|
Advertisement
|
บทคัดย่อ
การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง เศรษฐศาสตร์น่ารู้สู่วิถีพอเพียง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์คือ (1) เพื่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง เศรษฐศาสตร์น่ารู้ สู่วิถีพอเพียง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง เศรษฐศาสตร์น่ารู้ สู่วิถีพอเพียง (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการเรียนด้วย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง เศรษฐศาสตร์น่ารู้ สู่วิถีพอเพียง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนบ้านมะปริง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 1 จำนวน 27 คนได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) แบบแผนการทดลองการศึกษากึ่งทดลอง (Quasi - Experimental Research) แบบ One Group Pretest – posttest Design เครื่องมือที่ใช้ ในการวิจัยมี 3 ชนิด ประกอบด้วย (1) ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง เศรษฐศาสตร์น่ารู้ สู่วิถีพอเพียง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เศรษฐศาสตร์น่ารู้ สู่วิถีพอเพียง กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 แบบตัวเลือก 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนก รายข้อตั้งแต่ 0.61 – 0.83 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.98 (3) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้เทคนิค STAD เรื่อง เศรษฐศาสตร์น่ารู้ สู่วิถีพอเพียง กลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับตามวิธีของ ลิเคิร์ท (Likert) มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ ตั้งแต่ 0.48 – 0.63 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.91 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบสมมติฐาน t-test (Dependent Sample)
|
โพสต์โดย แบเซะ : [2 มี.ค. 2565 เวลา 17:44 น.] อ่าน [3685] ไอพี : 1.10.222.48
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
Advertisement
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 16,681 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 17,787 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 82,943 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 17,320 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 21,254 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 9,517 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 2,974 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 35,405 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 23,511 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 11,737 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 83,250 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 14,657 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 12,087 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 35,739 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 8,386 ครั้ง 
| |
|
เปิดอ่าน 24,763 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 278,726 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 10,906 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 96,932 ครั้ง 
| เปิดอ่าน 25,293 ครั้ง 
|
|

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|