ชื่องานวิจัย การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม
โดยใช้โครงงานคอมพิวเตอร์ เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองบุญมากพิทยาคม
จังหวัดนครราชสีมา
ผู้วิจัย นางสำฤทธิ์ พูนกลาง โรงเรียนหนองบุญมากพิทยาคม
อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา
ปี พ.ศ. 2565
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม
โดยใช้โครงงานคอมพิวเตอร์ เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน
หนองบุญมากพิทยาคม จังหวัดนครราชสีมา เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development)
ประยุกต์ร่วมกับแนวคิดในการพัฒนาและออกแบบระบบการสอนของ Banathy, Knirk, Gustafson,
Seels, Glasgow และแนวคิดในการออกแบบและพัฒนาระบบการเรียนการสอน DDIE Model ของ
Kevin Kruse โดยมีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนา
รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม โดยใช้โครงงานคอมพิวเตอร์
เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองบุญมากพิทยาคม
จังหวัดนครราชสีมา 2) เพื่อพัฒนาและหาประสิทธิภาพรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎี
คอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม โดยใช้โครงงานคอมพิวเตอร์ เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองบุญมากพิทยาคม จังหวัดนครราชสีมา 3) เพื่อศึกษาผลของการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่มโดยใช้
โครงงานคอมพิวเตอร์ เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน
หนองบุญมากพิทยาคม จังหวัดนครราชสีมา และ 4) เพื่อประเมินความพึงพอใจของนักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองบุญมากพิทยาคม ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่น
นิสซึ่ม โดยใช้โครงงานคอมพิวเตอร์กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 3/1 โรงเรียนหนองบุญมากพิทยาคม อำเภอหนองบุญมาก จังหวัดนครราชสีมา ภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2563 จำนวน 30 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้
ห้องเรียนเป็นการสุ่มด้วยการจับฉลาก จำนวน 1 ห้องเรียน ประกอบด้วยนักเรียน เก่ง อ่อน ปานกลาง
คละกันทั้งนักเรียนชายและหญิง ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของนักเรียนส่วนใหญ่ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม
โดยใช้โครงงานคอมพิวเตอร์ เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวน
6 แผน ๆ ละ 2 ชั่วโมง รวมทั้งหมด 12 ชั่วโมง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง โครงงานคอมพิวเตอร์และแบบประเมินความพึงพอใจ
ต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม โดยใช้โครงงานคอมพิวเตอร์ เพื่อพัฒนา
ข
ความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย
(
X
) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) ค่าทีแบบไม่อิสระ (t-test dependent) และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัยพบว่า
1. ข้อมูลสภาพปัจจุบันและความต้องการในการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาวิทยาการ
คำนวณ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ขึ้นเองได้นั้น เกิดจาก
สมองมีการพัฒนาให้เกิดปัญญา โดยมีการปรับตัวด้วยการซึมทราบและกระบวนการปรับโครงสร้าง
ทางปัญญา ซึ่งพัฒนาการจะเกิดขึ้นได้เมื่อบุคคลได้รับข้อมูลตลอดจน ประสบการณ์ใหม่ ไปผสมผสาน
กับความรู้เดิม สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติรวมทั้งการถ่ายทอด ความรู้ทางสังคม วุฒิภาวะ ซึ่งหากไม่
สอดคล้องกันจะเกิดภาวะไม่สมดุลขึ้น ซึ่งในภาวะดังกล่าวจะก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ทางปัญญาขึ้น
โดยผู้เรียนนั้นเสมือนนักทดลองที่สร้างและทดสอบทฤษฎีเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่อยากรู้สามารถจัดระบบ
โครงสร้างความรู้ของตนเอง และมีความสามารถในการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดี
2. รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม โดยใช้โครงงาน
คอมพิวเตอร์ เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนหนองบุญมาก
พิทยาคม เรียกว่า 7S- Modelประกอบด้วยองค์ประกอบที่สำคัญ คือ หลักการ วัตถุประสงค์
กระบวนการเรียนการสอน ระบบสังคม หลักการตอบสนอง สิ่งสนับสนุน เงื่อนไขของการนำรูปแบบ
ไปใช้และผลที่เกิดจากการใช้รูปแบบในส่วนของกระบวนการเรียนการสอนนั้น ประกอบไปด้วย 6
ขั้นตอน ได้แก่ 1) ขั้นกระตุ้นให้คิด (Stimulus: S) 2) ขั้นดุลพินิจเลือกเฟ้น (Selecting: S) 3) ขั้นสืบค้น
ประเด็นที่เกี่ยวข้อง (Searching: S) 4) ขั้นศึกษาตรึกตรองจนถ้วนถี่ (Studying: S) 5) ขั้นสรุปสิ่งที่
เรียนรู้(Summarizing: S) และ 6) ขั้นน าผลงานสู่สังคม (Showing and Sharing: S and S) เมื่อนำไป
ทดลองใช้กับนักเรียนแบบกลุ่มใหญ่ (Field Tryout) จำนวน 32 คน พบว่า มีประสิทธิภาพเท่ากับ
83.25/82.60 สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80
3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม
โดยใช้โครงงานคอมพิวเตอร์ เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 พบว่า
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตาม
ทฤษฎีคอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม โดยใช้โครงงานคอมพิวเตอร์ เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก