ชื่อเรื่อง การใช้กลวิธีการอ่าน DR-TA ร่วมกับแผนผังมโนทัศน์เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นางสาวรชยา ธงภักดิ์
ปีการศึกษา 2562
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ (1) ตรวจสอบหาประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษด้วยกลวิธีการอ่าน DR-TA ร่วมกับแผนผังมโนทัศน์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 (2) ศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษด้วยกลวิธีการอ่าน DR-TA ร่วมกับแผนผังมโนทัศน์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (3) เปรียบเทียบความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจด้วยกลวิธีการอ่าน DR-TA ร่วมกับแผนผังมโนทัศน์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียนเทศบาล 1 กาฬสินธุ์พิทยาสิทธิ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ในภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2562 จํานวน 32 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling)
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ (1) แผนการจัดการเรียนรูู้้เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษด้วยกลวิธีการอ่าน DR-TA ร่วมกับแผนผังมโนทัศน์ จำนวน 6 แผน แผนละ 3 ชั่วโมง
(2) แบบทดสอบวัดความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจ ชนิดปรนัยเลือกตอบ
4 ตัวเลือก จํานวน 30 ข้อ สถิตที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ร้อยละ และสถิติ t-test (dependent sample)
ผลการวิจัย ปรากฏดังนี้
1. ผลการตรวจสอบหาประสิทธิภาพแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจด้วยกลวิธีการอ่าน DR-TA ร่วมกับแผนผังมโนทัศน์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น มีประสิทธิภาพเท่ากับ 81.01/ 80.63 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80
2. ผลการศึกษาดัชนีประสิทธิผลของแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจด้วยกลวิธีการอ่าน DR-TA ร่วมกับการใช้แผนผังมโนทัศน์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีค่าเท่ากับ 0.63 ซึ่งแสดงว่าผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้นร้อยละ 63
3. ผลการเปรียบเทียบความสามารถด้านการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจด้วยกลวิธีการอ่าน DR-TA ร่วมกับการใช้แผนผังมโนทัศน์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน พบว่า ค่าเฉลี่ยของคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05