพอใจ จำนวน 1 ฉบับ 20 ข้อ ค่าความเหมาะสมเท่ากับ 4.33 ค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง 0.20-0.80 ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.9264 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามปัญหาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ใช้แบบแผนการทดลองแบบ One Group Pre-test Post-test Design ทดสอบกลุ่มตัวอย่างก่อนเรียน (Pre-test) ทำการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบไว้ โดยใช้ชุดการสอน ทดสอบย่อยระหว่างเรียน และทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (Post-test) ใช้แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ IOC วิเคราะห์ค่าความสอดคล้องของแบบทดสอบ ใช้สถิติหาค่าอำนาจจำแนก (B) ค่าความยากง่าย (p) ตามวิธีของแบรนแนน (Brennan) ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ (rcc) ตามวิธีของโลเวท (Lovett) ใช้สถิติ E1/ E2 หาประสิทธิภาพ ของชุดการสอน ใช้สถิติหาค่าอำนาจจำแนกของแบบสอบถามปัญหาการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพ และแบบสอบถามความพึงพอใจ แบบสัมประสิทธิ์แอลฟา (Alpha Coefficient) ของครอนบาค (Cronbach) ใช้สถิติหาค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามทั้งฉบับตามวิธี Itemtotal Correlation ใช้สูตรสหสัมพันธ์อย่างง่ายของ Pearson ใช้สถิติ t-test วิเคราะห์สมมติฐานเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน และเปรียบเทียบความพึงพอใจก่อนเรียนและหลังเรียน ใช้สถิติ E.I. วิเคราะห์ค่าดัชนีประสิทธิผลของชุดการสอน และใช้สถิติพื้นฐานวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย (X-bar ) ร้อยละ (P) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ผลการวิจัยพบว่า
1. ปัญหาการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพระดับชั้นประถมศึกษา โดยรวมทุกสถานะ มีปัญหาอยู่ในระดับมาก (X-bar =4.15) เมื่อพิจารณาเป็นรายสถานะ พบว่า สถานะที่มีปัญหาค่าเฉลี่ยสูงสุดได้แก่ สถานะวุฒิการศึกษา ( X-bar=4.31) รองลงมาได้แก่สถานะประสบการณ์การทำงานมีปัญหาค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (X-bar =4.28) ส่วนสถานะที่มีปัญหาต่ำสุดได้แก่สถานะเพศ มีปัญหาค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก (X-bar =3.87)
2. โดยรวมแผนการจัดการเรียนรู้มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 88.83 คิดเป็นร้อยละ 88.83 เมื่อพิจารณาเป็นรายแผนการจัดการเรียนรู้ พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้ที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 9.04 คิดเป็นร้อยละ 90.42 รองลงมาได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4,5,6 และ 10 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 8.92 คิดเป็นร้อยละ 89.17 เท่ากันทั้ง 4 แผน ส่วนแผนการจัดการเรียนรู้ที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3, และ 7 มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 8.75 คิดเป็นร้อยละ 87.50
3. ประสิทธิภาพของชุดการสอนกลุ่มสาระการงานอาชีพ เรื่อง เกษตร โดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 88.13/85.63 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
4. ประสิทธิผลของชุดการสอน เท่ากับ 0.7510 แสดงว่าชุดการสอน เรื่อง เกษตร โดยจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชุดนี้ ทำให้นักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนรู้เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 75.10 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ยอมรับได้
5. การทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) และหลังเรียน (Post-test) ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 17.75 และ 34.25 ตามลำดับ และเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน พบว่า คะแนนทดสอบนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว้
6. นักเรียนชายมีความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ เรื่อง เกษตร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการจัดการเรียนรู้แบบเชิงรุก (Active Learning) โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด (X-bar =4.51) และนักเรียนหญิงมีความพึงพอใจ โดยรวมอยู่ในระดับมาก (X-bar =4.24) และนักเรียนชายและหญิงก่อนเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับน้อย (X-bar =2.19) หลังเรียนอยู่ในระดับมาก (X-bar =4.19) เมื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า ความพึงพอใจหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05