ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ค้นหากระทู้
ตั้งกระทู้คำถามใหม่ กลับหน้าที่แล้ว
 
Advertisement

รูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ชื่อผู้วิจัย นายศักดิ์ดา รุญจำรัส ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ โรงเร

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research& Development ) มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4) เพื่อประเมินผลการใช้รูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 แหล่งข้อมูล/กลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์การวิจัยขั้นตอนที่ 1 ได้แก่ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ทฤษฎีการเรียนรู้ ได้แก่ ทฤษฎีการเชื่อมโยงของธอร์นไดค์ (Thorndike’s Classical Connectionism) และทฤษฎีการสร้างความรู้ของ (Constructivist Learnink Theory) และทฤษฎีการรียนรู้ของรอเจอร์ แนวคิดสะตีมศึกษา และแนวคิดกระบวนการสร้างสรรค์และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา การศึกษาความต้องการจัดการเรียนการสอนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 30 คน การสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการครูหัวหน้างานวิชาการโรงเรียนและครูหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ จำนวน 2 คน และประเด็นการสนทนาอย่างไม่เป็นทางการของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ จำนวน 2 คน แหล่งข้อมูล/กลุ่มเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยขั้นตอนที่ 2 ได้แก่ การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานในขั้นตอนที่ 1 ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ในการตรวจสอบความเหมาะสม/สอดคล้อง และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2562 จำนวน 30 คน ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง แหล่งข้อมูล/กลุ่มตัวอย่างตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยขั้นตอนที่ 3 และ 4 ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนเทศบาล ๔ หนองแคอนุสรณ์ สังกัดเทศบาลตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จำนวน 35 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling ) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย 1) คู่มือการใช้รูปแบบการเรียนการสอน 2) แผนการจัดการเรียนรู้ 3) แบบประเมินกระบวนการสร้างสรรค์ 4) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนศิลปะ และ 5) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอน การวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูปและการคิดวิเคราะห์เนื้อหา(content analysis) สถิติที่ใช้ได้แก่การหาค่าเฉลี่ย ( ) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และค่าที (t-test dependent )

ผลการวิจัย

1. ข้อมูลพื้นฐานสำหรับการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ข้อมูลพื้นฐานโดยภาพรวมมีความเหมาะสม/สอดคล้องและเพียงพอกับการศึกษา เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 1 โดยจุดมุ่งหมายของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มีเป้าหมายการของการจัดศึกษาศิลปะ คือ พัฒนาผู้เรียนให้มีความเข้าใจ มี่ทักษะวิธีการทางศิลปะและซาบซึ้งในคุณค่าศิลปะ และจากศึกษาความต้องการของนักเรียนต่อการจัดการเรียนการสอน พบว่า ต้องการให้พัฒนาการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการปฏิบัติจริง ในส่วนของครูหัวหน้างานวิชาการโรงเรียนและครูหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ และครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ มีความคิดเห็นซึ่งสอดคล้องกันว่า ควรส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้จินตนาการในการเรียนรู้ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์ที่เน้นความเป็นไทยที่เชื่อมโยงกับความรู้ในแต่ละสาขาวิชาที่สัมพันธ์กัน

2. ผลการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษาเพื่อเสริมสร้างกระบวน การสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า รูปแบบการเรียนการสอน (4CR Model ที่พัฒนาขึ้น ประกอบด้วยกระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1 การนำเสนอเนื้อหา (Context Presentation: C ) ขั้นตอนที่ 2 การสร้างความรู้ (Construction: C) ขั้นตอนที่ 3 การถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ (Creative Expression: C) ขั้นตอนที่ 4 การสรรค์สร้างผลงาน (Creation of works: C) และขั้นตอนที่ 5 การสะท้อนความคิด (Reflection: R) มีความเหมาะสม/สอดคล้องตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ 5 คน โดยมีค่าความเหมาะสมสอดคล้องมีค่าเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.75 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) 0.43 และจากการหาประสิทธิภาพโดยนำไปทดลองใช้ (Tyout) กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 ที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 30 คน พบว่า มีประสิทธิภาพ ( E1/E2 ) เท่ากับ 81.98/83.22 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 2

3. ผลการทดลองใช้รูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (4CR Model) พบว่า จากการนำรูปแบบการเรียนการสอนไปทดลองใช้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนเทศบาล ๔หนองแคอนุสรณ์ สังกัดเทศบาลตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี จำนวน 35 ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling ) ใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยในการสุ่ม (Sampling Unit ) พบว่า หลังการเรียนรู้ในแต่ละหน่วยนักเรียนมีผลการประเมินกระบวนการสร้างสรรค์เปรียบเทียบกับเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับดี ทุกหน่วย และหลังการเรียนการสอนนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียน โดยมีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 16.88 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 1.04 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 3

4. ผลการประเมินการใช้รูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (4CR Model) พบว่า หลังการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการเรียนการสอนในแต่ละหน่วยนักเรียนมีกระบวนการสร้างสรรค์เมื่อเทียบกับเกณฑ์การประเมินอยู่ในระดับดีทุกหน่วย เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 4 และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนศิลปะสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยมีค่าการทดสอบที ( t-test dependent ) เท่ากับ 42.40 เป็นไปตาสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 5

5. ผลการประเมินความพึงพอใจที่มีต่อรูปแบบการเรียนการสอนศิลปะตามแนวคิดสะตีมศึกษา เพื่อเสริมสร้างกระบวนการสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (4CR Model) พบว่า หลังการจัดการเรียนการสอนนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการใช้รูปแบบการเรียนการสอนในภาพรวมอยู่ในระดับพึงพอใจมาก โดยมีคะแนนเฉลี่ย ( ) เท่ากับ 4.69 และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.05 เป็นไปตามสมมติฐานการวิจัยข้อที่ 6

โพสต์โดย น้ำ : [2 ก.พ. 2565 เวลา 10:06 น.]
อ่าน [64052] ไอพี : 171.4.176.107
หากข้อความนี้ไม่เหมาะสม คลิก คลิกปุ่มนี้ หากเห็นว่าข้อความนี้ไม่เหมาะสม
Advertisement

 
 

โปรดอ่านกฎกติกาก่อนแสดงความเห็น
1. ข้อความของท่านจะขึ้นแสดงโดยอัตโนมัติทันทีที่ได้รับข้อมูล
2.
ห้ามโพสต์ ข้อความยั่วยุให้เกิดความรุนแรงทางสังคม ข้อความที่ก่อให้เกิดความเสียหายและเสื่อมเสียต่อบุคคลที่สาม, เบอร์โทรศัพท์,
รูปภาพที่ไม่เหมาะสมต่อเยาวชนหรือภาพลามกอนาจาร หรือกระทบถึงสถาบันอันเป็นที่เคารพ
ขอให้ผู้ตั้งกระทู้รับผิดชอบตัวเอง
และรับผิดชอบต่อสังคม ถ้ารูปภาพ หรือข้อความใดส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่น ทีมงานพร้อมจะส่งรายละเอียดให้เจ้าหน้าที่
เพื่อตามจับตัวผู้กระทำผิดต่อไป

3.
สมาชิกที่โพสต์สิ่งเหล่านี้ อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากผู้เสียหายได้
4. ไม่อนุญาตให้มีการโฆษณาสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น ทั้งทางตรงและทางอ้อม
5. ทุกความคิดเห็นเป็นข้อความที่ทางผู้เยี่ยมชมเข้ามาร่วมตั้งกระทู้ในเว็บไซต์ ทางเว็บไซต์ kroobannok.com ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้น
6. ทางทีมงานขอสงวนสิทธิ์ในการลบกระทู้ที่ไม่เหมาะสมได้ทันที โดยไม่ต้องมีการชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความเห็นนั้นทั้งสิ้น

7. หากพบเห็นรูปภาพ หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งมาที่อีเมล์ kornkham@hotmail.com เพื่อทำการลบออกจากระบบต่อไป


 ** พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐**

ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเราประสบปัญหา
มีผู้โพสต์ข้อความที่หมิ่นเหม่และไม่เหมาะสมเป็นจำนวนมาก
ครูบ้านนอกดอทคอมจึงขอความร่วมมือสมาชิก
กรุณาเข้าสู่ระบบก่อนแสดงความเห็นครับ


  

สมัครสมาชิกใหม่
 

 

Advertisement

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

เปิดอ่าน 17,525 ครั้ง
การศึกษาเพื่อสร้างบัณฑิตเป็น‘ผู้นำสังคม’ : โดย นพ.วิชัย เทียนถาวร
การศึกษาเพื่อสร้างบัณฑิตเป็น‘ผู้นำสังคม’ : โดย นพ.วิชัย เทียนถาวร

เปิดอ่าน 39,233 ครั้ง
รับชมย้อนหลัง! การประชุมทางไกล ระบบติดตามและประเมินผลครูผู้เข้ารับการพัฒนา
รับชมย้อนหลัง! การประชุมทางไกล ระบบติดตามและประเมินผลครูผู้เข้ารับการพัฒนา

เปิดอ่าน 12,602 ครั้ง
ปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยโอนโรงเรียนให้ท้องถิ่น
ปฏิรูปโครงสร้างการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยโอนโรงเรียนให้ท้องถิ่น

เปิดอ่าน 16,761 ครั้ง
แอปเปิ้ลแต่ละสีมีประโยชน์ต่างกัน
แอปเปิ้ลแต่ละสีมีประโยชน์ต่างกัน

เปิดอ่าน 13,171 ครั้ง
ปฏิรูปการศึกษาที่ห้องเรียนจุดเริ่มต้นการเรียนรู้เด็ก-ครู
ปฏิรูปการศึกษาที่ห้องเรียนจุดเริ่มต้นการเรียนรู้เด็ก-ครู

เปิดอ่าน 14,904 ครั้ง
ชาวเน็ตกดไลค์ คลิปน้องเจนพากย์เสียงเป๊ะเว่อร์มากๆ
ชาวเน็ตกดไลค์ คลิปน้องเจนพากย์เสียงเป๊ะเว่อร์มากๆ

เปิดอ่าน 11,288 ครั้ง
แกล้งคนในลิฟต์ 55+
แกล้งคนในลิฟต์ 55+

เปิดอ่าน 14,179 ครั้ง
บำรุงเลือดลม ช่วยย่อยอาหาร
บำรุงเลือดลม ช่วยย่อยอาหาร

เปิดอ่าน 14,496 ครั้ง
คุณประโยชน์ต่างๆของผักโดยเฉพาะ
คุณประโยชน์ต่างๆของผักโดยเฉพาะ

เปิดอ่าน 9,953 ครั้ง
รายการ "เดินหน้าประเทศไทย" 3 มกราคม 2559 แถลงผลงานกระทรวงศึกษาธิการ
รายการ "เดินหน้าประเทศไทย" 3 มกราคม 2559 แถลงผลงานกระทรวงศึกษาธิการ

เปิดอ่าน 11,488 ครั้ง
วิธีดูแลรักษาที่นอน
วิธีดูแลรักษาที่นอน

เปิดอ่าน 13,887 ครั้ง
"อาชีพโดน-ทักษะเยี่ยม" ครึ่งปีหลังรุ่ง
"อาชีพโดน-ทักษะเยี่ยม" ครึ่งปีหลังรุ่ง

เปิดอ่าน 593 ครั้ง
ดวงของคุณจะดีขึ้นหรือแย่ลงในช่วงครึ่งปีหลัง? เจาะลึกครบทุกเรื่องทั้งงาน เงิน และความรัก
ดวงของคุณจะดีขึ้นหรือแย่ลงในช่วงครึ่งปีหลัง? เจาะลึกครบทุกเรื่องทั้งงาน เงิน และความรัก

เปิดอ่าน 27,472 ครั้ง
"อ่านคล่อง เขียนคล่อง คิดเลขเป็น"
"อ่านคล่อง เขียนคล่อง คิดเลขเป็น"

เปิดอ่าน 19,659 ครั้ง
ชวนคนไทยร่วมใจ ปลูกต้นไม้ถวายพ่อหลวง
ชวนคนไทยร่วมใจ ปลูกต้นไม้ถวายพ่อหลวง

เปิดอ่าน 12,132 ครั้ง
ปราบกลิ่นเท้าให้อยู่หมัด
ปราบกลิ่นเท้าให้อยู่หมัด
เปิดอ่าน 19,269 ครั้ง
อาหารบำรุงผม
อาหารบำรุงผม
เปิดอ่าน 10,526 ครั้ง
คุณรู้จริงหรือไม่ กับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
คุณรู้จริงหรือไม่ กับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
เปิดอ่าน 36,555 ครั้ง
พู่กันของสง่า มะยุระ รู้ไหมว่าท่านคือใคร
พู่กันของสง่า มะยุระ รู้ไหมว่าท่านคือใคร
เปิดอ่าน 3,095 ครั้ง
เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเรารั่วไหล เราจะรับมือแล้วป้องกันอย่างไร?
เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเรารั่วไหล เราจะรับมือแล้วป้องกันอย่างไร?

รายการหลัก

หน้าแรก
ข่าว/บทความ
สมุดเยี่ยม
กระดานสนทนา
เว็บลิงค์
ผู้จัดทำเว็บครูบ้านนอก
ข้อมูลบุคคล
ภาพกิจกรรม
ผู้สนับสนุน

สมาชิก

เข้าสู่ระบบ
คุณครูต้องรู้ไว้
รวมแบบฟอร์มต่างๆ

เว็บน่าสนใจ

เว็บไซต์ สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ติวสอบ GED
ติวสอบ SAT
เครื่องมือวัด
เครื่องมืออุตสาหกรรม
เกมส์
แหล่งรวมเกมส์

แหล่งรวมเกมส์



 เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ คลายเครียด

เกมส์ รวมเกมส์ เกมส์แข่งรถ เกมส์ต่อสู้ เกมส์ภาษา เกมส์วางระเบิด เกมส์แต่งตัว เกมส์ท่องเที่ยว เกมส์หมากฮอส เกมส์ผจญภัย เกมส์เต้น เกมส์รถ เกมส์ดนตรี เกมส์ขายของ เกมส์ฝึกสมอง เกมส์เด็กๆ เกมส์ปลูกผัก เกมส์การ์ด เกมส์จับผิดภาพ เกมส์ตลก เกมส์ตัดผม เกมส์ก้านกล้วย เกมส์ทําอาหาร เกมส์เลี้ยงสัตว์ เกมส์ผี เกมส์จับคู่ เกมส์กีฬา เกมส์เศรษฐี เกมส์ฝึกทักษะ เกมส์วางแผน เกมส์จีบหนุ่ม เกมส์มาริโอ เกมส์ระบายสี เกมส์จีบสาว เกมส์เบ็นเท็น เกมส์ยิง เกมส์ยาน เกมส์สร้างเมือง เกมส์มันส์ๆ เกมส์แต่งบ้าน เกมส์ความรู้
      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.


Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ