ชื่อเรื่อง การพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด โดยใช้
กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้
สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ชื่อผู้วิจัย รุจิรา ทุมพิลา
สังกัด โรงเรียนเทศบาล 4 (รัตนโกสินทร์ 200 ปี)
ปีการศึกษา 2563
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้เป็นการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ 2) พัฒนาและหาประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 3) ทดลองใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 และ 4) ประเมินผลและปรับปรุงแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล 4 (รัตนโกสินทร์ 200 ปี) สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม จำนวน 1 ห้องเรียน ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 จำนวนนักเรียนทั้งหมด 39 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม เครื่องมือที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย 1) เครื่องมือที่ใช้ศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ได้แก่ แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์และแบบสนทนากลุ่ม 2) แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด 3) แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5) แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด และ 6) แบบสำรวจความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการใช้ค่าสถิติ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ทดสอบสมมติฐาน โดยใช้ค่าทีและวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) แล้วนำเสนอแบบพรรณนาความ
ผลการศึกษาพบว่า
1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานและความต้องการในการพัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านและ การเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ ผลการวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 และหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาล 4 (รัตนโกสินทร์ 200 ปี) สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ที่จัดให้ผู้เรียนได้เรียนเนื้อหาเรื่อง การอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด วิชาภาษาไทย เวลา 18 ชั่วโมง ประกอบด้วยเนื้อหา 1) มาตราแม่กก 2) มาตราแม่กง 3) มาตราแม่กด 4) มาตราแม่กน 5) มาตรา แม่กบ 6) มาตราแม่กม 7) มาตราแม่เกย และ 8) มาตราแม่เกอว สำหรับองค์ประกอบของแบบฝึกทักษะที่สำคัญ มีดังนี้ ชื่อแบบฝึกทักษะ คำนำ คำชี้แจง สารบัญ วัตถุประสงค์การเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน กิจกรรมการเรียนรู้ และแบบทดสอบหลังเรียน และการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ มีขั้นตอนต่อไปนี้ ขั้นที่ 1 ขั้นนำเสนอบทเรียน ทั้งชั้นเรียน ขั้นที่ 2 ขั้นเรียนกลุ่มย่อย ขั้นที่ 3 ขั้นทดสอบย่อย ขั้นที่ 4 ขั้นหาคะแนนพัฒนาการ และ ขั้นที่ 5 ขั้นให้รางวัลกลุ่ม
2. ผลการพัฒนาและหาประสิทธิภาพแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 พบว่า มีความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) โดยมีค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่าง 0.80-1.00 ค่าประสิทธิภาพแบบรายบุคคล (Individual Tryout) เท่ากับ 65.04/64.43 ค่าประสิทธิภาพแบบกลุ่มย่อย (Small Group Tryout) เท่ากับ 75.54/74.80 และค่าประสิทธิภาพแบบภาคสนาม (Field Tryout) เท่ากับ 82.97/81.10
3. ผลการทดลองใช้แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 มีประสิทธิภาพ คือ E1/E2 เท่ากับ 83.41/81.63 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้และนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
4. ผลการประเมินและปรับปรุงแบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ดังนี้ 1) ผลการประเมินความสามารถในการเรียนรู้หลังใช้ แบบฝึกทักษะการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้ แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมอยู่ในระดับดีมาก 2) ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อแบบฝึกทักษะ การอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือด้วยเทคนิค STAD เพื่อพัฒนาการอ่านออกเขียนได้ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมอยู่ในระดับดี เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า นักเรียนเห็นด้วยในระดับดีในทุกด้าน หลังสิ้นสุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ พบว่า ความพึงพอใจนักเรียนชอบแบบฝึกทักษะที่มีเนื้อหาไม่ยากจนเกินไป สามารถเรียนรู้ได้ดีขึ้น เข้าใจง่าย เพราะระดับความยากง่าย เหมาะสมกับระดับความสามารถของนักเรียน บรรยากาศในชั้นเรียนสนุกสนาน ครูสามารถทำให้วิชาภาษาไทยในการอ่านและการเขียนสะกดคำตามมาตราตัวสะกด จากเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย