การศึกษาครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ โดยใช้หนังสืออ่านประกอบการสอน ชุด การใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการอย่างคุ้มค่า กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน โดยใช้หนังสืออ่านประกอบการสอน ชุด การใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการอย่างคุ้มค่า กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรมชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้ โดยใช้หนังสืออ่านประกอบการสอน ชุด การใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการอย่างคุ้มค่า กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่โรงเรียนกลางคลองสอง (พร
ดีเจริญ) สำนักงานเขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ปีการศึกษา 2562 จำนวน 2 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวน 58 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/2 จำนวน 29 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษามี 4 ชนิด ประกอบด้วย
1) แผนการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม หน่วยการเรียนรู้ที่ 10 การใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการอย่างคุ้มค่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 16 แผน
2) หนังสืออ่านประกอบการสอน ชุด การใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการอย่างคุ้มค่าจำนวน 8 เรื่อง ได้แก่ เล่มที่ 1 เรื่อง ฟ้าใสรู้จักสินค้า เล่มที่ 2 เรื่อง สุขหนักหนางานบริการ เล่มที่ 3 เรื่อง เบิกบานใจในการอยู่ร่วมกัน เล่มที่ 4 เรื่อง ถือตะกร้าไปจ่ายตลาด เล่มที่ 5 เรื่อง ยี่สิบบาทของฟ้าใส เล่มที่ 6 เรื่อง ภูผาใช้เงินฟุ่มเฟือย เล่มที่ 7 เรื่อง อย่ามัวช้ามาออมกัน เล่มที่ 8 เรื่อง แสนสุขสันต์เรื่องการเงิน
3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ที่ 10 การใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการ อย่างคุ้มค่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 3 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ ซึ่งมีค่าความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง 0.50-0.80 และมีค่าอำนาจจำแนกตั้งแต่ 0.40-0.76 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .70
4) แบบประเมินความพึงพอใจของนักเรียนต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออ่าน ชุด การใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการอย่างคุ้มค่า กลุ่มสาระสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 3 ระดับ จำนวน 10 ข้อ
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ( ) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) หา
ประสิทธิภาพของกระบวนการ (E1/E2) เปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนหลังเรียน โดยใช้ ttest
(Dependent Samples)
ผลการศึกษาปรากฏ ดังนี้
1. การจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออ่านประกอบการสอน ชุด การใช้จ่ายเงินซื้อสินค้า
และบริการอย่างคุ้มค่า กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพ 89.86/97.93 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้
2. นักเรียนที่เรียนโดยใช้หนังสืออ่านประกอบการสอน ชุด การใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและ
บริการอย่างคุ้มค่า มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้หนังสืออ่านประกอบการสอน ชุด
การใช้จ่ายเงินซื้อสินค้าและบริการอย่างคุ้มค่า กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( = 2.53)
ผลการศึกษาครั้งนี้ ทำให้มีสื่อนวัตกรรมประเภทหนังสืออ่านประกอบการสอนที่มีประสิทธิภาพ ครูผู้สอนสามารถนำไปใช้ในการสอนให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งปลูกฝังนิสัยรักการอ่านและยังสามารถใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาสื่อนวัตกรรมที่เป็นการสร้างหนังสืออ่านประกอบการสอนในกลุ่มสาระอื่น ๆ สำหรับนักเรียนทุกระดับชั้นได้เป็นอย่างดี