บทคัดย่อ
งานวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จิตวิทยาศาสตร์ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และบทบาทของครูผู้สอน กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์เพื่องานไฟฟ้าและการสื่อสารของผู้เรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง 2) เพื่อค้นหาตัวแปรพยากรณ์ที่ดีในการทำนายผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์เพื่องานไฟฟ้าและการสื่อสารของผู้เรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง 3) สร้างสมการพยากรณ์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์เพื่องานไฟฟ้าและการสื่อสารของผู้เรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้เรียนประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบวัดจิตวิทยาศาสตร์ แบบสอบถามแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ แบบสอบถามบทบาทของครูผู้สอน และแบบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ผลการวิจัยพบว่า
1. ความสัมพันธ์ระหว่าง ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จิตวิทยาศาสตร์ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ และบทบาทของครูผู้สอน มีความสัมพันธ์ทางบวกกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เพื่องานไฟฟ้าและการสื่อสาร (SAC) ในระดับมาก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (Cohen. 1968) โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณ เท่ากับ .856 แสดงว่าตัวแปรพยากรณ์ชุดนี้รวมกัน สามารถพยากรณ์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เพื่องานไฟฟ้าและการสื่อสาร ได้ร้อยละ 73.3 โดยทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในรูปคะแนนมาตรฐาน พยากรณ์ได้มากที่สุด
2. ตัวพยากรณ์ที่ดีในรูปคะแนนมาตรฐานของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เพื่องานไฟฟ้าและการสื่อสาร มี 4 ตัว เรียงลำดับตามความสำคัญดังนี้ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จิตวิทยาศาสตร์ แรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ บทบาทของครูผู้สอน ตัวพยากรณ์ชุดนี้ร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เพื่องานไฟฟ้าและการสื่อสาร ได้ร้อยละ 73.3
3. สมการพยากรณ์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เพื่องานไฟฟ้าและการสื่อสาร สามารถเขียนในรูปคะแนนดิบและคะแนนมาตรฐาน ได้ตามลำดับดังนี้
สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ
Y/ Y = .255SKILL + .161MILD + .428ACHI + .437TEACH + 2.984
สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน
Z/ Y= .478SKILL + .183MILD + .155ACHI + .114TEACH