|
|
บทคัดย่อ
ชื่อเรื่อง การพัฒนาสถานศึกษาโดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมของโรงเรียนบ้านตาดข่า
ผู้วิจัย นายทิตย์ณรงค์ มณีวัฒน์
สถานที่ โรงเรียนบ้านตาดข่า
ปีที่พิมพ์ 2564
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1.เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการในการพัฒนาสถานศึกษาโดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ของโรงเรียนบ้านตาดข่า 2. เพื่อพัฒนาสถานศึกษาโดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ของโรงเรียนบ้านตาดข่า โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research) ดำเนินการพัฒนา 2 รอบแต่ละวงรอบประกอบด้วยการวางแผน (Planning) การปฏิบัติ (Action) การสังเกต (Observation) และการสะท้อนผล (Reflection) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาโดยแบบสัมภาษณ์ แบบสังเกต และแบบบันทึกสะท้อนผลการปฏิบัติงาน โดยมีผู้ร่วมวิจัย จำนวน 17 คน คือ ครูผู้สอน ของโรงเรียนบ้านตาดข่า สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเลย เขต 2 กลุ่มประชากร ได้แก่ หัวหน้าฝ่ายจำนวน 4 คน ครูผู้สอนชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 4 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 4 คน กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวน 2 คน และนักเรียน จำนวน 3 คน นำข้อมูลมาวิเคราะห์เนื้อหาสำคัญ จัดประชุมระดมความคิด เพื่อให้เกิดข้อสรุปแนวทางการพัฒนาสถานศึกษาโดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ของโรงเรียนบ้านตาดข่า
ผลการวิจัยพบว่า
1. สภาพและปัญหาในการบริหารจัดการของโรงเรียนบ้านตาดข่า พบว่า 1) ปัญหาในการบริหารงานวิชาการ ได้แก่ นักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ สื่อการสอนในห้องเรียนเก่า มีสื่อการสอนน้อย ขาดแคลนสื่อ ควรสนับสนุนงบประมาณในการจัดทำสื่อให้มากขึ้น เอกสารประจำชั้นเรียนข้อมูลยังไม่เป็นปัจจุบัน เน้นการเรียนการสอนที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ ในชีวิตประจำวันได้ให้มากขึ้น 2) ปัญหาในการบริหารงานบุคคล ได้แก่ คณะครูไม่มีส่วนในการตัดสินใจ ในการวางแผนอัตรากำลังทำให้ได้บุคลากรไม่ตรงกับความต้องการของโรงเรียน การส่งเสริมพัฒนาครูและบุคลากรในการศึกษาดูงานค่อนข้างน้อย 3) ปัญหาในการบริหารงบประมาณ ได้แก่ บุคลากรในฝ่ายบริหารงานงบประมาณยังขาดประสบการณ์และความชัดเจนในการบริหารงานฝ่ายงบประมาณ การเปิดโอกาสให้บุคลากรทุกคนได้มีส่วนร่วมในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณค่อนข้างน้อย และ 4 ) ปัญหาด้านการบริหารทั่วไป ได้แก่ ห้องน้ำนักเรียนชำรุดทำให้ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน และห้องน้ำไม่ค่อยสะอาด ห้องเรียนมีสภาพเก่า ไม่สวยงาม ไม่น่าอยู่ ไม่น่าเรียน โต๊ะเก้าอี้นักเรียนชำรุด และมีจำนวนไม่เพียงพอ สนามเด็กเล่นหน้าอาคารเรียนอนุบาล ไม่มีหลังคาบังแดดและกันฝน ในช่วงหน้าฝนก็เปียกชื้นกลัวเด็กลื่นล้ม บางทีแดดร้อนเด็กก็เล่นตากแดด สภาพทางเดินเข้าหน้าอาคารเรียน เป็นพื้นดินเวลาฝนตกทำให้ทางเดินเละไม่สะดวกในการเดินเข้าอาคาร อาคารก็สกปรก น้ำไหลเข้าในอาคารเพราะระบายน้ำไม่ทัน สวนหย่อมหน้าอาคารมัธยมไม่สวยงามและมีงูชอบมาอยู่ในบริเวณนั้น อาจเกิดอันตรายต่อนักเรียนและครูได้ เอกสารด้านระบบประกันคุณภาพภายในยังไม่เป็นระบบ เช่น การสรุปโครงการ แฟ้มมาตรฐานต่างๆ
2. ผลการพัฒนาสถานศึกษาโดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ของโรงเรียนบ้านตาดข่า ผู้วิจัยได้ร่วมมือกับผู้ร่วมวิจัย ตั้งแต่ การวางแผน การปฏิบัติ การสังเกต และการสะท้อนผล ผลการพัฒนา พบวา ครูมีความรูความเขาใจ เกี่ยวกับการพัฒนาการบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วมเพิ่มมากขึ้น สามารถร่วมกิจกรรมการพัฒนาการบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วมไดดีครบทุกขั้นตอน ครูมีส่วนร่วมในการตัดสินใจมากขึ้น อาคารและสถานที่ได้รับการแก้ไขปรับปรุงให้มีความแข็งแรง น่าอยู่น่าเรียนน่าเชื่อถือ ห้องเรียนมีสื่อการสอนที่หลากหลายสวยงาม จำนวนนักเรียนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้มีจำนวนลดลง และเอกสารด้านระบบประกันคุณภาพภายในเป็นระบบสามารถเป็นแบบอย่างได้
3. การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากการดำเนินการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม พบว่าผลที่เกิดจากการดำเนินงานการพัฒนาสถานศึกษาโดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม ของโรงเรียนบ้านตาดข่า ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีการเปิดโอกาสให้คณะครูมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติงานทั้ง 4 ฝ่าย รับฟังความคิดเห็นของคณะครูในการกำหนดแนวทางการพัฒนางาน ผ่านการประชุม และการสะท้อนผล มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันมากขึ้น และครูผู้สอนได้ใช้นวัตกรรมในการจัดการเรียนการสอนทำให้นักเรียนมีพัฒนาการที่ดีขึ้น สนใจเรียนมากขึ้น
|
โพสต์โดย aew : [21 มี.ค. 2565 เวลา 20:26 น.] อ่าน [3414] ไอพี : 1.4.140.181
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 13,026 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,671 ครั้ง
| เปิดอ่าน 22,802 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,194 ครั้ง
| เปิดอ่าน 23,542 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,013 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,100 ครั้ง
| เปิดอ่าน 12,975 ครั้ง
| เปิดอ่าน 8,096 ครั้ง
| เปิดอ่าน 35,329 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,533 ครั้ง
| เปิดอ่าน 5,010 ครั้ง
| เปิดอ่าน 55,158 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,799 ครั้ง
| เปิดอ่าน 80,425 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 10,454 ครั้ง
| เปิดอ่าน 39,126 ครั้ง
| เปิดอ่าน 5,868 ครั้ง
| เปิดอ่าน 1,020 ครั้ง
| เปิดอ่าน 2,894 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|