|
|
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้เป็นอุทยานการศึกษาที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ผู้วิจัย: นางสาววิมลนาถ บัวแก้ว
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่องการพัฒนาสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้เป็นอุทยานการศึกษาที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มีวัตถุประสงค์ทั่วไปเพื่อรายงานผลการด าเนินงาน การพัฒนาสภาพแวดล้อมให้เป็นอุทยานการศึกษาที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เฉพาะ
1) เพื่อรายงานผลการดeเนินการพัฒนาสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้เป็นอุทยานการศึกษาที่เอื้อต่อการเรียนรู้ ด้านกายภาพ ด้านวิชาการ และด้านการบริหารจัดการ
2) เพื่อเปรียบเทียบความพึงพอใจของครูและนักเรียนที่มีต่อการพัฒนาสภาพแวดล้อมในโรงเรียน ให้เป็นอุทยานการศึกษาที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ก่อนและหลังการด าเนินการพัฒนา
และ 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน โรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ก่อนและหลังการด าเนินงานในรายวิชาภาษาไทย สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ภาษาต่างประเทศ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งวิธีการด าเนินการ ประกอบด้วย ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการจ าเป็น วิเคราะห์ทางเลือกในการแก้ปัญหา ก าหนดทางเลือกที่เหมาะสมและ วางแผนแก้ปัญหา การด าเนินงานโครงการ/กิจกรรมตามแผนที่ก าหนด และประเมินผล
กลุ่มตัวอย่าง ประกอบด้วย ครูในโรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จำนวน 69 คน ได้เลือกแบบเจาะจง และนักเรียนในโรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จำนวน 102 คน และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จ านวน 101 คน และนักเรียนกลุ่มเดียวกัน ซึ่งเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 รวมจำนวน 203 คน ได้มาจากวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้นตามสัดส่วนของจ านวนนักเรียน ในแต่ละชั้น และใช้วิธีเลือกแบบเจาะจง รวมจำนวน 272 คน โดยมีเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็น แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้เป็นอุทยานการศึกษาที่เอื้อต่อ การเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ส าหรับครูและนักเรียน แบบสอบถาม ความพึงพอใจต่อการพัฒนาสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้เป็นอุทยานการศึกษาที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ระยะที่ 1 และระยะที่ 2 ส าหรับครู และนักเรียน และการวิเคราะห์ ข้อมูลโดยสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าเฉลี่ย (X) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และ t - test ผลการวิจัย พบว่า สภาพปัญหาที่พบคือ สภาพปัญหาสภาพแวดล้อมทางกายภาพ สภาพปัญหา สภาพแวดล้อมทางวิชาการ และสภาพปัญหาสภาพแวดล้อมทางการบริหารจัดการ จึงก าหนดให้มีโครงการ พัฒนาสภาพแวดล้อมให้เป็นอุทยานการศึกษาที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียนทั้ง 3 ด้าน ซึ่งโรงเรียนสายปัญญาในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ก าหนดนโยบายการพัฒนาสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้เป็นอุทยานการศึกษาที่เอื้อต่อ การเรียนรู้ของนักเรียน โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้เป็นอุทยานการศึกษา ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนท าหน้าที่วิเคราะห์หาแนวทางในการแก้ปัญหา และการพัฒนาสภาพแวดล้อมในแต่ละด้าน และก าหนดทางเลือกที่เหมาะสมและวางแผนแก้ปัญหา ได้โครงการและกิจกรรมเพื่อ การพัฒนาสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้เป็นอุทยานการศึกษาที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียนต่อเนื่อง 2 ระยะคือ ระยะที่ 1 ตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 ถึงสิ้นภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 และระยะที่ 2 ตั้งแต่ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 ถึงสิ้นภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 มีจ านวน 8 โครงการคือ สภาพแวดล้อม ทางกายภาพ มีจ านวน 2 โครงการคือ โครงการพัฒนาอาคารสถานที่ และโครงการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน สภาพแวดล้อมทางวิชาการ มีจ านวน 3 โครงการคือ โครงการพัฒนาห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ ในโรงเรียน โครงการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรม น้อมน าวิถีพุทธ และโครงการพัฒนาทักษะชีวิตคู่คุณธรรม ส านึกรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็น กุลสตรี มีปัญญา และสภาพแวดล้อมทางการบริหารจัดการ มีจ านวน 3 โครงการคือ โครงการสถานศึกษาปลอดภัยและสุขอนามัยดี โครงการโภชนาการโรงเรียน และโครงการสถานศึกษาสีขาวปลอดยาเสพติดและอบายมุข โดยมีการด าเนินการตามโครงการ/กิจกรรมตามแผนที่ก าหนด และประเมินผลผลการเปรียบเทียบความพึงพอใจของครูและนักเรียน ก่อนและหลังการดำเนินโครงการการพัฒนาสภาพแวดล้อม ในโรงเรียนให้เป็นอุทยานการศึกษาที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนสายปัญญา ในพระบรมราชินูปถัมภ์ โดยภาพรวม และในแต่ละด้านคือ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ สภาพแวดล้อมทางวิชาการ และสภาพแวดล้อม ทางการบริหารจัดการ ก่อนและหลังการด าเนินงานแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงว่า ความพึงพอใจของครูและนักเรียนหลังการด าเนินงานสูงกว่าก่อนการด าเนินงาน และผลการเปรียบเทียบ ความคิดเห็นของครูและนักเรียนที่มีต่อสภาพปัญหาการพัฒนาสภาพแวดล้อมในแต่ละด้านคือ สภาพแวดล้อมทางกายภาพ สภาพแวดล้อมทางวิชาการ และสภาพแวดล้อมทางการบริหารจัดการ โดยภาพรวม และในแต่ละสภาพปัญหาการพัฒนาสภาพแวดล้อม พบว่า ครูและนักเรียนมีความคิดเห็นต่อสภาพปัญหาการพัฒนา สภาพแวดล้อมทั้ง 3 ด้าน ก่อนและหลังการด าเนินงานแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 แสดงว่า ครูและนักเรียนมีความคิดเห็นต่อทุกสภาพปัญหาการพัฒนาสภาพแวดล้อมหลังการด าเนินงานน้อยกว่าก่อนการดำเนินงาน รวมทั้งผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ และกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีร้อยละของจ านวนนักเรียนที่ได้ระดับผลการเรียนตั้งแต่ 2.50 ขึ้นไป หลังการด าเนินงานมากกว่าก่อนการด าเนินงาน ส่วนร้อยละของจ านวนนักเรียนที่ได้ ระดับผลการเรียนต่ ากว่า 2.50 หลังการด าเนินงานน้อยกว่าก่อนการด าเนินงาน และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ มีร้อยละของจ านวนนักเรียนที่ได้ระดับผลการเรียนตั้งแต่ 2.50 ขึ้นไปหลังการดำเนินงานสูงกว่าก่อนการด าเนินงาน ส่วนระดับผลการเรียนต่ำกว่า 2.50 หลังการดำเนินงานต่ำกว่า ก่อนการดำเนินงาน
|
โพสต์โดย วิมลนาถ บัวแก้ว : [22 ก.พ. 2565 เวลา 11:32 น.] อ่าน [3406] ไอพี : 101.108.252.69
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก
|
|
|
|
|
|
|
โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2. ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป
3. สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น
7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป
** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**
|
|
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ เปิดอ่าน 114,037 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,071 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,866 ครั้ง
| เปิดอ่าน 6,526 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,525 ครั้ง
| เปิดอ่าน 14,499 ครั้ง
| เปิดอ่าน 10,097 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,695 ครั้ง
| เปิดอ่าน 30,869 ครั้ง
| เปิดอ่าน 16,092 ครั้ง
| เปิดอ่าน 13,128 ครั้ง
| เปิดอ่าน 11,822 ครั้ง
| เปิดอ่าน 25,513 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,277 ครั้ง
| เปิดอ่าน 18,004 ครั้ง
| |
|
เปิดอ่าน 17,250 ครั้ง
| เปิดอ่าน 27,945 ครั้ง
| เปิดอ่าน 17,149 ครั้ง
| เปิดอ่าน 9,436 ครั้ง
| เปิดอ่าน 15,871 ครั้ง
|
|
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด
|