ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5
ผู้วิจัย นางศฺริธร แหลมจริง
ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนช่องแมววิทยาคม
ปีการศึกษา 2563
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนสอนสังคมศึกษา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2)อการสร้างและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 3) เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 4) เพื่อประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาผลการทดลองใช้และประเมินการจัดการเรียนรู้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนช่องแมววิทยาคม เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ 1) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 2) แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดแก้ปัญหา 5) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 6) แบบประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ การทดสอบค่าที (t-test)
สรุปผลการวิจัย
1. ข้อมูลพื้นฐานสำหรับใช้ในการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนสังคมศึกษา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 คือ จัดการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ต้องจัดการศึกษาตามแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ และการแก้ปัญหาที่หลากหลาย แนวทางการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ต้องประกอบด้วย องค์ประกอบที่สำคัญดังนี้ คือ องค์ประกอบที่ 1 แนวคิดพื้นฐาน องค์ประกอบที่ 2 วัตถุประสงค์ องค์ประกอบที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนรู้ องค์ประกอบที่ 4 ระบบสังคม องค์ประกอบที่ 5 สิ่งสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ และองค์ประกอบที่ 6 หลักการวัดผลประเมินผล ศึกษาสภาพการจัดการเรียนการสอนภูมิศาสตร์ของนักเรียน พบว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.68 , S.D. = 0.63) และของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ในองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา กลุ่มที่ 6 พบว่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง ( = 3.63 S.D. = 0.69) ความต้องการในการจัดการเรียนการสอนวิชาสังคมศึกษา เน้นการกระบวนการแก้ปัญหา เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา ซึ่งจะต้องส่งเสริมให้กับผู้เรียนมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหา
2. ผลการสร้างและหาประสิทธิภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ได้รูปแบบ PASSCP MODEL ซึ่งมีขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ 7 ขั้นตอน คือ 1) การกำหนดปัญหา 2)การวิเคราะห์ปัญหา 3)การศึกษาค้นคว้า 4)การสังเคราะห์สู่วิธีการแก้ปัญหา 5)การสรุปและประเมินค่าคำตอบ 6)การนำเสนอผลงานและประเมินผลงาน และได้นำรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนตรวจสอบและประเมินแล้ว ผลการประเมินมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.78 และผลการประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีค่าเฉลี่ย เท่ากับ 4.74 และนำไปทดลองใช้กับนักเรียนแบบเดี่ยว (1:1) จำนวน 3 คน ซึ่งผลการศึกษาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการสอน มีค่าเท่ากับ 78.00/76.67 แบบกลุ่ม ( 1:10 ) จำนวน 9 คน ซึ่งผลการศึกษาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการมีค่าเท่ากับ 78.89/77.50 แบบภาคสนาม 1:100 จำนวน 30 คน ซึ่งผลการศึกษาประสิทธิภาพของรูปแบบการเรียนการมีค่าเท่ากับมีค่าเท่ากับ 81.20/80.75 พบว่า ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80
3. ผลการศึกษาการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 82.25/81.72 ค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ 0.7406 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ผลการวัดความสามารถในการแก้ปัญหาของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.78 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.45
4. ผลการประเมินรูปแบบการจัดการเรียนรู้ ตามแนวคิดการใช้ปัญหาเป็นฐาน เรื่อง สถานการณ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดแก้ปัญหา สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พบว่า อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ย ( ) 4.79 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.41 ซึ่งผลการประเมินเมื่อเทียบกับเกณฑ์ โดยรวม ผ่าน